สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 42.2

ตอนที่ 42.2

บทที่ 42 ชีพจรมงคล (2)
Ink Stone_Romance
หรืออาจจะมีสักวันหนึ่งเมื่อถึงเวลา เขาจะยอมรับและดื่มด่ำกับความงดงามเบื้องหน้าอย่างเต็มไปด้วยความสุข แต่เวลานี้… ต่อให้นางไม่ต่อต้าน แต่เขากลับทำใจไม่ได้ที่จะปฏิบัติกับนางราวกับดูหมิ่นและรังแกนางได้

นางไม่เพียงเป็นหญิงสาวที่เขาต้องการจะครอบครองอย่างรักเดียวใจเดียว ยิ่งไปกว่านั้นนางยังเป็นหญิงสาวที่เขายินดีที่จะยกนางขึ้นไปอยู่บนก้อนเมฆ

เหยียนหลิงจวินกัดฟันแน่น บังคับสายตาของตนให้มองไปทางอื่น มือนั้นพลิกกลับสวมอาภรณ์กลับไปให้นาง

ฉู่สวินหยางที่ร่างกายตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดพลันผ่อนคลายลง แต่กลับทำตัวไม่ถูก ไม่เข้าใจในสถานการณ์ในยามนี้เท่าไรนัก

เหยียนหลิงจวินหันหน้าไปอีกทางเพื่อควบคุมลมหายใจของตนจนกลับสู่ปกติ แล้วจึงเคลื่อนย้ายสายตามาหยุดที่ใบหน้าของนาง ปลายนิ้วของเขาแตะลงบนแก้มของนาง พูดด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมรอยยิ้มว่า “เจ้ารู้ว่าข้าไม่ได้ต้องการเพียงสิ่งนี้ ต่อไปห้ามพูดจาเช่นนี้อีก รู้หรือไม่?”

นี่เขากำลังโทษความเหลาะแหละของนางหรือ?

แต่ถ้าหากไม่ใช่เขาที่บีบคั้นนาง นางจะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?

ฉู่สวินหยางอยากเอ่ยบางอย่าง ทว่ากลับถูกเขาฉุดให้ลุกขึ้นนั่งแล้วจัดเสื้อผ้าอาภรณ์ให้นางอย่างเรียบร้อย

ฉู่สวินหยางนั่งเงียบๆ อยู่เบื้องหน้าเขา ปล่อยตัวตามใจแล้วแต่เขาจะทำอันใด

แสงตาของเขาหลุบต่ำลงน้อยๆ ภาพที่ปรากฏแก่สายตานางคือใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาที่งดงามและน่าดู เมื่อมีแสงจันทร์ที่ส่องผ่านเข้ามาจากหน้าต่างกระดาษ มองดูแล้วให้ความรู้สึกอ่อนโยนและกระจ่างแจ้ง

ฉู่สวินหยางยกมือขึ้นสัมผัสแก้มของเขาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

เหยียนหลิงจวินหัวเราะ ช้อนตาขึ้นมองนาง

ที่จริงแล้วหลังจากที่พบนางในคืนนั้นเขาวางใจลงไม่น้อย ต่อให้ในนาทีนี้นางจะต่อต้านเขาปฏิเสธเขาก็ตาม แต่…

นั่นไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงของเขา

นางได้ยินยอมที่จะขอร้องและพูดจาเช่นนั้นแล้ว เขายังทำเช่นใดได้เล่า? นอกจากรอ…รอจนกระทั่งนางสามารถคลายปมในใจและวางความกังวลใจลง ดูท่าเขาคงไร้กำลังและความสามารถแล้ว

เมื่อเห็นรอยยิ้มในสายตาของเขา ฉู่สวินหยางจึงโน้มกายข้ามไปจุมพิตเบาๆ ที่มุมปากที่โค้งขึ้นเพราะรอยยิ้มนั้น

เหยียนหลิงจวินตกตะลึง แล้วคิ้วก็ขมวดขึ้นมาอีก

สาวน้อยคนนี้เรียนรู้ในสิ่งที่ไม่ดีเสียแล้ว ทำเป็นความคุ้นชินเสียแล้ว นานๆ ครั้งหนึ่งยังถือว่าสดใหม่อยู่บ้าง แต่ทำแบบนี้บ่อยเข้าจะดีหรือ?

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่นางทำเช่นนี้ราวกับว่าไม่คิดหาการป้องกันจากเขาแม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้เพียงการพบกันโดยบังเอิญแท้ๆ ยังถูกคนเช่นหลัวเถิงกล่อมเสียจนยอมไปดื่มน้ำชาด้วย

เหยียนหลิงจวินคิดแล้วไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก กำลังจะเอ่ยบางอย่าง ฉู่สวินหยางกลับยกมือขึ้นโอบรอบลำคอของเขาไว้หลวมๆ คางของนางเกยอยู่บนไหล่ของเขา แต่ละคำพูดที่เอ่ยออกมานั้นจริงจังทว่าแผ่วเบา “รอให้ท่านพ่อและท่านพี่กลับมา ข้าจะพูดกับพวกเขาให้ชัดเจน แต่…พวกเราเป็นอย่างนี้ไปก่อนได้หรือไม่?”

เรื่องที่นางต่อสู้กับฉู่อี้อันและฉู่ฉีเฟิงด้วยความเป็นกลางนั้น นี่เป็นการถอยหลังมากที่สุดของนางในยามนี้แล้ว

การเต้นของหัวใจของเหยียนหลิงจวินช้าลงครึ่งจังหวะ ร่างทั้งร่างตกตะลึงจนแข็งค้างอยู่ที่นั่น ปล่อยให้นางโอบกอดตามอำเภอใจ

เนิ่นนาน…เขาจึงยกมือขึ้นตบหลังของนางเบาๆ

มุมปากของฉู่สวินหยางยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ผลักไหล่ของเขาออก

เหยียนหลิงจวินมองนางอยู่อย่างนั้น ไม่ได้เอ่ยอันใด

ทั้งสองคนต่างมองกันและกันอยู่นิ่งๆ จากนั้นต่างคนต่างก็หัวเราะขึ้นมา

“พอแล้ว ข้าส่งเจ้ากลับไปก่อน ตอนบ่ายยังต้องเข้าวังอีก” เหยียนหลิงจวินกล่าว จัดเสื้อคลุมเรียบร้อยหลังจากนั้นก็จับมือนางลุกขึ้น

ฉู่สวินหยางมองมือทั้งสองที่จับไว้ด้วยกัน ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ยังคงรักษาท่าทีแล้วสะบัดออก “ข้าเดินเอง”

ประเพณีของชาวซีเยว่นั้นถือว่าค่อนข้างเปิดเผย แต่เกรงว่าต่อให้เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องก็ไม่กล้าที่จะแสดงกริยาสัมผัสกันต่อหน้าผู้คน

เหยียนหลิงจวินไม่ได้คิดจะทำให้นางลำบากใจ คนหนึ่งเดินข้างหน้า อีกคนเดินข้างหลังตามกันออกไปไป

————————————

อาการประชวรของฮ่องเต้ในวังหลวงนั้นปกปิดได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ต้นจนจบ…ข่าวคราวใดใดก็ไม่ได้เล็ดลอดแพร่งพรายออกไป

แต่หลังจากนั้นสามวัน เหลียงอวี่ผู้อารักขาซูอี้เดินทางไปชายแดนเหนือได้ส่งสาส์นลับกลับมา ฮ่องเต้อ่านแล้วพลันโกรธขึ้นมาอีก อาการประชวรจึงกำเริบทันที กระอักเลือดออกมาอีกครั้งหนึ่ง

“ฝ่าบาท” หลี่รุ่ยเสียงตกใจจะสะดุ้ง ครั้งนี้ไม่รอให้ฮ่องเต้สั่งการ รีบเร่งไปหยิบยาลูกกลอนออกมาถวายให้พระองค์ทันที

ฮ่องเต้เสวยโอสถแล้ว พักครึ่งชั่วยาม สีหน้าจึงค่อยๆ เป็นปกติกลับมา

หลี่รุ่ยเสียงนำสาส์นลับนั้นไปเผาทำลาย เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ากังวลว่า “ฝ่าบาท เรื่องราวได้เกิดขึ้นแล้ว ยังดีที่มีเพียงตระหนกตกใจทว่าไม่มีอันตรายใดใดพ่ะย่ะค่ะ ท่านอย่าทรงพระพิโรธอีกเลย อย่าได้ทำลายพระวรกายด้วยเรื่องเช่นนี้”

สายตาของฮ่องเต้ดำทะมึน เม้มริมฝีปากไว้แน่นไม่เอ่ยอันใด

“เป็นฝีมือของใคร?” ครู่หนึ่ง ฮ่องเต้พลันถามขึ้น พูดแล้วไม่ได้รั้งรอให้หลี่รุ่ยเสียงตอบ กลับหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เป็นองค์ชายรัชทายาท? นี่เป็นเพราะเขาเกรงว่าหากซูอี้ได้อำนาจคืนมาแล้วจะแก้แค้นวังบูรพา?”

มุมปากของหลี่รุ่ยเสียงยกขึ้นทว่าไม่ใช่รอยยิ้ม กล่าววิงวอนเสียงเบา “ฝ่าบาท ไม่มีหลักฐานแสดงแน่ชัด นิสัยขององค์ชายรัชทายาทฝ่าบาทยังไม่เข้าใจหรือพ่ะย่ะค่ะ? เขา…ไม่ใช่คนประเภทนี้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว กลับพบว่าตนรู้สึกเสียดแน่นหน้าอกยิ่งนัก ไม่สบายอย่างยิ่ง

คนที่ฮ่องเต้ส่งไปอารักขาซูอี้มีนักฆ่าปะปนอยู่ด้วย ระหว่างทางคิดจะสังหารซูอี้ให้ตายตกไป

ซูอี้ตายนั้นเรื่องเล็ก แต่หากสถานการณ์รบที่เป่ยเจียงควบคุมไม่ได้ นั่นต่างหากเล่าจึงจะเป็นความเสียหายที่ใหญ่โต

ยังดีที่ถูกเหลียงอวี่พบแต่เนิ่นๆ จึงไม่ได้กลายเป็นภัยร้ายอันใด

ฉู่อี้อันไม่ใช่ทำเรื่องเช่นนี้ออกมาไม่ได้ แต่…

ฮ่องเต้เข้าใจในตัวลูกชายคนนี้ยิ่งกว่าใคร หากฉู่อี้อันมีความคิดจะลงมือสังหารซูอี้ ย่อมไม่ทำอย่างเปิดเผยแน่

“องค์ชายรัชทายาทนั้น คนอยู่ชายแดนทางเหนือ หากว่าเป็นเขาจริงๆ ที่ทนการมีชีวิตอยู่ของคุณชายรองสกุลซูไม่ได้ เมื่อไปถึงที่นั่นยังกลัวว่าจะไม่โอกาสหรือพ่ะย่ะค่ะ?” หลี่รุ่ยเสียงรู้ว่าฮ่องเต้คิดตกแล้ว จึงเอ่ยวาจา

หากฉู่อี้อันต้องการให้ซูอี้ตาย ค่อยลงมือท่ามกลางสนามรบด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งไม่ดีกว่าหรือ

ตายในสนามรบ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถหาพิรุธได้แม้เพียงเล็กน้อย

เมื่อคิดได้ว่าการศึกทั้งสองด้านยังคงติดพัน ฮ่องเต้จึงรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจขึ้นมา กระทั่งในหลายวันมานี้ในขณะที่ออกว่าราชการสีหน้านั้นดำทะมึน น่าเกรงขามยิ่งนัก

ยังดีที่หลังจากซูอี้ไปถึงชายแดนทางเหนือ สถานการณ์รบที่นั่นค่อยๆ เปลี่ยนไป และปิดบังอำพรางมานานเช่นนี้ รอจนกระทั่งการศึกที่ชายแดนเหนือเปิดโปงข่าวคราวขึ้นมาในที่สุด ทางด้านฉู่อี้อันและซูอี้ผนึกกำลังกันเพื่อปราบปรามชาวหมานที่อยู่นอกด่านได้สงบลงแล้ว

โชคดีที่เรื่องดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบอันใดต่อราชสำนัก

จากนี้อีกหนึ่งเดือน ใต้เหนือทั้งสองด้านต่างมีข่าวการศึกส่งเข้าเมืองหลวงมามิขาด ทางใต้ซูหังหลังจากเสีย เปรียบมาหลายครั้ง อาศัยความได้เปรียบจากความชำนาญการรบทางน้ำของทหารสกุลซูที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์ ประสบความสำเร็จจากการร่วมมือกับฉู่ฉีเหยียน แม้จะมีการสูญเสียอย่างต่อเนื่อง แต่จากการเผชิญหน้ากับข้าศึกหลายครา ทางด้านฉู่ฉีเหยียนนั้นทำงานหนักไม่น้อย

ในขณะเดียวกันเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ด้วยเหตุที่ซูอี้นั้นมีความเข้าใจในพื้นที่ชายแดนทางเหนืออย่างถูกต้องแม่นยำมาเนิ่นนานแล้ว การศึกทางชายแดนเหนือนั้นราบรื่นผิดปกติ

ปลายเดือนห้า สถานการณ์การรบของชายแดนเหนือสงบลง ฮ่องเต้มีพระราชโองการ เรียกตัวฉู่อี้อันและซูอี้กลับเข้าเมืองหลวง ให้เหลียงอวี่รั้งอยู่ชายแดนทางเหนือเพื่อรักษาการแทนในตำแหน่งแม่ทัพเป็นการชั่วคราว

เมื่อรู้ข่าวสถานการณ์การรบชายแดนทางเหนือสิ้นสุดลงอย่างราบรื่น ความกังวลใจทั้งหลายของฉู่สวินหยางจึงวางลงได้ในที่สุด

วันนี้เมื่อเจี๋ยหงนำข่าวกลับมานั้นพอดีกับที่ฉู่เยว่หนิงอยู่ในจวนของนาง พี่สาวน้องสาวทั้งสองกำลังดื่มชาสนทนากัน

“ขอบคุณสวรรค์ขอบคุณแผ่นดิน ในที่สุดท่านพ่อจะกลับมาแล้ว” ฉู่เยว่หนิงดีใจยิ่งนัก มือทั้งสองพนมขึ้นสวดมนต์

ด้วยเหตุที่การศึกเร่งด่วน ฉู่อี้อันไม่อยู่ในเมืองหลวง การแต่งงานของฉู่เยว่หนิงซึ่งกำหนดไว้ในเดือนห้าจึงต้องเลื่อนออกไปด้วยอย่างสมเหตุสมผล

“ใช่แล้ว ท่านพ่อจะกลับมาแล้ว สมควรที่จะกำหนดวันแต่งงานให้เจ้าอีกครั้ง จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยแต่เนิ่นๆ” ฉู่สวินหยางหัวเราะเช่นกัน

ฉู่เยว่หนิงเม้มปาก เมื่อแรกนั้นฉู่สวินหยางมักจะนำเรื่องดังกล่าวมาหยอกล้อนาง แต่มาบัดนี้ถูกหยอกล้อบ่อยเข้า นางจึงปรับตัวได้แล้วเช่นกัน ไม่เหมือนกาลก่อนที่ไม่ทันได้ทำอันใดก็หน้าแดงก่ำ

ทั้งสองคนกำลังสนทนากัน ชิงเฉิงเข้ามารายงานจากข้าง “ท่านหญิง ท่านหญิงรองมาแล้วเจ้าค่ะ”

ฉู่เยว่ซิน? นางไม่ใช่เก็บตัวอยู่แต่ในเรือนของตนเฉกเช่นกุลสตรีในเรือนใหญ่หรอกหรือ? ไฉนจึงออกมาอย่างกะทันหันเช่นนี้เล่า?”

——————————————————

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท