สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 43.5 หากเจ้าชอบข้า ข้าจะจัดการพวกนางเอง! (5)
“ท่านอาก็รู้ว่าแต่ไหนแต่ไรมาข้าดื่มชาเยอะมาก ให้ข้าดื่มชาดีของท่านจะไม่สิ้นเปลืองหรือ?” ฉู่สวินหยางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พลางหันไปมองเหยียนหลิงจวิน แล้วก็ไม่ปล่อยเขาไว้นานจนอึดอัดใจว่า “พูดถึงการต้มชาแล้ว ใต้เท้าเหยียนหลิงก็เป็นผู้เชี่ยวชาญ หากท่านอาว่างก็ลองแลกเปลี่ยนความรู้กับเขาได้”
ฝีมือการต้มชาของเหยียนหลิงจวินไม่ได้เปิดเผยให้คนนอกรับรู้ ฉู่ซินรุ่ยก็เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก
ทว่านางกลับตอบสนองอย่างเป็นปกติและเอ่ยอย่างแปลกใจแกมดีใจมากว่า “เช่นนั้นหรือ? ข้ากลับไม่รู้ว่าใต้เท้าเหยียนหลิงยังชำนาญด้านนี้ด้วย หากวันไหนว่างคงต้องขอคำแนะนำจากท่านจริงๆ บ้างแล้ว”
เหยียนหลิงจวินฟังคำพูดก่อนหน้าของฉู่สวินหยางแล้วก็รู้สึกโล่งอกไปที…
เวลานี้เขาไม่กลัวว่าผู้หญิงคนนี้จะสร้างปัญหาให้เขาหงุดหงิดแค่ไหน เขากลัวแต่ว่านางจะไม่ยอมฟังคำอธิบายแม้แต่นิดเดียวก็เมินกันแล้ว
ผู้หญิงคนนี้มีความคิดเป็นของตนเอง ดังนั้นจะเอาใจนางจึงไม่ง่ายนัก!
พอรู้สึกโล่งใจแล้ว เหยียนหลิงจวินก็กลับมายิ้มเหมือนเดิม เขาค่อยๆ เดินเข้าไปหาว่า “ข้าฝีมือไม่ดีนัก เพียงแต่ท่านหญิงสวินหยางไม่รังเกียจ ข้าคงไม่แสดงฝีมืออันต่ำต้อยต่อหน้าท่านหญิงฉางหนิงแล้ว หากรู้ไปถึงหูคนนอก เกรงว่าจะโดนผู้เชี่ยวชาญตัวจริงหัวเราะเยาะเอาได้!”
คนนอก?
พูดเช่นนี้แปลว่าเขากับฉู่สวินหยางเป็นคนกันเองกันหรือ?
ฉู่ซินรุ่ยมองทั้งสองคนแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจมากทีเดียว นางมองรอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์ของฉู่สวินหยางตรงหน้าอีกครั้ง แล้วก็ยิ้มมุมปากขึ้นมา “เช่นนั้นก็ช่างเถอะ สวินหยาง เจ้ายุ่งอยู่ไม่ใช่หรือ? ข้าจะเดินเล่นเรื่อยเปื่อยในสวนดอกไม้สักหน่อย อีกประเดี๋ยวว่างแล้วค่อยคุยกัน”
“อื้ม!” ฉู่สวินหยางพยักหน้า แล้วเปิดทางให้นาง
แม้ตอนที่ฉู่ซินรุ่ยพาสาวใช้เดินผ่านทั้งสองคนไปจะชำเลืองมองอีกเล็กน้อย แต่นางก็ไม่ได้ห้ามอะไร เพียงยิ้มมุมปากอย่างจริงใจและเยือกเย็นแบบปกติ
จนกระทั่งมองตามหลังนางจากไปแล้ว ฉู่สวินหยางก็ให้ชิงเถิงพาคนไปหาฉู่เยว่หนิงก่อน แล้วนางก็หันหน้ากลับมาขยิบตาให้เหยียนหลิงจวิน
มุมปากเหยียนหลิงจวินยิ้มเจื่อน เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ทีแรกอยากมาจับมือนาง แต่คิดได้ว่าเวลานี้อยู่ในสวนดอกไม้จึงจำเป็นต้องอดทนไว้
“เมื่อก่อนเคยเจอกันที่จวนขององค์ชายเจี่ยนไม่กี่ครั้ง!” เหยียนหลิงจวินอธิบายอย่างรวบรัด
เขาไม่ได้สนิทกับฉู่ซินรุ่ยมากนัก แต่ต้องยอมรับว่าผู้คนต่างชื่นชอบในตัวหญิงสาวไม่น้อย แม้กิริยาท่าทางของนางจะดูราวกับหญิงสูงศักดิ์ไปทั้งตัว แต่กลับเข้ากับคนง่ายมากทีเดียว ดังนั้นจึงไม่มีใครไม่ชอบนาง
นอกเหนือจากนี้…
เขาก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอีกฝ่ายแล้วจริงๆ
แต่ในเมื่อฉู่สวินหยางมาเห็นเข้าแล้ว เหยียนหลิงจวินกลับกลัวว่านางจะคิดมาก เขาเงียบไปชั่วครู่ถึงจำใจเอ่ยออกมาอีกว่า “นางเป็นท่านอาของเจ้า!”
ฉู่สวินหยางได้ยินแล้วก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
พูดถึงนางก็นับถือพวกคนแบบฉู่ซินรุ่ยกับทั่วป๋าหรงเหยามากจริงๆ ก็เห็นอยู่ว่าเป็นเพียงหญิงสาวอายุสิบกว่าปีเหมือนกัน แต่กลับแบกรับฐานะอาวุโสแบบนั้นได้อย่างไม่สะทกสะท้าน
หากเปลี่ยนเป็นนาง…
อย่างไรก็คงรู้สึกไม่ชิน!
“ข้าไปล่ะ!” หลังจากหัวเราะไปแล้ว ฉู่สวินหยางก็ตีหน้าขรึมแล้วโบกมือ
กว่าเหยียนหลิงจวินจะมาเจอนางที่นี่ได้ยากลำบากนัก และเพิ่งจะได้คุยกันเล็กน้อย นางก็จะไปแล้วจึงอดที่จะร้อนใจไม่ได้ ว่าแล้วก็รีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
ฉู่สวินหยางได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาแล้วก็แค่ส่ายหน้ายิ้มอย่างจนใจ นางทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เดินต่อไป จนกระทั่งเลี้ยวผ่านโค้งข้างหน้าก็หันตัวและหยุดยืนนิ่ง
พอเหยียนหลิงจวินเดินเข้าไป ทั้งสองคนก็ชนกันหลังกำแพงเต็มแรง
เหยียนหลิงจวินยื่นมือไปโอบเอวนางไว้ เขาขมวดคิ้วก้มมองใบหน้าของนางและเอ่ยจริงจัง
“เจ้าอย่าได้คิดมากไป ไม่มีอะไรจริงๆ …”
ฉู่สวินหยางแสร้งทำหน้านิ่งเงยหน้าสบสายตาเขา แล้วแอบยิ้มมุมปาก
เหยียนหลิงจวินรอให้นางตอบไม่ไหว อย่างไรเขาก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี จนเผลอขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวและยิ้มหน้าเจื่อนว่า “แค่บังเอิญเจอกันเท่านั้น!”
ไม่มีใครรู้ว่าฉู่ซินรุ่ยคิดอย่างไร แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่บนโลกนี้ก็ยังคงประพฤติตนอยู่ในกรอบ แบบที่เหมือนฉู่หลิง อวิ้นนั้นอย่างไรก็เป็นส่วนน้อย
ฉู่สวินหยางเม้มปาก นางตีหน้าขรึมเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบคิ้วเขา
ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตาหรือความรู้และความสามารถ ก็หาคนแบบเหยียนหลิงจวินได้ยากอย่างไม่ต้องสงสัย แม้แต่นางเองยังโดนเสน่ห์ของเขาดึงดูดจนห้ามใจไว้ไม่ได้ หากผู้หญิงคนอื่นจะมีใจให้เขานั้น ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกอะไรจริงๆ
และถึงแม้ฉู่ซินรุ่ยจะไม่ได้คิดเช่นนั้น แต่เกรงว่าคงจะหลีกเลี่ยงเรื่องแบบนี้ได้ยากเช่นกัน
“ไม่เป็นไร!” ฉู่สวินหยางคิดพลางยิ้มว่า “ต่อให้ไม่ได้บังเอิญก็ไม่เป็นไร ฐานะของแต่ละคนที่สามารถเข้าออกวังของพวกเราได้ก็ไม่ธรรมดาทั้งนั้น หากมีคนทักทายมาเจ้า จะไม่สนใจคงเสียมารยาท แต่ว่า…”
นางพูดไปสีหน้าก็คล้ายจะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขึ้นในทันใด และเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “หากเจ้ายังยอมรับว่าชอบข้า ข้าจะจัดการพวกนางทั้งหมดเอง!”
ผู้หญิงคนนี้พิเศษไม่เหมือนใครจริงๆ คำพูดเช่นนี้มีแต่นางเท่านั้นที่สามารถพูดออกมาได้
เหยียนหลิงจวินได้ยินแล้วก็อึ้งไปก่อนและหน้านิ่งไปในชั่วพริบตา ผ่านไปอีกครู่ใหญ่เขาก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ในที่สุด
“ให้เจ้าจัดการ?”
“ใช่น่ะสิ!” ฉู่สวินหยางเอ่ยพลางขยิบตา นางยิ้มอย่างจริงครึ่งไม่จริงครึ่ง “นอกจากเจ้าจะบอกข้าเองว่าเจ้ายังอาลัยอาวรณ์ ไม่งั้นข้าจะคุยกับเจ้าเด็ดขาด!”
“ซินเป่า ข้าเคยบอกแล้วว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นที่หนึ่งในใจข้าเสมอ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเทียบเคียงและแทนที่เจ้าได้” เหยียนหลิงจวินยิ้มมุมปาก แต่กลับสบตานางด้วยสีหน้าจริงจังที่สุด “ข้าไม่มีทางตีจากเจ้าไปก่อน ต่อให้เจ้าจะทิ้งข้าไป ข้าก็จะคอยติดตามเจ้าเป็นเงาตามตัวตลอดเวลา แม้เจ้าจะไล่ก็ไล่ไม่ไป!”
ฉู่สวินหยางยิ้มและยังคงเงยหน้ามองเขา “เจ้าแน่ใจหรือ?”
เหยียนหลิงจวินยกมือขึ้นลูบผมด้านหลังศีรษะนาง ทว่าขณะที่ใจลอยนั้นจู่ๆ สีหน้ากลับฉายแววลุ่มลึกอย่างไร้สาเหตุ เขาก้มหน้าลงมางับปลายจมูกนาง “ข้าก็แค่จะไล่คนอื่นที่กล้าเข้ามาใกล้ชิดเจ้าไปให้หมด ดังนั้นเพื่อให้ข้าก่อเหตุฆ่าคนน้อยลง เจ้าเองก็จัดการไปตามสมควรแล้วกัน!”
ฟังคำพูดนี้แล้วทำไมรู้สึกเหมือนปนความเกลียดชังมาด้วย
ในเวลาเดียวกับที่ฉู่สวินหยางขยับตัวหลบไปนั้น นางก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างจึงกวาดสายตามองไปรอบด้านตามสัญชาตญาณ แล้วก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินพูดคุยกันอย่างสนุกสนานมาจากทางเดินเล็กๆ ในสวนดอกไม้ไม่ไกลนัก และขุนนางระดับสูงที่นำหน้ามานั้นก็คือหลัวเถิงนั่นเอง
ฉู่สวินหยางอดที่จะคิดมากไม่ได้ นางรีบก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งเพื่อเว้นระยะห่างกับเหยียนหลิงจวิน
ส่วนเหยียนหลิงจวินก็ไม่ได้ทำให้นางลำบากใจเช่นกัน เขาเพียงแค่อมยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน และทอดสายตามองผ่านนางไปยังหลัวเถิงและคนอื่นที่อยู่ไม่ไกล “หลัวซื่อจื่อ นี่ทุกคนออกมาชมสวนกันหมดเลยหรือ?”
————————————————–