สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 38.2

ตอนที่ 38.2

บทที่ 38 เหยียนหลิงจวิน พี่ชายภรรยาของเจ้าลักพาตัวสะใภ้หนีไปแล้ว! (2)
Ink Stone_Romance
วังบูรพาและจวนอ๋องหนานเหอเป็นดั่งน้ำกับไฟที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ จะเอาแต่แก่งแย่งชิงดีกันก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด

พูดอย่างถึงที่สุดแล้ว ในใจของฮ่องเต้นั้น ไม่ว่าใคร เขาก็ไม่กล้าเชื่อใจทั้งนั้น ให้ฉู่ฉีเหยียนดูแลกองทัพทหาร เขายังวางใจได้ แต่เมื่อเจิ้งตั๋วไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อีกแล้ว จึงต้องฉวยโอกาสส่งฉู่อี้อันไปนำทัพแทน

จะว่าไปแล้ว ผู้ที่เดาทิศทางในการทำเรื่องต่างๆ ของฮ่องเต้ได้นั้น ไม่มีใครจะเข้าใจดีไปมากกว่าฉู่อี้อันอีกแล้ว

ฉู่ฉีเฟิงได้ฟังก็ตกใจไป พยักหน้าอย่างไม่กล้าจะชะล่าใจแม้แต่น้อย “ขอรับ ข้าเข้าใจแล้วว่าควรจะต้องทำอย่างไร”

ครุ่นคิดสักพักก็กล่าวออกมา “แต่ว่าสวินหยางทางนั้น หากรู้ว่าข้าดำเนินเรื่องโดยปิดบังนาง ย่อมต้อง…”

ฉู่อี้อันเหลือบมองเขาไปทีหนึ่ง ในท่าทีนั้นกลับดูจนปัญญาอยู่บ้าง

ฉู่ฉีเฟิงเห็นเช่นนั้นก็ไม่พูดมากความอะไรอีก…

ใช่แล้ว มีเรื่องอันใดบ้างที่ฉู่สวินหยางจะคาดไม่ถึงและไม่สามารถเข้าใจได้? เพียงแต่ว่านางทำเป็นแสร้งโง่ต่อหน้าพวกเขาเท่านั้น

ยามสี่เกิง[1]

คังจวิ้นอ๋องได้รับการรายงานลับ ทายาทคนเดียวที่เหลืออยู่ของสกุลซูแห่งจวนอ๋องฉางซุ่น คุณชายรองซูอี้แอบกลับเมืองหลวงอย่างลับๆ ทั้งยังนำทัพทหารเข้าไปคุมขังในคุกด้วยตนเอง

ฮ่องเต้รีบร้อนออกราชโองการ นำคนพวกนั้นเข้าสู่คุกหลวง เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด รอกวาดล้างพวกกบฏให้สิ้นซากแล้วจึงค่อยนำมาตัดสินโทษด้วยกัน

ยามรุ่งอรุณ ฉู่อี้อันล่วงหน้าเข้าวังไปกล่าวอำลากับฮ่องเต้ ตอนที่กำลังพูดคุยเรื่องการเดินทางครั้งนี้กับฮ่องเต้ในห้องบรรทมอยู่นั้น ก็พบกับหลี่รุ่ยเสียงที่ถือจดหมายลับปิดผนึกขี้ผึ้งเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยใบหน้ามืดมน

“ฝ่าบาท เป่ยเจียงส่งม้าเร็วนำรายงานลับมาพ่ะย่ะค่ะ!”

ผ่านปีใหม่ไป เป่ยเจียงได้รับชัยชนะติดต่อกันอยู่หลายครั้ง สถานการณ์จึงอยู่ในความสงบมาโดยตลอด ฮ่องเต้แกะจดหมายลับออกอ่านอย่างสงสัย หลังจากที่กวาดสายตาอ่านอย่างรีบร้อน หน้าก็พลันเปลี่ยนสี ตบมือลงไปบนโต๊ะฉาดใหญ่

“พวกไร้ประโยชน์!”

ก่อนจะตามมาด้วยเสียงคำรามที่ดังก้องไปทั่วทั้งวังหลัง ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเช้าวันใหม่ที่เริ่มต้นขึ้น

เช้าตรู่ของวันนี้ฮ่องเต้มาสายไปครึ่งชั่วยาม[2]เต็มๆ ส่วนรัชทายาทฉู่อี้อันนั้นกลับไม่พบตัวเสียแล้ว ทั้งตอนที่ฮ่องเต้ปรากฏตัวขึ้นก็เห็นได้ชัดว่าอยู่ในสีหน้าที่ไม่ดี มีเรื่องเก่าอันใดก็ไม่อนุญาตให้บังคมทูล เพียงแต่ออกราชโองการใหม่ออกมา ให้คังจวิ้นอ๋องลงไปทางใต้แทนฉู่อี้อัน จากนั้นก็ประกาศออกจากท้องพระโรงไปอย่างเร่งรีบ

เหยียนหลิงจวินได้รู้เรื่องที่ซูอี้ถูกคุมขังก็เป็นเช้าของวันนี้ แม้ว่าเรื่องนี้จะอยู่ในความคาดหมาย ทว่ากลับไม่คาดคิดว่าเรื่องจะเกิดขึ้นอย่างพรวดพราดเช่นนี้ ออกจากวังมาเขาก็รีบร้อนไปยังวังบูรพาทันที แต่ไม่คิดว่ากลับสายไปหนึ่งก้าว…

ฉู่ฉีเฟิงรับราชโองการจากฮ่องเต้นำฉู่สวินหยางออกจากเมืองไปด้วยกันแล้ว

“ใต้เท้าเหยียนหลิง ต้องขออภัยจริงๆ ขอรับ ท่านหญิงตามท่านชายของพวกเราออกเมืองไปปฏิบัติภารกิจแล้ว ช่วงนี้องค์รัชทายาทมีงานสำคัญรัดตัว ไม่อาจละไปได้ขอรับ” เจิงจีมีท่าทีเกรงใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ล้วนไม่เข้าไปในหูของเขาสักนิด

เหยียนหลิงจวินเผยใบหน้าเรียบเย็นก่อนจะฟาดแส้ม้าจากไป

เด็กคนนั้น จะไปก็ไม่คิดจะร่ำลาเขาสักนิด อีกทั้งก่อนที่จะไปก็ยังไม่ลืมที่จะดึงเขาออกมาใช้ประโยชน์ด้วย

“นายท่าน ท่านหญิงคงไม่ได้ตั้งใจหรอกเจ้าค่ะ ได้ยินว่าภารกิจของคังจวิ้นอ๋อง เป็นฮ่องเต้ที่ออกคำสั่งมาอย่างเร่งด่วน เวลานั้นแม้แต่สัมภาระเดินทางยังไม่ทันที่จะได้กลับจวนมาเก็บ ก็ออกเมืองลงใต้ไปเลยเจ้าค่ะ” อิ้งจื่อกล่าวเสียงเบา

เหยียนหลิงจวินกวาดสายตาเย็นเยียบมองไป

อิ้งจื่อก้มหน้าต่ำหลบสายตาเขาอย่างร้อนตัวทันที

ไม่ว่าใครก็รู้ว่าเหยียนหลิงจวินและซูอี้นั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เวลานี้ฉู่ฉีเฟิงนำคนไปจับซูอี้ด้วยตนเองก็เพื่อทำให้ฮ่องเต้เห็นว่า…

ได้แบ่งแยกวังบูรพาของพวกเขาออกจากซูอี้หรือแม้กระทั่งสกุลซูให้เห็นอย่างชัดเจน

และขณะเดียวกัน ฉู่สวินหยางก็ออกจากเมืองหลวงอย่างเร่งด่วน ตัดขาดการติดต่อกับเหยียนหลิงจวินโดยสิ้นเชิง…

นี่จึงนับว่าวางหมากตานี้ได้อย่างเพียบพร้อม

ทั้งสองฝ่ายนี้กำลังจะ ‘แตกหักกัน’ เพราะเรื่องของซูอี้

แม้จะพูดว่าวางหมากได้อย่างครบชุด เหยียนหลิงจวินก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ หลังจากถูกขวางที่ประตูวังบูรพา กลับมา ทั่วทั้งใบหน้าก็ยังเผยท่าทีมืดมน ตลอดทางสีหน้าดำคล้ำไม่พูดไม่จากลับมายังจวนเฉิน

และข่าวนี้ ใช้เวลาอย่างสั้นๆ ครึ่งวันก็แพร่กระจายกันไปทั่วในบรรดาชนชั้นสูงภายในเมืองหลวง

เวลานี้…

บนรถม้าที่ลงทางใต้ ฉู่สวินหยางกลับนั่งสบายใจเฉิบ มองดูทัศนียภาพของฤดูใบไม้ผลิยามเช้านอกหน้าต่างไปพลาง ทั้งยังรินชาส่งให้ฉู่ฉีเฟิงไปพลาง “ไม่ได้ออกเมืองมาตั้งนาน โอกาสครั้งนี้นับว่าหาได้ยาก ข้าต้องขอบใจท่านพี่เสียแล้ว”

“จากนี้ไปอย่าได้เหิมเกริมเช่นนี้อีกเลย ครั้งหน้าหากท่านพ่อโกรธขึ้นมา ข้าจะไม่สนใจเจ้าอีกแล้ว” ฉู่ฉีเฟิงรับถ้วยชาขึ้นมาจิบ ก่อนจะก้มหน้าอ่านตำราพิชัยสงครามต่อไป

“แค่เดาก็รู้แล้ว ว่าเมื่อวานท่านพ่อกับท่านพี่คุยเรื่องอะไรกัน ทั้งพวกท่านยังร่วมมือกันหลอกใช้ประโยชน์จากข้าอีก? ข้าเพียงไม่ได้เปิดเผยออกไปเท่านั้น ท่านพี่ ท่านก็อย่าทำเป็นฉลาดไปหน่อยเลย” ฉู่สวินหยางเบ้ปากอย่างไม่เห็นด้วย

ฉู่ฉีเฟิงหัวเราะ ใบหน้าที่อ่อนโยนนั้นทำให้คนรู้สึกราวกับล่องลอยไปในลมเย็นของฤดูใบไม้ผลิ

เขาละสายตาจากหนังสือ เงยหน้ามองน้องสาวของตนไปทีหนึ่ง แววตานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเอ็นดู

เป็นการยากที่จะออกเมืองมาเช่นนี้ ฉู่สวินหยางกลับอารมณ์ดีเป็นพิเศษ บนใบหน้านั้นถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มที่สดใสดั่งแสงอาทิตย์อยู่ตลอดเวลา

ฉู่ฉีเฟิงมองไปยังนาง เกิดเหม่อลอยอย่างไม่ทันรู้ตัว จนกระทั่งรถม้าตกลงไปในหลุมจึงค่อยรวบรวมสติกลับคืนมา

“สวินหยาง” ลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็ยังเอ่ยขึ้นอย่างสองจิตสองใจ

“หืม?” ฉู่สวินหยางเบนสายตากลับมาจากด้านนอก มองไปยังเขา จึงพบว่ายามนี้รอยยิ้มที่มุมปากของเขาเรียบตรง มองแววตาของนางด้วยท่าทีที่ซับซ้อนอยู่บ้าง

นางและฉู่ฉีเฟิงนั้นเข้ากันได้ดีมาโดยตลอด จู่ๆ ก็เห็นเขาแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมา หัวใจของฉู่สวินหยางจึงหดเกร็งขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด

ฉู่ฉีเฟิงเม้มริมฝีปาก ราวกับตรึกตรองอะไรอยู่ ผ่านไปสักพักจึงเปิดปากอย่างลังเล “เจ้ารู้สึกดีกับเหยียนหลิงจวินรึ?”

ฉู่สวินหยางชะงักไป ตะลึงพรึงเพริดทันที

แม้ว่าการไปมาหาสู่ของนางและเหยียนหลิงจวินแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยจงใจปิดบังฉู่ฉีเฟิง แต่นับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ยินเขายกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดต่อหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง ทั้งยังมีความตระหนกและร้อนตัวแฝงอยู่ด้วย

“เหตุใดจู่ๆ ท่านพี่ก็ยกเรื่องนี้ขึ้นมาถามเล่า?” ปรับอารมณ์กลับคืนสู่ความปกติอย่างรวดเร็ว ฉู่สวินหยางแสร้งทำเป็นยิ้มอย่างไม่ใส่ใจออกมา

ฉู่ฉีเฟิงมองเห็นรอยยิ้มนั้นของนางแฝงด้วยความหงุดหงิดอยู่รางๆ ในใจพลันเกิดความรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกอย่างหนึ่งพุ่งขึ้นมา

“ไม่มีอะไร ข้าเพียงแค่ถามไปเช่นนั้น” เขาฝืนปรับให้อารมณ์ดี ก้มหน้าลงไปอ่านหนังสืออีกครั้ง เพียงแค่ยังคงมีเรื่องในใจอยู่ นิ้วมือกดอยู่ที่หน้ากระดาษไว้ ผ่านไปค่อนวันก็ยังไม่พลิกหน้ากระดาษแต่อย่างใด

ฉู่สวินหยางก็จ้องมองท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขาอยู่ตลอดเช่นกัน หลังจากชั่งน้ำหนักอยู่ในใจก็เอื้อมตัวขึ้นไป ดึงหนังสือออกมาจากมือของเขา

ฉู่ฉีเฟิงเดิมทีก็ไม่ได้จดจ่ออยู่กับหนังสืออยู่แล้ว จู่ๆ ในมือพลันว่างเปล่าจึงคล้ายกับเพิ่งดึงสติกลับมาได้ เงยหน้ามอง เห็นฉู่สวินหยางเผยรอยยิ้มขึ้นอย่างได้รูป จึงยิ้มตามไปด้วย กล่าวระคนบ่น “ทำเรื่องตกอกตกใจเช่นนี้ทำไม?”

“ท่านพี่!” ฉู่สวินหยางมองเขา ราวกับร้อนตัวอยู่บ้าง ขนตายาวนั้นกะพริบลงเร็วๆ สองครา จากนั้นจึงค่อยกล่าวอย่างระมัดระวัง “ท่าน…ไม่ค่อยชอบเขาใช่หรือไม่?”

ฉู่ฉีเฟิงอึ้งไป

เขากับเหยียนหลิงจวิน แท้จริงแล้วก็หาจุดที่ขัดแย้งและต่อต้านออกมาอย่างชัดเจนไม่ได้ อีกทั้งบุคคลเช่นนั้นยังมากความสามารถและเข้ากับทุกฝ่ายได้อย่างละมุนละม่อม ในใจเขาอย่างไรเสียก็ยังมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจอยู่บ้าง

แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า เวลานี้หากได้ยินคำว่า ‘เหยียนหลิงจวิน’ สามคำนี้ขึ้นมา…ด้วยก้นบึ้งของหัวใจจริงๆ ของเขาแม้จะฟังก็ไม่อยากจะฟัง แม้จะยกขึ้นมาพูดก็ไม่อยากจะพูดแม้แต่น้อย

ก่อนหน้านี้ไม่ได้สนใจอย่างจริงจังจึงไม่รู้สึกรู้สาอะไร เวลานี้เมื่อลองคิดดูดีๆ แล้วจึงพบว่า…

ที่เขาเกลียดนั้นไม่ใช่ตัวของเหยียนหลิงจวิน แต่เป็น…

การที่ความสัมพันธ์ของเขาและฉู่สวินหยางถูกกีดกันออกไปอย่างลับๆ ต่างหาก

——————————————————

[1] ยามสี่เกิง เวลาประมาณ01:00 – 02:59

[2] ครึ่งชั่วยาม ประมาณหนึ่งชั่วโมง

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท