สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 51.2

ตอนที่ 51.2

สายตาของฉู่อี้อันเย็นชายิ่ง

ชิงเถิงรีบคิดทบทวนและเอ่ยขึ้นว่า “เมื่อวานนี้ สำรับของท่านหญิงเป็นปกติทุกอย่างเจ้าค่ะ อีกทั้งท่านยังไม่อนุญาตให้ท่านหญิงออกจากจวน ท่านหญิงจึงอยู่แต่ในเรือน เมื่อคืนท่านหญิงเข้านอนดึกอยู่สักหน่อย เกือบจะสามเกิงจึงเข้านอน ก่อนเข้านอน…”

นางพูดแล้ว ราวกับว่านึกสิ่งใดขึ้นมาได้ จึงหันหลังวิ่งออกไปทันที

คนอื่นๆ ไม่ได้เอ่ยวาจาอันใด ชิงเถิงออกไปไม่นานก็กลับเข้ามา สีหน้าดำคล้ำย่ำแย่นัก “ก่อนเข้านอนครึ่งชั่วยามท่านหญิงได้ดื่มรังนกของห้องครัวเล็กหนึ่งถ้วย รังนกเป็นบ่าวที่ลงมือตุ๋นเองเจ้าค่ะ บ่าวออกไปดูเมื่อสักครู่ รังนกที่เหลืออยู่ในหม้อตุ๋น แล้วยังมีถ้วยและช้อนที่ท่านหญิงใช้เมื่อคืน…”

ชิงเถิงพูดแล้วมีสีหน้าหนักใจขึ้นอีก นางหยุดครู่หนึ่งแล้วจึงพูดต่อ “หายไปหมดแล้วเจ้าค่ะ”

เมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องราวทั้งหมดก็ไร้เบาะแส มีคนแตะต้องรังนกที่ฉู่สวินหยางดื่ม จากนั้นยังละเอียดรอบคอบถึงขั้นกลับเข้ามาอีกครั้งเพื่อนำหลักฐานทั้งหมดไปด้วย

ไม่ต้องพูดว่าพิษที่เขาใช้นี้ยากแก่การรักษาเพียงใด แค่ว่า…

สามารถลอบเข้ามาในวังบูรพาที่มีทหารอารักขาแน่นหนาในยามกลางคืนได้…

จะหาผู้มีความสามารถเช่นนี้ในใต้หล้ายังมีเพียงไม่กี่คน

ฉู่อี้อันเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ได้เอ่ยวาจาอันใดออกมา แต่เจิงจีกลับเห็นมือที่อยู่ด้านหลังของเขาค่อยๆ กำเข้าหากันแน่น

อึดใจหนึ่ง เขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบเป็นปกติว่า “เจิงจี ส่งหมอหลวงกลับไปเถิด”

“ข้าน้อยขอตัว” หมอหลวงทั้งหลายรีบโค้งหัวคำนับแล้วรีบตามเจิงจีออกไป

เจี๋ยหงและเฉี่ยนลวี่ได้แต่มองฉู่สวินหยางที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความหนักใจ ในที่สุดเจี๋ยหงก็ทนไม่ไหว นางกัดฟันแล้วเดินไปข้างหน้าฉู่อี้อันพร้อมกับคารวะแล้วพูดด้วยสีหน้าปกติว่า “นายท่าน ขอนายท่านอนุญาตให้บ่าวออกไปข้างนอกสักครู่เถิดเจ้าค่ะ”

ประวัติความเป็นของเฉี่ยนลวี่และเจี๋ยหงนั้นฉู่อี้อันกระจ่างแก่ใจดี

ฉู่อี้อันค่อยๆ เบือนสายตากลับมาที่ใบหน้าของเจี๋ยหง ไม่ได้เอ่ยวาจาอันใด แต่ทว่าความกดดันนั้นทำให้เจี๋ยหงรู้สึกอึดอัดยิ่ง

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้เอ่ยปฏิเสธอย่างชัดเจน เจี๋ยหงจึงก้มหัวแล้วรีบเดินออกไป

ในเรือนเงียบสงบไร้ซึ่งสรรพเสียง

ฉู่อี้อันยืนอยู่เพียงลำพังในห้องนั้น แผ่นหลังของเขาเหยียดตรงราวกับพู่กัน ทว่ากลับเหมือนขุนเขาอันหนักแน่นที่พร้อมจะระเบิดเป็นภูเขาไฟได้ตลอดเวลา

เฉี่ยนลวี่และชิงเถิงต่างรู้สึกกังวล มองไปที่ฉู่สวินหยางที่นอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่บนเตียง

เจี๋ยหงออกไปราวครึ่งชั่วยาม นางกลับเข้ามาพร้อมเหงื่อเต็มตัว เสื้อผ้าถูกเหงื่อของตนทำให้ชุ่มไปหมด

ได้ยินเสียงฝีเท้าของนางที่ใกล้เข้ามา ฉู่อี้อันจึงหันมามองทีหนึ่ง

เจี๋ยหงสบตากับเฉี่ยนลวี่ครั้งหนึ่ง เฉี่ยนลวี่เห็นแววตาผิดหวังของนางที่ปรากฏอย่างชัดเจน

ฉู่อี้อันนั้นเป็นคนที่ละเอียดอ่อนยิ่งนัก เขารับรู้และมองออกจากท่าทางของสาวใช้ทั้งสองคน

“พูดเถิด” เวลานี้ เขาจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอันเย็นเยียบ

เจี๋ยหงกัดฟันแน่น คุกเข่าลงต่อหน้าเขา ทว่าเมื่อพูดออกมานั้นน้ำเสียงกลับมั่นคงหนักแน่น ไม่มีแม้ความลังเลใจ“ก่อนหน้าที่ใต้เท้าเหยียนหลิงจะออกจากเมืองหลวงนั้น ท่านหญิงได้ขอให้เขาจัดยาให้เทียบหนึ่ง บอกว่าต้องการขัดขวางการเดินทางลงใต้ไปยังแคว้นฉู่ของคังจวิ้นอ๋องเจ้าค่ะ”

ฉู่อี้อันฟังแล้ว ท่าทีสงบนิ่งดุจขุนเขานั้นจึงปรากฏความเคลื่อนไหว เขาสูดหายใจลึก เงยหน้าขึ้นและข่มตาลง เมื่อลืมตาอีกครั้งสายตานั้นก็สงบนิ่งดังเดิม พลางมองไปยังฉู่สวินหยางที่นอนอยู่บนเตียง

“ความหมายของเจ้าคือสวินหยางยามนี้นาง…”

“แปดส่วนใช่แน่เจ้าค่ะ” เจี๋ยหงตอบ น้ำเสียงนั้นมีความตื่นเต้นเล็กน้อย “เดิมทีบ่าวไม่ค่อยแน่ใจ ดังนั้นเมื่อสักครู่บ่าวจึงไปจวนสกุลเฉิน ทางใต้เท้าเหยียนหลิงนั้นไม่พบยาหรือใบสั่งยาใดใดเจ้าค่ะ”

หลายครั้งที่เหยียนหลิงจวินปรุงยามักจะทำตามใจนึก ด้วยไม่ต้องการให้เหลือใบสั่งยาทิ้งไว้ แต่พอมีเชินหลานคอยติดตาม นางมีนิสัยครูลักพักจำ เพื่อความสะดวก ภายหลังหากให้เชินหลานเป็นคนหาตัวยา เหยียนหลิงจวินก็มักจะเขียนใบสั่งยาทิ้งไว้ให้ แต่ไม่อนุญาตให้เชินหลานเก็บไว้นาน เพราะกลัวหลุดรอดออกไปแล้วจะเป็นปัญหา

ครั้งนี้เขาออกเดินทางอย่างรีบเร่ง ขณะที่เจี๋ยหงกลับไป นอกจากค้นในห้องยาของเขาแล้วยังไปค้นหาในห้องของเชินหลานด้วย ทว่ากลับไม่พบอะไรทั้งสิ้น

เหยียนหลิงจวินอาจจะไม่ได้ทิ้งอะไรไว้เลย หรืออาจมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง…

คือคนที่มาขโมยยาต้องรอบคอบมากจึงได้หยิบเอาใบสั่งยาไป หรือไม่ก็คงทำลายทิ้งไปแล้ว

ฟังมาถึงตรงนี้ ฉู่อี้อันจึงถอนใจหนักๆ อย่างหมดความอดทน

เจิงจีส่งหมอหลวงกลับไปแล้ว เมื่อเข้ามาเห็นท่าทางของฉู่อี้อัน เขาพลันรู้สึกหัวใจหดรัด รีบเอ่ยว่า “บ่าวจะรีบเข้าวังไปเชิญท่านอาวุโสเฉินมาเดี๋ยวนี้ขอรับ”

ความคิดที่เฉินเกิงเหนียนอยากพบฉู่สวินหยางนั้นไม่ใช่เพิ่งจะเกิดในวันสองวันนี้ เขาจับชีพจรให้ฮ่องเต้เสร็จเพิ่งจะออกจากวังมา เมื่อได้ยินจุดประสงค์ที่เจิงจีมาหาจึงรีบตามมาด้วยทันที ทว่าเมื่อได้จับชีพจรของฉู่สวินหยางแล้ว สีหน้าพลันเปลี่ยนไป พร้อมก่นด่าออกมาด้วยความโกรธขึ้ง “เจ้าเด็กสารเลวนั่น”

ฉู่อี้อันนั้นไม่ค่อยเข้าใจนิสัยและความเคยชินของเฉินเกิงเหนียน ทว่าเจี๋ยหงและเฉี่ยนลวี่นั้นรู้ดียิ่งกว่า

“อาวุโสเฉิน ท่านไม่มีวิธีรักษาหรือเจ้าคะ?” เฉี่ยนลวี่ถอนใจแล้วเอ่ยถามขึ้น

เฉินเกิงเหนียนอยู่ในเมืองหลวงมาเป็นเวลาหลายปี ตลอดมาถูกขนานนามว่าเป็นมือหนึ่งของสำนักหมอหลวง แม้เหยียนหลิงจวินจะเป็นศิษย์หลานของเขา แต่เมื่อถูกกดให้ดูอ่อนด้อยซึ่งๆ หน้าเช่นนี้ จะมากหรือน้อยก็ต้องรู้สึกอิหลักอิเหลื่ออยู่บ้าง

ที่จริงแล้วเขาอยากจะอาละวาด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่อี้อันจึงรู้สึกไม่ค่อยสะดวก เขาได้แต่อดกลั้นเอาไว้และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “พิษนี้ไม่ได้เป็นพิษที่ร้ายแรงถึงชีวิต ไม่ได้มีฤทธิ์เรื้อรัง แม่นางน้อยคงต้องนอนแบบนี้ไปราวๆ ครึ่งเดือน ชายชราเช่นข้าไม่ปรุงยานอกรีต หากท่านรอได้ก็รอ หากรอไม่ได้…”

เขาพูดแล้วก็หยุดลูบเคราตัวเอง พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “หากรอไม่ได้ก็รีบไปตามเจ้าเด็กนั่นกลับมาเถิด”

“นายท่าน…” ชิงเถิงได้ยินแล้วรีบก้าวขึ้นไปข้างหน้า มองฉู่สวินหยางด้วยสายตาเต็มไปด้วยความวิตก

หากเป็นการนอนหลับเพียงอย่างเดียวนั้นคงไม่มีปัญหาอะไร ปัญหาคือในเวลานี้ยังหาคนร้ายที่เข้ามาลงมือในวังบูรพาไม่ได้ หากครึ่งเดือนต่อจากนี้ฝ่ายตรงข้ามลงมือซ้ำอีกครั้งจะทำอย่างไร?

จะให้ฉู่สวินหยางนอนหลับไปเรื่อยๆ เช่นนี้ แล้วรอให้เหยียนหลิงจวินกลับมาไม่ได้กระมัง

ในใจของฉู่อี้อันนั้นกระจ่างแจ้งยิ่งกว่า

การออกเดินทางครั้งนี้ของเหยียนหลิงจวินและซูอี้นั้นอันตรายเพียงใด พวกเขาจะถอยมาได้อย่างราบรื่นหรือไม่นั้นยังพูดลำบาก

จะกล่าวว่าเห็นแก่ตัวก็ดี แต่…

เขาไม่สามารถเอาชีวิตของนางไปเสี่ยงอันตรายได้

“ลำบากอาวุโสเฉินแล้ว วันหน้าข้าต้องไปเยือนเพื่อแสดงความขอบคุณแน่” หายใจเข้าลึกๆ ครั้งหนึ่ง ฉู่อี้อันจึงตอบ

เฉินเกิงเหนียนทำปากเบ้ ทว่าเขากลับมีสีหน้าราวกับทำตัวไม่ถูกอยู่หลายส่วน “ท่านกล่าวเกินไปแล้ว ล้วนเป็นเจ้าเด็กนั่นที่ไม่รู้หนักเบา รอให้เขากลับมาเสียก่อน ข้าจะพาเขามาขอขมาด้วยตนเอง”

เฉี่ยนลวี่ฟังแล้วมองเขาด้วยสีหน้าแปลกประหลาดทีหนึ่ง

ตาเฒ่าผู้นี้กำลังช่วยเจ้านายของตนจริงๆ หรือกำลังราดน้ำมันลงกองไฟและพัดไฟให้ลุกโหมกันแน่?

ฉู่อี้อันมีสีหน้าเย็นชายิ่ง ไม่ได้เอ่ยอันใด

เฉินเกิงเหนียนสะพายล่วมยาเดินตามชิงเถิงออกไป ฉู่อี้อันจึงมองไปยังเจิงจีที่ยืนอยู่ข้างประตูว่า “เจ้า…”

“นายท่าน!” เจี๋ยหงรีบก้าวขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วเอ่ยขึ้น “ตอนนี้ให้ควบม้าออกไปตามคนคงไม่ทันการณ์ บ่าวมีวิธีส่งจดหมายด่วนให้ให้เท้าเหยียนหลิงเจ้าค่ะ!”

ระหว่างพวกนางและเหยียนหลิงจวินมีเส้นทางพิเศษในการส่งจดหมายลับให้กัน แต่วิธีที่เร็วที่สุดยังคงเป็นหอเชียนจีของซูอี้

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ฉู่อี้อันย่อมไม่ปฏิเสธ พยักหน้าด้วยสีหน้าแข็งทื่อ ทิ้งคำไว้สั้นๆ ก่อนจะหมุนกายจากไป “เล่าตามความจริง!”

“เจ้าค่ะ บ่าวเข้าใจแล้ว!” เจี๋ยหงรีบรับคำ หลังจากเขาออกไป นางและเฉี่ยนลวี่ต่างหันไปมองฉู่สวินหยางที่ยังคงนอนอยู่บนเตียง ต่างมีสีหน้าทุกข์ใจยิ่ง

————————————————-

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน