สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 20.4

ตอนที่ 20.4

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 20.4 มองหน้ากันจนเบื่อ กับความจริงที่ถูกเปิดเผย (4)
บทที่ 20 มองหน้ากันจนเบื่อ กับความจริงที่ถูกเปิดเผย (4)
โดย
Ink Stone_Romance
ณ จวนอ๋องหนานเหอ

ฉู่ฉีเหยียนที่ได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ให้ไปปฏิบัติภารกิจนอกเมืองหลวง เมื่อได้รับข่าวการตายของกู้ฉางเฟิง เขาก็รีบกลับมาถึงจวนสองวันให้หลังจากที่คดีเกิดขึ้น พอเข้ามาก็มุ่งหน้าตรงไปหาฉู่อี้หมินทันทีโดยไม่แม้แต่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า

เมื่อเดินเข้ามาด้านในก็ได้ยินเสียงของคนแซ่เจิ้งตะโกนอยู่ “ออกไปให้หมด เจ้าพวกชั้นต่ำ ฟังที่ข้าพูดไม่รู้เรื่องหรือไง? ออกไปให้หมดเดี๋ยวนี้!”

นางแผดตะโกนเสียงดัง ไม่หลงเหลือความสง่างามเหมือนที่ผ่านมา น้ำเสียงนั้นไร้ซึ่งความน่าเกรงขาม แต่มันกลับเต็มไปด้วยความโมโหอารมณ์เสีย

เสียงภายในห้องดังสนั่น เสียงหัวเราะของหนุ่มสาวอย่างไม่แยแสนั้น ยิ่งทำให้เสียงของนางพูดขึ้นจนแสบแก้วหูยิ่งกว่าเดิม

“ออกไปซะ!” ในที่สุดฉู่อี้หมินก็ทนไม่ไหวจึงตะโกนออกมา “เรื่องของข้าไม่จำเป็นต้องให้เจ้าเข้ามายุ่ง ใครก็ได้…เชิญตัวพระชายาออกไปที!”

“ท่านอ๋อง…” คนแซ่เจิ้งเปล่งเสียงออกมาอย่างโมโห น้ำเสียงนั้นสั่นคลอนใกล้จะร้องไห้ออกมาเต็มที

ทหารที่ได้ยินคำสั่งกำลังจะเข้าไป แต่ครั้นเงยหน้าขึ้นมองเห็นฉู่ฉีเหยียนที่กำลังเดินเข้ามาด้วยใบหน้าบึ้งตึงขึงขังก็ตกใจชะงักลง หลังจากนั้นก็ทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินคำสั่งที่ว่า ยืนก้มศีรษะอยู่กับที่ไม่ขยับตัวไปไหน

อีกด้านภายในห้อง ฉู่อี้หมินกำลังโอบข้ารับใช้อยู่ในอ้อมกอดทั้งซ้ายและขวาร้องรำทำเพลงอย่างมีความสุข หญิงสาวในชุดวาบหวิวขยับตัวไปมาอย่างคล่องแคล่ว กลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วห้อง แต่ละคนต่างทำหน้าที่ของตนไปโดยที่ไม่สนใจคนแซ่เจิ้งที่ยืนอยู่กลางห้องด้วยใบหน้าโมโหปรอทแตกนั่นเลยแม้แต่น้อย

ปกติแล้วคนแซ่เจิ้งมีวิธีการจัดการเรื่องหลังบ้านได้เป็นอย่างดี แต่ช่วงสองวันนี้ฉู่อี้หมินเอาแต่นอนอยู่บ้านไม่ทำงานทำการ ถึงคนแซ่เจิ้งจะเก่งแค่ไหนก็ทนเห็นไม่ได้ สองวันนี้นางเลยเอาแต่มายุ่งวุ่นวายกับเขา จนท้ายที่สุดก็ทำให้

ฉู่อี้หมินรำคาญจนได้ หญิงสาวพวกนั้นก็ปรับตัวตามสถานการณ์ตรงหน้า พวกนางกะตือรือร้นปรนเปรอฉู่อี้หมิน แล้วรวมหัวกันขับไล่คนแซ่เจิ้งออกไป ราวกับว่าเห็นโอกาสที่ตัวเองจะได้เลื่อนขั้นก็ไม่ปาน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าต้องยั่วให้คนแซ่เจิ้งโมโหปรอทแตกให้ได้ เพื่อที่จะให้ฉู่อี้หมินปลดนางทิ้งเสีย

“ท่านอ๋อง ฮ่องเต้รับสั่งให้ท่านกักตัวคิดทบทวน ท่านเองก็น่าจะทำตัวดีๆ หน่อย จวนอ๋องแห่งนี้มีสายตาผู้คนจับจ้องอยู่มาก หากมีคนซุบซิบกันจนเรื่องไปถึงหูฮ่องเต้ทำให้เขากริ้วโกรธเข้าอีกจะทำเยี่ยงไรเล่า!” คนแซ่เจิ้งระงับโทสะไว้ แล้วพูดโน้มน้าวออกมาอย่างใจเย็น

“ข้าสั่งให้เจ้าไสหัวออกไปไง!” ฉู่อี้หมินยังคงโมโหอยู่ เมื่อได้ยินคำว่า ‘กักตัวคิดทบทวน’ เข้า ก็ราวกับถูกจี้ใจดำ เขวี้งแก้วเหล้าในมือใส่คนแซ่เจิ้งอย่างแรง

คนแซ่เจิ้งเดินถอยหลัง แต่สุดท้ายก็ยังโดนปาแก้วเหล้านั้นโดนหน้าผากอยู่ดี

“โอ๊ย!” นางส่งเสียงร้องเจ็บ ยกมือขึ้นกุมหน้าผากเอาไว้ เลือดไหลรินออกมาจากแผลนั้นมากจนแทบลืมตาไม่ขึ้น

เป็นสามีภรรยากันมายี่สิบกว่าปี คนแซ่เจิ้งเพิ่งเคยโดนกระทำร้ายแรงใส่เยี่ยงนี้เป็นครั้งแรก โดยเฉพาะต่อหน้าผู้หญิงชั้นต่ำพวกนั้นแล้วด้วย หน้าตาเกียรติยศทั้งหมดที่มีพังทลายลง นางทั้งน้อยใจทั้งโมโห หยดน้ำตาไหลรินออกมาไม่หยุด ชี้นิ้วขึ้นพูดกับฉู่อี้หมินด้วยร่างกายที่สั่นเทาไปทั้งตัว “ท่านอ๋อง ข้าทำทุกอย่างไปก็เพื่อท่านทั้งนั้น…”

“น่ารำคาญชะมัด!” ฉู่อี้หมินก่นด่า ตะโกนส่งเสียงออกไปด้านนอก “พวกข้างนอกนั่นหูหนวกรึไง? รีบลากตัวนางบ้าคนนี้ออกไปซะ!”

“พระชายาเจ้าคะ คนฉลาดที่แท้จริงย่อมลดราวาศอกเพื่อที่จะไม่เป็นเบี้ยล่างคนอื่น ท่านอดทนไว้ก่อนนะเจ้าคะ อดทนเอาไว้ก่อน!” แม่นมกู้รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าไปช่วยซับแผลคนแซ่เจิ้งไว้พลางพูดโน้มน้าวนาง

ยังไม่ทันเอ่ยปากขึ้นพูดต่อก็ชะงักลง เพราะเสียงเปิดประตูเข้ามาของคนด้านนอก

แม่นมกู้หันกลับไปมองด้วยความหวาดกลัวเสียวสันหลังวาบ จึงเห็นเข้ากับฉู่ฉีเหยียนและหลี่หลินทำหน้าหม่นหมองบึ้งตึงยืนอยู่ที่ประตู

ความสิ้นหวังในใจเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นมีความหวัง แม่นมกู้เปล่งเสียงออกมาอย่างดีใจว่า “ซื่อจื่อกลับมาแล้ว! พระชายาเจ้าคะ ซื่อจื่อกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!”

คนแซ่เจิ้งตกใจ หันหน้าไปมองบุตรชายของตน ก็ยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมากขึ้นกว่าเดิม น้ำตาไหลพรากออกมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่

บรรยากาศครื้นเครงในห้องหยุดชะงักลงฉับพลัน เสียงของพวกสาวชั้นต่ำพวกนั้นเงียบลง…

ที่พวกนางกล้าทำกับคนแซ่เจิ้งเยี่ยงนั้นก็เพราะรู้ว่าตนมีฉู่อี้หมินคอยหนุนหลังอยู่ ซึ่งทำให้คนแซ่เจิ้งทำอะไรพวกนางไม่ได้ แต่มันใช้ไม่ได้กับฉู่ฉีเหยียน ไม่ต้องพูดถึงว่าซื่อจื่อคนนี้เด็ดขาดและเยือกเย็นมากแค่ไหน อีกทั้งเขายังเป็นผู้สืบทอดอำนาจจวนอ๋องแห่งนี้คนต่อไปด้วยแล้ว นอกจากฉู่อี้หมิน คนในจวนทุกคนก็ไม่มีใครกล้าทำให้เขาโมโหเกลียดชังเลยสักคนเดียว

“เหยียนเอ๋อร์!” คนแซ่เจิ้งส่งเสียงร้องออกมาทั้งน้ำตา เดินเข้าไปหาเขาอย่างเศร้าโศกเสียใจ แล้วพูดกับเขาว่า “ช่วยพูดกับท่านพ่อเจ้าหน่อยเถิด ถ้าเขาทำแบบนี้ต่อไป เดี๋ยวข่าวมันลือไปถึงในวังเข้า…”

นางพูดยังไม่ทันจบฉู่อี้หมินก็พูดแทรกอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ข้าสั่งให้เจ้าไสหัวไป เจ้าไม่ได้ยินหรือไง?”

ฉู่ฉีเหยียนเดินขึ้นหน้าไปอย่างไร้สีหน้า ดึงมือของนางออกแล้วเปิดดูแผล จากนั้นกำชับกับแม่นมกู้ว่า “เจ้าพาท่านแม่กลับไปทำแผลก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่านพ่อสักหน่อย!”

“เจ้าค่ะ! ซื่อจื่อ!” แม่นมกู้รู้สึกมั่นใจขึ้นกว่าเดิม รีบตอบรับอย่างขันแข็ง

คนแซ่เจิ้งหันมองฉู่อี้หมินอย่างโกรธแค้น ยืนลังเลอยู่สักพักแต่สุดท้ายก็ถูกแม่นมกู้พยุงตัวเดินออกไป

ส่วนหญิงสาวที่ซบอกอยู่ข้างกายฉู่อี้หมินพวกนั้นก็รีบลุกขึ้นพลางพูดขึ้นเสียงอ่อยว่า “ท่านอ๋องกับซื่อจื่อมีธุระจะคุยกัน ข้าน้อยขอตัวก่อนนะเจ้าคะ!”

ฉู่อี้หมินรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก ถึงแม้จะอยู่ต่อหน้าบุตรชายของตน เขาก็ยังคงโอบนางไว้ในอ้อมกอด พูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “เจ้ามีอะไรไว้ค่อยคุยทีหลัง วันนี้ข้าไม่มีอารมณ์คุยด้วย!”

พูดจบก็ยกแก้วเหล้าบังคับให้นางสนมคนนั้นดื่ม

หญิงสาวนางนั้นตกใจจนหน้าเสีย มองหน้าฉู่ฉีเหยียนที่ยืนอยู่กลางห้องอย่างร้อนรนใจ พลางสำลักเหล้าจนไอออกมา

ฉู่ฉีเหยียนยังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างไร้สีหน้า หญิงสาวในห้องทุกคนไม่กล้าทำอะไรตามที่ฉู่อี้หมินต้องการ ทุกคนต่างหวาดกลัวจนหัวหด

ฉู่อี้หมินมองไปยังหญิงสาวที่กำลังหวาดกลัวพวกนั้นยืนอยู่เต็มห้อง ก็หมดอารมณ์ลงในทันที จากนั้นเขวี้ยงแก้วเหล้าลงพื้นอย่างโมโห “ไสหัวออกไปซะ! ออกไปให้หมดทุกคน!”

“เจ้าค่ะ!” เสียงของหญิงสาวพวกนั้นดังขึ้นราวกับได้รับการปลดปล่อย รีบเบียดหนีออกจากประตูกันไป

ส่วนฉู่ฉีเหยียนที่ยืนนิ่งเงียบอยู่นาน ก็เพิ่งเลิกคิ้วส่งสายตาให้หลี่หลิน

หลี่หลินพยักหน้า เดินขึ้นหน้าปิดกั้นประตูเอาไว้ไม่ให้หญิงสาวพวกนั้นหนีออกไป

หญิงสาวพวกนั้นหน้าซีด บางคนเริ่มน้ำตาคลอเบ้ารู้สึกเสียใจ…

รู้งี้น่าจะหนีไปก่อนตั้งนานแล้ว ไม่น่ายอมทำผิดตามคนอื่นเยี่ยงนี้เลย

พื้นเพของผู้หญิงพวกนี้ไม่ได้สูงส่ง ถึงแม้คนแซ่เจิ้งจะถูกปลดไป พวกนางก็ไม่มีสิทธิ์ขึ้นไปแทนที่ แต่เพราะพวกนางถูกกดขี่ข่มเหงมานาน ผู้หญิงนั้นมีจิตใจคิดอิจฉาริษยาเป็นทุนเดิม ทำให้พวกนางแต่ละคนหลงระเริงจนลืมกำพืดไป

ฉู่ฉีเหยียนพูดขึ้นโดยไม่แม้กระทั่งหันหน้ามามอง “พวกนางชั้นต่ำพวกนี้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ริอาจยุยงส่งเสริมให้ท่านพ่อไม่ยอมทำตามพระบัญชาฮ่องเต้ หลี่หลิน จัดการพวกนางให้หมด จะได้เป็นตัวอย่างสั่งสอนให้พวกข้ารับใช้คนอื่นรู้ว่ากฏเกณฑ์มันคืออะไร!”

เมื่อพูดจบก็มีบางคนล้มสลบไป

“ซื่อจื่อโปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิด!” หญิงสาวพวกนั้นร้องอ้อนวอนขอชีวิต

ฉู่อี้หมินยังคงนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น มองหน้าอันเย็นชาแน่วแน่ของบุตรชายตนเอง ถึงแม้จะมีคำพูดเป็นหมื่นเป็นพันแต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดออกมาอย่างไรดี

คำพูดของฉู่ฉีเหยียนนั้นพูดจริงทำจริง ต่อรองขอร้องอะไรไม่ได้ มีคนสิ้นหวังถึงขนาดคลานเข้าไปหาฉู่อี้หมินเพื่อขอความช่วยเหลือ “ท่านอ๋องโปรดช่วยข้าด้วย ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว ข้าน้อยจะไม่มีวันทำอีกแล้ว โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยนะเจ้าคะ!”

หลี่หลินเข้าไปดึงผ้าผูกเอวของนางเอาไว้ไม่รอให้นางคนนั้นเข้าใกล้ตัวฉู่อี้หมิน จากนั้นโยนออกไปข้างนอก

เสียงของหญิงสาวมากหน้าหลายตาร้องโอดครวญไม่หยุดจนปวดหัว ทหารองครักษ์ที่อยู่ด้านนอกก็เดินเข้ามา ลากหญิงสาวพวกนั้นออกไปไม่ไกลนัก จากนั้นก็เริ่มลงมือโบยพวกนางอยู่ด้านนอกตัวเรือน

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงร้องโหยหวนอ้อนวอนขอชีวิตขึ้นดังสนั่นเป็นเสียงเดียวกัน

ฉู่อี้หมินนั่งอยู่ด้านในสุด ประตูห้องเปิดอล่างฉ่าง ถึงแม้เขาจะนั่งอยู่ แต่เขาก็เห็นสถานการณ์ข้างนอกนั้นทั้งหมดอย่างชัดเจน

เดิมทีเขายังมึนเมาเพราะฤทธิ์เหล้าสุราอยู่ แต่เมื่อเสียงร้องดังขึ้นโหยหวนไม่หยุดหย่อน สีหน้าของเขาก็เริ่มจะอดทนไม่ไหว ใบหน้าที่แดงก่ำเพราะฤทธิ์เหล้านั้นค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นดำมืดลง

เสียงร้องของหญิงสาวค่อยๆ อ่อนแรงลง

ทว่าฉู่ฉีเหยียนยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นราวกับรูปสลักอยู่กับที่

“พอได้แล้ว!” ฉู่อี้หมินฟังเสียงร้องของผู้หญิงพวกนั้นจนหัวแทบจะระเบิด จนสุดท้ายตบโต๊ะลงเสียงดังอย่างทนไม่ได้

เขาชี้นิ้วใส่ฉู่ฉีเหยียนอย่างโมโห ตะโกนใส่อย่างเย็นชาว่า “เจ้าเป็นบ้าอะไร? ถึงเวลาให้เจ้ามาสอดเรื่องของข้าตั้งแต่เมื่อไร? ไสหัวไปซะ!”

พูดจบก็มุ่งหน้าเดินออกไปยังประตู ตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราดว่า “พวกเจ้าทั้งหมดหยุดซะ!”

ฉู่ฉีเหยียนไม่ได้รั้งเขา ทว่ากลับคุกเข่าลงบนพื้นเมื่ออีกฝ่ายเดินเฉียดไหล่ตนไป

ฉู่อี้หมินชะงักฝีเท้าลง เบิกตาโพลงมองบุตรชายของตนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอย่างตกใจ

เดิมทีองครักษ์ที่อยู่ด้านนอกได้รับคำสั่งให้หยุดของฉู่อี้หมิน แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงนั้น ต่างงงงวยทำอะไรไม่ถูก หลังจากนั้นไม่นานไม้ก็โบกโบยลงไปต่อตามสันชาตญาณ

ฉู่อี้หมินยืนอึ้งตัวแข็งทื่อ ขาทั้งสองหนักจนก้าวไม่ออก

ฉู่ฉีเหยียนคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเขา นิ่งเงียบไม่ยอมปริปาก ทั้งยังไม่แม้แต่จะสบตาเขาสักนิด

เสียงโบยด้านนอกเรือนดังสนั่นขึ้นมาเหมือนเดิม แต่เสียงร้องของหญิงสาวพวกนั้นกลับค่อยๆ เงียบลง จนท้ายสุดเมื่อเสียงโบยครั้งสุดท้ายฟาดลงไป ก็ไร้ซึ่งเสียงใดดังเข้ามาจากด้านนอกอีก มันช่างเงียบงันราวกับความตายก็ไม่ปาน

ฉู่อี้หมินขยับไหล่ขึ้นอย่างรู้สึกไม่คุ้นชินเท่าไรนัก

เมื่อจัดการเรื่องด้านนอกจนเสร็จ หลี่หลินไม่ได้เข้ามารายงาน ทุกคนต่างหยุดนิ่งอยู่กับที่อย่างเคร่งขรึม

ฉู่อี้หมินกลอกตามองไปรอบทิศ มองห้องว่างเปล่านั้น ก็ตกใจเสียวสันหลังจนร่างกายสั่นเทิ้มไปทั้งตัว

เวลานี้เองฉู่ฉีเหยียนถึงค่อยมองเขาหน้านิ่ง เอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ท่านพ่อสร่างเมาแล้วใช่หรือไม่ขอรับ? งั้นถึงเวลาที่เราจะคุยธุระกันแล้วล่ะ!”

—————————————-

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน