สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 17.3

ตอนที่ 17.3

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 17.3 ขิงก็ราข่าก็แรง… เผชิญหน้าในห้องพิจารณาคดี (3)
บทที่ 17 ขิงก็ราข่าก็แรง… เผชิญหน้าในห้องพิจารณาคดี (3)
โดย
Ink Stone_Romance
“อะไรนะ? กู้ฉางเฟิงตายแล้วรึ?” ฉู่สวินหยางก็คาดไม่ถึงเช่นกัน นางยังคิดว่ากู้ฉางเฟิงคงกลัวว่าจะถูกนางกุมจุดอ่อนดังนั้นจึงทั้งกำกับทั้งแสดงละครเองเพื่ออยากจะฆ่าปิดปากนาง

“ตายแล้ว!” ฉู่ฉีเฟิงกล่าว ระหว่างคิ้วนั้นมีท่าทีหนักอึ้งแฝงอยู่ “ดังนั้นฝ่าบาทจึงโกรธมากขนาดนี้ สั่งการให้ศาลต้าหลี่ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด พวกเราทุกคนในจวนล้วนแต่ถูกจับตามองอยู่ จุดประสงค์ของท่านพ่อก็เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะถูกคนใช้จุดอ่อนมาเล่นงาน พวกเราจึงทำได้เพียงนิ่งเฉยคอยรับมืออย่างเงียบๆ อาศัยจากสถานการณ์ปัจจุบัน คาดว่าในวันพรุ่งนี้ศาลต้าหลี่คงจะออกหมายเรียกคดีนี้ เวลานี้จึงมีเพียงเจ้าคนเดียวที่จะต้องรับมือกับเรื่องนี้ก่อน รู้แล้วใช่หรือไม่ว่าควรจะทำอย่างไร?”

“อืม!” ฉู่สวินหยางพยักหน้า “ท่านพ่อเข้าใจถูกต้องแล้ว เรื่องนี้พวกท่านไม่ว่าใครก็อย่าได้สอดมือ แม้ว่าจะมีคนถามขึ้นมาก็ต้องปฎิเสธไม่รู้อันใดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากเพียงแค่พุ่งเป้ามาที่ข้าคนเดียวล่ะก็ ข้ารับมือไหวแน่นอน!”

ในขณะที่ฉู่สวินหยางพูดก็ครุ่นคิดภายในใจอย่างรวดเร็วหนึ่งครั้ง จับปลายนิ้วของฉู่ฉีเฟิงก่อนกล่าว “เรื่องของข้าที่ผู้อื่นรู้ก็มีเพียงผิวเผินเท่านั้น ด้านชิงเถิงท่านคอยดูนางหน่อย อย่าเพิ่งให้นางเคลื่อนไหวกระโตกกระตากจนศัตรูรู้ตัว เมื่อวานนางก็ไม่อยู่ข้างกายข้า แค่ให้นางปิดปากเงียบก็พอแล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆ รอข้ากลับไปก่อนแล้วค่อยพูดเถอะ”

ไม่อาจไม่พูดได้ว่า เหยาก่วงไท่ยังมีจิตใจคับแคบต่อเรื่องนี้ ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความเป็นความตายก็ยิ่งง่ายที่จะจัดการ

สมรู้ร่วมคิดให้การเท็จ?

เรื่องโกหกสุดท้ายแล้วอย่างไรย่อมเป็นเรื่องโกหก แทนที่จะคนกลุ่มหนึ่งจะใช้สมองอย่างหนักในการพูดโป้ปดร่วมกัน ยังมิสู้คนอื่นๆ ทั้งหมดไม่เอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนั้น เช่นนี้โอกาสที่จะเกิดช่วงโหว่ยังนับว่าจะมีน้อยกว่า

กล่าวว่ายิ่งพูดมากก็ยิ่งเกิดข้อผิดพลาด แม้แต่ความจริงก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะคำพูดที่ถูกตระเตรียมมาอย่างดี ดังนั้นกล่าวว่าสมรู้ร่วมคิดให้การเท็จก็คือการขุดหลุมฝังตัวเองดีๆ นี่เอง ฉู่สวินหยางไม่ได้โง่ขนาดนั้น!

แม้ว่านางจะดูเหมือนมีแผนอยู่ในใจแต่ฉู่ฉีเฟิงก็ยังคงไม่อาจวางใจได้ ลังเลไปสักพักก่อนจะอดไม่ไหวกล่าวความกังวลในใจออกมา “เรื่องของชิงหลัว เจ้ายังคงต้องเตรียมแผนล่วงหน้าไว้ คนต่างพูดกันว่าศพของมือสังหารนั้นถูกพากลับไปที่ศาลต้าหลี่แล้ว หากว่า…”

ฉู่สวินหยางนิ่งเงียบครุ่นคิด ผ่านไปสักพักจึงพยักหน้ารับ “ข้าทราบแล้ว!”

จะเป็นชิงหลัวหรือไม่? นางไม่กลัวหากจะมีคนใช้ชิงหลัวมาดึงนางให้ติดกับดัก แต่ว่าก็ไม่อาจยอมรับได้หากศพนั้นจะเป็นชิงหลัวจริงๆ

เมื่อตั้งสติแน่วแน่แล้ว ฉู่สวินหยางก็ชายตามองไปยังฉู่ฉีเฟิงอีกครั้ง กล่าวอย่างจริงจัง “ท่านพี่ ผู้ที่วางแผนอยู่เบื้องหลัง ท่านและท่านพ่อพอจะเดาออกหรือไม่?”

ฉู่ฉีเฟิงส่ายหน้า “แม้ว่าซูหลินดูเหมือนจะมีแรงจูงใจในการทำเรื่องนี้ที่สุด แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีความกล้าที่จะทำเช่นนี้ ลงมือสังหารกู้ฉางเฟิงตรงๆ แท้จริงแล้วการวางแผนนี้น่าจะมีคนอื่นด้วยถึงจะถูก”

สองคนพี่น้องสบตากัน ล้วนแต่ลอบอ่านสายตาของอีกฝ่ายที่มีความรู้สึกถึงเงื่อนงำบางอย่างออก

หลังจากนั้นสักพักฉู่สวินหยางก็เบนสายตาออก ยืนขึ้นก่อนก้าวสองก้าวเดินไปเดินมาในห้องขังที่ไม่นับว่ากว้างขวางนัก ในตอนที่หันกลับมามองฉู่ฉีเฟิงอีกครั้งก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ท่านพี่ ในเมื่อมีคนนำเรื่องมาให้เราถึงปากประตูขนาดนี้ มิสู้ละครฉากนี้ พวกเราเล่นละครฉากใหญ่สักฉากกันสักหน่อยเป็นอย่างไร?”

ฉู่ฉีเฟิงขมวดคิ้ว ส่งสายตาที่แฝงคำถามให้นาง

ฉู่สวินหยางเบ้ปาก กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องขังที่แข็งหยาบและมืดมน “การที่ข้ายอมนอนในห้องขังเช่นนี้ต้องไม่เสียเปล่า อย่างไรก็ต้องได้กำไรคืนจึงจะดี”

ฉู่ฉีเฟิงเข้าใจความหมายนี้ขึ้นมาโดยทันที เพียงแค่ขบคิดสักครู่ก็พยักหน้ากล่าว “ได้!”

เขาลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปจัดเสื้อผ้าที่ยับยู่ของนางให้เรียบร้อย จากนั้นก็เหลือบตามอง ทั้งแย้มยิ้มเล็กน้อย “เจ้าสนใจแต่เรื่องที่จะทำให้ตัวเองหลุดจากเรื่องนี้ได้ก็พอ ส่วนเรื่องอื่นๆ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง!”

“อืม!” ฉู่สวินหยางยิ้มตอบเขา

ฉู่ฉีเฟิงตบไหล่นาง ก่อนจะเรียกคนเข้ามาเก็บอาหารแล้วจึงค่อยหมุนกายออกไป

ฉู่สวินหยางยืนอยู่ด้านหลังลูกกรง ทอดสายตามองจนแผ่นหลังเขาหายลับไปจากทางเดินที่มืดสลัว จึงค่อยๆ หมุนกายเปิดสัมภาระออก ดึงผ้าคลุมขนสัตว์ผืนหนึ่งออกมาจากด้านใน ก่อนจะวางไว้บนเตียงหิน จากนั้นก็นำชุดจากสัมภาระอีกใบสวมลงตั้งแต่ศีรษะลงไป เมื่อสวมใส่ชุดคลุมตัวใหญ่นั้นทั้งศีรษะแล้ว นางก็ล้มตัวลงนอน

ชาติที่แล้วใช้ชีวิตแต่ละวันไปกับการนอนกลางดินกินกลางทรายราวกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา สภาพแวดล้อมของที่นี่จึงไม่ได้ทำให้นางรู้สึกถึงความลำบากแม้แต่น้อย นางเข้าสู้ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว ทั้งยังนอนหลับอย่างสนิท เพียงแต่ความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ ช่วงเวลาที่ช่องหน้าต่างเหนือศีรษะนั้นถูกแสงอาทิตย์สาดเล็ดลอดลงมา ก็ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าจำนวนมาก ทหารกลุ่มหนึ่งที่มีท่าทางดุดันก้าวเข้ามา

ฉู่สวินหยางพลิกกายลุกขึ้นนั่ง กะพริบตาปริบราวกับยังคงรำลึกถึงความฝันก่อนหน้านี้อยู่ ด้านนอกทหารเหล่าอู๋ผู้นั้น เดินเข้ามาอย่างรวดเร็วพลางประสานมือคารวะกล่าว “ท่านหญิง ขอท่านเตรียมตัวด้วยเถิด ศาลต้าหลี่เพิ่งจะแพร่ข่าวออกมา อยากจะเชิญท่านหญิงไปสอบถามสักหน่อยขอรับ!”

“อ๋อ!” ฉู่สวินหยางตอบรับด้วยเสียงเรียบ จัดแจงชุดคลุมให้เข้าที่ก่อนจะพลิกกายลุกขึ้นยืน มองไปรอบๆ ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไปตักน้ำมาให้ข้าหน่อยเถิด วันนี้ที่ห้องพิจารณาคงจะมีขุนนางชั้นสูงมาไม่น้อย ให้ข้าไปสภาพเช่นนี้เกรงว่าจะเสียมารยาทเกินไปแล้ว!”

นางถูกขังไว้แม้ว่าจะไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น ทว่าท่าทีที่มั่นคงไม่ตกใจแม้แต่น้อยนี้ กลับทำให้ผู้คนรู้สึกนับถืออยู่ในใจ ไม่รู้ว่าที่นางมีท่าทีเช่นนี้เพราะเป็นหญิงสาวที่ไม่หวั่นเกรงต่ออะไร หรือคิดว่าตัวเองนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างไรก็ไม่ถูกลากไปพัวพัน

เหล่าอู๋นั้นถอนหายใจออกมา มองเห็นแววตาของนางที่ยังแฝงด้วยความเห็นอกเห็นใจ แต่สุดท้ายก็ยังคงฝืนใจสั่งคนไปตักน้ำและผ้าสะอาดเข้ามาให้นาง

ฉู่สวินหยางจัดการตัวเองด้วยท่าทีสบายๆ จากนั้นจึงค่อยย่อตัวเดินลอดจากประตูห้องขังที่ค่อยข้างต่ำนั้นออกไป

ผู้รับผิดชอบในวันนี้คือเหยาก่วงไท่จากศาลต้าหลี่ ฮ่องเต้นั้นไม่ได้เข้าร่วมด้วย นอกจากฉู่อี้อันและฉู่อี้หมินยังมีขุนนางจากกรมอาญาอีกจำนวนหนึ่งที่เข้าร่วมการพิจารณาครั้งนี้ด้วย ฉู่สวินหยางเมื่อก้าวเข้าประตูไปก็กวาดสายตามองไปรอบๆ ที่น่าตกใจคือที่นั่งอยู่ในนั้นยังมีฉู่อี้เจี่ยนท่านอาของนางอยู่ด้วย

“คารวะท่านพ่อ ท่านอาทุกคน!” ฉู่สวินหยางก้าวเท้ายาวเข้าไป ทำความเคารพแก่คนเหล่านั้น

ฉู่อี้อันพินิจนางสักครู่ ก่อนจะถอนหายใจอย่างลึกๆ “ยังสบายดีใช่หรือไม่?”

“จะสบายได้อย่างไร จู่ๆ ก็จับข้าไปขังในคุกหลวง กลับไปหากเรื่องคลี่คลายลงแล้ว ท่านพ่อต้องช่วยข้าไปพูดกับเสด็จปู่ทางนั้น หาคำอธิบายดีๆ ไว้ให้ข้าจึงจะหายโกรธ” ท่าทีของฉู่สวินหยางดูไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร กลับดูไม่เหมือนผู้ต้องสงสัยที่มาขึ้นห้องพิจารณาคดีแม้แต่น้อย

ฉู่อี้อันไม่ได้พูดอะไร คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ด้านหลังของตั่งต่างก็มีท่าทีที่ทำอะไรไม่ถูกแตกต่างกันไป

“อย่าได้พูดเรื่อยเปื่อย ที่นี่คือห้องพิจารณาคดี!” ฉู่อี้หมินจิบชา กล่าวด้วยใบหน้าเยือกเย็น ก่อนจะเบนตามองไปยังเหยาก่วงไท่ที่นั่งบนตั่งสูงนั้น “ใต้เท้าเหยา ในเมื่อคนมาครบแล้ว ก็เริ่มสอบสวนเลยดีหรือไม่? เสด็จพ่อยังคงคอยฟังข่าวอยู่ในวัง”

“ขอรับ!” เหยาก่วงไท่ตอบรับอย่างนอบน้อม กระแอมในลำคอก่อนจะมองไปยังฉู่สวินหยาง กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “เมื่อวานช่วงเย็นข้าได้รับการร้องเรียนคดีความเข้ามา กล่าวว่ามีคนแอบลักลอบเข้าไปสังหารใต้เท้ากู้ที่ศาลาว่าการพระนครยามวิกาล ทั้งยังมีหลักฐานที่แสดงว่าท่านหญิงสวินหยางเป็นผู้ต้องสงสัยสำคัญที่อาจฆ่าคน ฝ่าบาทให้ความสำคัญแก่เรื่องนี้มาก สั่งการให้ข้ามารับผิดชอบในคดีนี้เป็นพิเศษ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็ล้วนมาเป็นพยาน ท่านหญิงสวินหยาง ข้าขอถามท่านหน่อย ท่านมีอะไรจะโต้แย้งกับคำกล่าวนี้หรือไม่?”

“แน่นอนว่าข้ามีเรื่องที่อยากพูด แต่ว่าก่อนที่จะพูด รบกวนใต้เท้าเหยาเชิญผู้ร้องเรียนและพยานต่างๆ เข้ามาพูดให้ชัดเจนต่อหน้าพวกเราในศาลก่อนได้หรือไม่? ข้าจะได้รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่” ฉู่สวินหยางกล่าวอย่างไม่ใส่ใจก้มหัวเล่นนิ้วมือไปพลาง ในขณะที่พูดก็หยุดไปพักหนึ่ง ก่อนจะใช้แววตาที่เต็มไปด้วยความเสียดสีมองไปที่เหยาก่วงไท่อีกครั้ง “อีกทั้ง…ใต้เท้าเหยา ตอนนี้ข้ายังไม่ได้ถูกพิจารณาว่าเป็นนักโทษ ท่านนั่งสบายๆ อยู่บนตั่งนั้น กลับเรียกข้าให้ยืนตอบคำถาม? แม้ข้าจะอย่างไรก็ได้ แต่ว่าหากคดีในวันนี้ไม่เป็นจริงขึ้นมา ลองคิดดูว่า มีตุลาการท่านไหนบ้างที่ทำเรื่องน่าเกลียดในการพิจารณาคดี ท่านคิดว่า…เช่นนี้มันเหมาะสมหรือไม่?”

เหยาก่วงไท่ขมวดคิ้ว คนที่นั่งข้างๆ นอกจากฉู่อี้อันและฉู่อี้เจี่ยนแล้ว คนอื่นๆ ล้วนแต่เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้นมา ค่อยๆมองไปทางฉู่อี้อัน…

เด็กคนนี้ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ ถูกองค์รัชทายาทของพวกเขาพะเน้าพะนอจนกู่ไม่กลับแล้ว เรื่องราวร้ายแรงมาจนถึงขั้นนี้ ยังพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องกับเหยาก่วงไท่ เกินไปแล้ว…

“อะแฮ่ม…” เหยาก่วงไท่เผยสีหน้าทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา รออยู่สักพักก็ไม่มีคนช่วยพูดให้ จึงลังเลไปชั่วครู่ สุดท้ายก็มีเพียงแต่ต้องยอมทำตาม กัดฟันกล่าว “หาเก้าอี้ตัวหนึ่งมาให้ท่านหญิงนั่ง!”

“ขอรับ ใต้เท้า!” คนของทางการรับคำก่อนจะออกไป ไม่นานก็ขนเก้าอี้ตัวหนึ่งขึ้นมาให้

ฉู่สวินหยางถอดเสื้อคลุมตัวใหญ่ออก จากนั้นจึงค่อยยกชายกระโปรงขึ้นก่อนจะนั่งลงไป สีหน้านั้นยังคงปรากฏรอยยิ้มราบเรียบ เป็นท่าทางที่ทำให้คนที่พบเห็นรู้สึกโมโหขึ้นมาเสียยิ่งกระไร

———————————————————–

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท