เจ็บป่วยครั้งนี้มาอย่างกะทันหัน ฉู่สวินหยางไร้ซึ่งเรี่ยวแรงและความรู้สึก วันถัดมานางล้มหมอนนอนเสื่อ แม้กระทั่งจะลงจากเตียงยังทำไม่ได้ฉู่อี้อันเตรียมตัวตั้งแต่เช้าเพื่อเข้าประชุม ได้ทราบเรื่องเมื่ออยู่หน้าประตูจวนจึงตรงไปยังเรือนจิ่นฮว่าทันที
ตลอดทางสีหน้าเขานิ่งดุจสายน้ำ ไม่เอ่ยถามแม้แต่คำเดียว
ชิงเถิงร้อนใจยิ่งนัก ได้แต่พูดพร่ำอยู่ฝ่ายเดียว “ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น ไม่มีอาการล่วงหน้าแม้แต่น้อย เมื่อวานตอนที่ท่านหญิงเข้านอนยังดีๆ อยู่ แต่พอตื่นเช้าขึ้นมากลับตัวร้อนจัดเจ้าค่ะ”
พูดแล้วดวงตาพลันแดงก่ำ จะร่ำไห้ออกมาอยู่รอมร่อ
ด้วยติดตามฝึกวรยุทธ์พร้อมกับฉู่ฉีเฟิงมาตั้งแต่เด็ก สุขภาพของฉู่สวินหยางจึงแข็งแรง ตั้งแต่เล็กจนโตแทบจะไม่เคยเจ็บป่วย ยามนี้พอเจ็บป่วยขึ้นมา ก็กะทันหันเสียจนทำให้ผู้คนทำอันใดไม่ถูก
ฉู่อี้อันเพียงแต่ฟัง แต่ฝีเท้านั้นเกิดเสียงลมขณะก้าว รีบเดินเข้าไปทันที
เพราะฟ้ายังไม่สว่างเต็มที่ เมื่อเข้าไปถึงด้านในของเรือนจิ่นฮว่านั้นทุกอย่างยังเงียบสงบ ขณะเดียวกันท่านหมอได้มาถึงแล้ว เจี๋ยหงและเฉี่ยนลวี่สองคนเฝ้าอยู่หน้าเตียงของฉู่สวินหยาง สีหน้าเคร่งขรึมนั้นปรากฏความตึงเครียดอยู่บ้าง
“องค์รัชทายาท!” ได้ยินเสียงเดินของฉู่อี้อัน หลายคนหันมาย่อกายคารวะ
ฉู่อี้อันไม่ได้สนใจผู้ใดทั้งสิ้น เดินตรงเข้าไปทันที
ฉู่สวินหยางนอนนิ่งอยู่บนเตียง ใบหน้าของนางแดงผิดจากยามปกติอย่างชัดเจน ส่วนริมฝีปากนั้นซีดขาว
เวลานี้แม้ว่านางไม่ได้สติแต่กลับนอนหลับไม่สนิทนัก คิ้วขมวดมุ่นเป็นระยะ ดูแล้วไม่สบายเนื้อสบายตัว
“เป็นอย่างไรบ้าง?” ฉู่อี้อันถาม สายตาของเขาไม่ได้เคลื่อนย้ายจากใบหน้าฉู่สวินหยางแม้แต่น้อย
ท่านหมอผู้นั้นมองเขาครั้งหนึ่ง มีทีท่าจะพูดแล้วกลับหยุดชะงัก
ฉู่อี้อันรู้สึกได้ในทันทีว่ามีบางสิ่งผิดปกติ คิ้วจึงขมวดขึ้นมา “มีอะไรก็พูดมาตามตรง”
“ตามความเห็นของข้า อาการเจ็บป่วยของท่านหญิงนั้นแปลกประหลาดอยู่สักหน่อย” ท่านหมอผู้นั้นกล่าว สีหน้า เต็มไปความครุ่นคิดและหนักใจ แล้วหันกลับไปมองฉู่สวินหยางที่นอนอยู่บนเตียง “อาการเจ็บป่วยของท่านหญิงนั้นดูเผินๆ เหมือนได้รับลมเย็นทั่วไป แต่เมื่อข้าน้อยจับชีพจรดูแล้วกลับไม่ใช่เช่นนั้น หาสาเหตุได้ไม่ชัดเจน ชีพจรก็เต้นแผ่วยิ่ง”
“อะไรกัน?” ชิงเถิงตกตะลึง ถลาเข้าไปที่หน้าเตียงของฉู่สวินหยางอย่างอดไม่ไหว อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ทว่ากลับไม่ได้เอ่ยความคาดเดาในใจตนออกมา
แววตาของฉู่อี้อันพาดผ่านไปด้วยแววคมปลาบราวกับคมกระบี่ ไร้ซึ่งอารมณ์และความเคลื่อนไหวใดใดทว่าคนที่อยู่ที่นั่นทั้งหมดกลับรู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่แผ่กระจายออกมาจากร่างของฉู่อี้อัน
มีคนยื่นมือเข้ามาถึงในวังบูรพาของเขา ซ้ำยังเลือกลงมือกับผู้เป็นแก้วตาดวงใจของเขาอีกด้วย
เฉี่ยนลวี่และเจี๋ยหงยังดีหน่อย แต่ท่านหมอกลับพูดออกมาด้วยความตกใจว่า “ท่านหญิงไม่มีอันตรายถึงชีวิต เพียงแต่อาการของท่านหญิงนั้นข้าน้อยหาสาเหตุไม่พบ จึงไม่รู้จะเริ่มต้นรักษาอย่างไร เรื่องนี้รอช้าไม่ได้ ท่านรีบเชิญหมอหลวงมาดูเถิดขอรับ”
ความปลอดภัยของฉู่สวินหยางเป็นเรื่องสำคัญ ฉู่อี้อันไม่มีเวลาที่จะสืบหาผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในเวลานี้
ทันทีที่เขาหันกลับมาชิงเถิงก็รู้สึกตัวทันที จึงรีบเอ่ยขึ้นว่า “บ่าวจะรีบไปเชิญเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
พูดจบก็วิ่งออกไป
ท่านหมอผู้นั้นเก็บข้าวของแล้วออกไปยืนรอด้านนอก
ฉู่อี้อันจึงโน้มตัวลงนั่งบนขอบเตียง ยื่นมือออกไปลูบหน้าผากของฉู่สวินหยางที่อุณหภูมิร่างกายเริ่มสูงขึ้น แววตาของเขาลุ่มลึกจมดิ่ง ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
ตลอดเวลาฉู่สวินหยางไม่รู้สึกตัว ราวครึ่งชั่วยามเจิงจีจึงนำหมอหลวงสามท่านเข้ามาอย่างรีบเร่ง
“หมอหลวงมาถึงแล้วเจ้าค่ะ” เฉี่ยนลวี่กล่าว
สติของฉู่อี้อันจึงค่อยๆ กลับคืนมา เขาพลันรู้สึกตัว ลุกขึ้นจากขอบเตียงหลีกทางให้ “มาตรวจดูเถอะ”
“ขอรับ…” เหล่าหมอหลวงคารวะตามมารยาท จากนั้นจึงเข้าไปจับชีพจรให้ฉู่สวินหยาง สีหน้าของหมอหลวงทุกคนล้วนปรากฏความหนักใจ
สุดท้ายหมอหลวงทั้งสามคนจึงรวมกลุ่มกันเพื่อหารือเกี่ยวกับอาการของนาง
ฉู่อี้อันไม่ได้สนใจพวกเขา สีหน้าลุ่มลึกดุจสายน้ำ สายตาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของฉู่สวินหยาง ไม่รู้ว่าคิดสิ่งใดอยู่
“ท่านหมอหลวง ท่านหญิงของข้าเป็นอันใดกันแน่เจ้าคะ?” สุดท้ายยังคงเป็นชิงเถิงที่อดรนทนไม่ไหว ก้าวขึ้นมาข้างเตียงอีกสองก้าว
หลายคนสบสายตากันไปมา แล้วจึงให้หมอหลิวซึ่งเป็นรองสำนัก เป็นตัวแทนของหมอหลวงทั้งหมดรายงานผลการวินิจฉัย ผลของการจับชีพจรนั้นก็ไม่ได้แตกต่างไปจากท่านหมอคนแรกนัก
ฉู่อี้อันฟังแล้ว ในที่สุดก็พูดด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึกใดใดว่า “ดังนั้น…แสดงว่าสวินหยางถูกลอบวางยาใช่หรือไม่?”
“อาการเจ็บป่วยนี้แปลกประหลาดอย่างยิ่ง” หมอหลิวกล่าว แต่มิกล้าพูดอันใดมากมายนัก
ใครๆ ต่างรู้ว่าท่านหญิงสวินหยางเป็นแก้วตาดวงใจขององค์รัชทายาท ยามนี้นางนอนสลบไสลอยู่บนเตียง การต้องเผชิญหน้ากับฉู่อี้อันทำให้ทุกคนรู้สึกว่าศีรษะเหมือนมีก้อนหินหนักอึ้งก้อนหนึ่งผูกเอาไว้ เพียงแค่กดลงมาก็สามารถทำให้ร่างของพวกเขาแหลกสลายได้ในทันที
ยังดีที่องค์รัชทายาทของพวกเขานั้น แต่ไหนแต่ไรมา ไม่ว่าจะลงโทษหรือตบรางวัลก็ทำอย่างชัดเจน ไม่เช่นนั้น…
ครั้งนี้เขากังวลว่าจะรักษาชีวิตของตนเอาไว้ไม่ได้
เมื่อฉู่อี้อันได้ยินคำพูดของหมอหลิว ไม่ได้ถามอันใดอีก เพียงแต่เอ่ยออกมาสั้นๆ ว่า “วิธีแก้”
เมื่อคำพูดนี้กล่าวออกมา หมอหลวงทั้งสามพลันคุกเข่าลงทีละคนๆ อย่างละอายอย่างยิ่ง
ใบหน้าของฉู่อี้อันราวกับมีน้ำแข็งเกาะอยู่ชั้นหนึ่ง ผู้ที่เห็นพลันรู้สึกหวาดผวายิ่งนัก
แผ่นหลังของหมอหลวงทั้งสามเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น สุดท้ายหมอหลวงหลิวจึงเอ่ยขึ้นว่า “หากสามารถหาสาเหตุที่ทำให้ท่านหญิงเป็นเช่นนี้ได้ ข้าก็อาจจะหาวิธีแก้ได้ขอรับ”
——————————————————–