สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 54.5 ข้าจะปกป้องนางด้วยชีวิต! (5)

บทที่ 54.5 ข้าจะปกป้องนางด้วยชีวิต! (5)

นางไม่ได้พูดอันใด ซูอี้ก็คล้ายกับไม่ได้คาดหวังกับคำตอบของนางอยู่ก่อนแล้ว ก็ทำเพียงกล่าวกดดันคนต่อไป “ครั้งที่แล้วชายาแซ่ฟางกลับมาร่วมพิธีปักปิ่นของท่านหญิง ผู้ที่ลักลอบเข้าไปในวังบูรพากลางวันแสกๆ เพื่อขโมยปิ่นของนางก็คือเจ้า เจ้าเอาปิ่นของนางไป จากนั้นก็ช่วยเหลือจัดการวางแผนการตายของหลัวฮองเฮา! ทั้งก่อนหน้านี้ที่ได้รับคำสั่งให้ตามฆ่าซูหลิน ข้าเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเจ้า อาศัยพวกเจ้าที่เป็นองครักษ์ลับแล้วก็ควรจะฆ่าปิดปากข้าในทันที แต่เวลานั้นเหตุใดเจ้าจึงไม่ลงมือ? จากนั้นก็ครั้งนี้อีก ในอาหารของท่านหญิงก็เป็นอุบายของเจ้าใช่หรือไม่? ใช้โอกาสตอนที่เรียกจวินอวี้กลับไป เพื่อสะดวกต่อการลงมือกับข้า!”

ทำเรื่องไม่กี่เรื่องติดต่อกัน การลงมือของหญิงสาวผู้นี้เดี๋ยวก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา สร้างความงุนงงให้กับผู้คนอย่างแท้จริง

แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่บังเอิญ ทุกครั้งก็ล้วนทำให้ซูอี้ได้พบเจอ

“ท่านพูดจบหรือยัง?” ซื่อหรงไม่พยายามต่อต้านอะไรอีก เพียงแค่รอให้ซูอี้กล่าวจบจึงค่อยเอ่ยปากอย่างราบเรียบขึ้นมา

“เจ้ายังไม่คิดจะอธิบายอีก?” ซูอี้ขมวดคิ้วมุ่น เค้นมองนางอย่างไม่จบไม่สิ้น

ซื่อหรงพยายามอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถสลัดออกจากการจับกุมของเขาได้ จึงปล่อยไว้เสียอย่างนั้น เผยแววตาเรียบเย็นเบนมองไปทางอื่น

“ดี ในเมื่อเจ้าไม่ยอมพูด เช่นนั้นให้ข้าพูดแทนเจ้าก็พอแล้ว!” ซูอี้ถอนลมหายใจ ในที่สุดก็ปล่อยมือ

ซื่อหรงเดิมทีเตรียมจะปลีกตัวออกไป แต่เมื่อได้ฟังประโยคหลังที่ตามมาของเขาก็ชะงักฝีเท้าอย่างลังเล

“พวกเรามาเริ่มพูดทั้งหมดจากคดีสังหารคนที่ถนนไฉ่ถังก่อน เจ้าฆ่าชายแก่ผู้นั้น ก็เพราะคนผู้นั้นปั้นตุ๊กตาคล้ายกับท่านหญิงสวินหยางเกินไป เจ้าไม่อยากให้ความลับบางอย่างหลุดออกมาจากปากของคนผู้นั้น ดังนั่นจึงฆ่าเขาปิดปากเขาซะ” ซูอี้กล่าวด้วยท่าทีดูสบายๆ ทว่าสายตากลับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของซื่อหรงอยู่ตลอด สังเกตสีหน้าของหญิงสาวผู้นี้อย่างจริงจัง

ซื่อหรงเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าไม่ได้ปรากฏอารมณ์ใดๆ แต่ปลอกมีดที่กำไว้ในมือกลับค่อยๆ เพิ่มแรงขึ้น กำจนแน่นไปอยู่บ้าง

“ต่อมาเจ้าก็วางแผนร่วมกับชายารองไปขโมยยาพิษในวังบูรพา แต่เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่ได้ทำงานร่วมกับชายารอง

มิเช่นนั้นนางก็คงจะตระเตรียมล่วงหน้า และคงไม่อาจให้เจ้าบุกเข้าไปด้านหลังวังบูรพากลางวันแสกๆ อย่างเปิดเผยได้หรอก”

ซูอี้กล่าวต่อไป ทุกคำล้วนคมชัดแทบจะมองไม่เห็นความลังเลแม้แต่น้อย “ในเมื่อชายารองไม่ได้เป็นฝ่ายที่เจ้ายอมสวามิภักดิ์ เช่นนั้นข้าสามารถคาดเดาได้หรือไม่ว่า…เจ้าทำเรื่องนั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่ว่าเห็นแก่หน้านาง แต่เพียงเพราะว่านางคือแม่ผู้ให้กำเนิดของฉู่สวินหยาง? เจ้าร่วมกับนาง ก็เพราะเห็นแก่หน้าของท่านหญิงสวินหยาง?”

ซื่อหรงขบเม้มริมฝีปาก ไม่ได้จากไปไหน และไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา

ซูอี้ไม่ได้รับคำตอบจากนาง ก็ไม่ได้ท้อถอยแต่อย่างใด “ทั้งเรื่องที่ชิงฆ่าซูหลินในเย็นในวันนั้น เดิมก็เป็นข้าที่คิดเข้าข้างตัวเอง เจ้าไม่ได้สังหารข้า ที่แท้ไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับข้า แต่เพราะเวลานั้นข้าทำข้อตกลงกับท่านหญิงสวินหยางเรียบร้อยแล้ว กลายเป็นพันธมิตรกับนาง ยังคงเพราะร่วมกันกับนาง…ดังนั้นเจ้าจึงทำเป็นมีเมตตาปล่อยข้าไป?”

ในทางกลับกัน แท้จริงซูอี้แล้วเป็นคนหนึ่งที่หลักแหลมเป็นอย่างมาก แม้ว่าตอนแรกซื่อหรงยอมปล่อยเขาไป เขาก็คงไม่อาจคิดผิดได้…

หญิงสาวผู้นี้ไม่ใช่คนที่รับมือได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้นใต้หูใต้ตาฮ่องเต้ นางยังคงต้องปกป้องตัวเอง อาศัยสิ่งใดนางจึงเมตตาคนแปลกหน้าที่ทำเรื่องร้ายกับนางขนาดนี้?

หากไม่ใช่เพราะว่าสาเหตุจากตัวเขาเอง เช่นนั้นก็มีเพียงเหตุผลอื่น

แต่เรื่องราวหลายครั้งที่รวมเข้าด้วยกันขนาดนี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะให้เขาใช้เวลาระหว่างทางกลับเมืองหลวงจับต้นชนปลาย…

เรื่องพวกนี้ มองผิวเผินคล้ายทรายที่แตกกันกระจัดกระจาย แต่ในความเป็นจริงไม่มากก็น้อยล้วนแต่มักเกี่ยวข้องกับฉู่สวินหยางอยู่บ้าง

แม้ว่าข้อสรุปเช่นนี้ทำให้คนยากที่จะเชื่ออยู่บ้าง แต่ว่าเรื่องจริงก็เป็นเช่นนี้ ไม่อาจทำให้เขาเผชิญหน้าได้ง่าย

“ครั้งนี้เป็นฝ่าบาทที่ออกคำสั่งเด็ดขาดครั้งสุดท้าย เพื่อต้องการจะเอาชีวิตข้า ในตอนที่เจ้าทำภารกิจก็มีใจคิดสังหารข้าอยู่แล้วใช่หรือไม่?” ฝืนรวบรวมสติ ซูอี้จึงค่อยเอ่ยขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่เมื่อกล่าวถึงครั้งสุดท้ายนี้ ท่าทีในน้ำเสียงของเขา จู่ๆ ก็แฝงไปด้วยความขมขื่นอย่างแปลกประหลาด “ภารกิจครั้งนี้ พวกเจ้าเตรียมการอย่างเพียบพร้อม แม้ว่าจวินอวี้และข้าจะร่วมทางไปด้วยกัน เจ้าก็มีโอกาสชนะอย่างแน่นอน แต่ก่อนหน้าที่เจ้าจะออกจากเมืองกลับลงมือวางแผนก่อนหนึ่งก้าว ไปวังบูรพาเพื่อใช้ลูกเล่นในอาหารของท่านหญิงสวินหยาง แต่จุดประสงค์ของเจ้ากลับไม่ใช่เป็นศัตรูกับท่านหญิง แต่เพราะว่าเจ้าวางแผนมาดีแล้วว่าหากท่านหญิงเกิดเรื่อง จวินอวี้จำต้องย้อนกลับมาอย่างแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว…” ซูอี้กล่าว พลางข่มตาลงหลับเดี๋ยวนั้น ยิ้มอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะกล่าวอย่างเน้นทุกถ้อยคำอย่างชัดเจน “ที่ตายก็จะมีเพียงข้าคนเดียวเท่านั้น!”

คำพูดสุดท้ายที่หลุดจากปากออกมา เขากระทั่งคลายความตึงเครียดออกมาด้วย

จากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง เผยใบหน้าเยือกเย็นและเรียบนิ่งมองดูหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า “พยายามอย่างหนักเช่นนี้ ทุ่มเทอย่างสุดความสามารถเช่นนี้ ครุ่นคิดวางแผนเช่นนี้ เจ้าทำเรื่องพวกนี้มากมาย ตั้งแต่ต้นจนจบก็ล้วนใคร่ครวญอย่างดีให้อยู่บนจุดยืนดียวกันกับของท่านหญิงสวินหยาง…เพื่อนาง จึงขจัดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อนาง จึงสังหารศัตรูที่ไม่อาจกลับตัวได้ ช่วยคุ้มครองนางทั้งยังใช้ประโยชน์จากพันธมิตรอย่างคุ้มค่า ถึงขนาดที่…เพราะว่านางสนใจจวินอวี้ เพื่อที่จะไม่ให้นางเสียใจ เจ้าก็เลือกวางแผนอย่างชาญฉลาดไม่ให้กระทบฝ่ายนางมาก ล่อเขาออกไปจากข้างกายข้า ทุกๆ เรื่อง แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของนางเจ้าก็ยังคงพยายามทำด้วยคำนึงถึงความรู้สึกของนาง ไม่อยากให้นางเจ็บปวดแม้แต่น้อย…”

คนหนึ่งคนสามารถวางแผนอย่างลึกซึ้งให้กับอีกคน ตริตรองทีละเล็กทีละน้อย

การใส่ใจที่ละเอียดอ่อนและรอบคอบเช่นนี้ แม้จะเป็นความสัมพันธ์ในสายเลือดก็ยังยากที่จะพบเห็น

แท้จริงแล้วมีเหตุผลอันใดกันแน่ ที่สามารถทำให้หญิงสาวผู้นี้ทำเพื่อฉู่สวินหยางถึงขนาดนี้?

ช่วงแรกนั้นเริ่มจากความสงสัย ในเวลานี้ก็หลงเหลือเพียงความสั่นสะท้านลึกๆ ภายในใจ

ไม่เพียงขจัดภยันตราย กำจัดศัตรู ทั้งยังปกป้องสหายให้นาง แต่กระทั่งคนที่นางมีใจให้ ก็ยังดูแลด้วยความเอาใจใส่ การคุ้มครองด้วยความระมัดระวังเช่นนี้ ทุ่มเทออกไปอย่างสุดกำลังเช่นนี้…

มีสาเหตุที่แท้จริงมาจากอะไรกันแน่ ผู้หญิงคนนี้จึงได้ทำเรื่องพวกนี้?

ซื่อหรงฟังเขาจนจบด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ทั้งยังไม่เอ่ยตัดบทอะไร เพราะนางรู้ว่าขณะนี้ฉู่สวินหยางและเหยียนหลิงจวินต่างก็อยู่ข้างกำแพงด้านนอก

ด้านนอกของกำแพง มือข้างหนึ่งของฉู่สวินหยางกดบนผนังกำแพงนั้นอยู่สักพักใหญ่แล้ว ใบหน้าเย็นเยียบ ทั้งยังประกายแววตาสับสน

เหยียนหลิงจวินยืนอยู่ด้านหลังนาง กลับยิ่งมองนางด้วยสายตากังวลที่ดูซับซ้อนอย่างหนึ่ง

รอจนบทสนทนาของซูอี้และหญิงสาวผู้นั้นจบลง ฉู่สวินหยางจึงค่อยยึดผนังกำแพง ก่อนจะค่อยๆ หยัดกายขึ้นมา พลิกตัวกระโดดข้ามกำแพงอย่างคล่องแคล่ว

ซื่อหรงไม่ได้หลบหลีกอีกต่อไป กลับมองรับสายตาที่เยือกเย็นของนางพลางกล่าว “มีคนทำเรื่องเพื่อท่านมากมายขนาดนี้ แม้จะไม่รู้สึกซาบซึ้ง แต่อย่างน้อยข้าอยากให้ท่านทะนุถนอมเอาไว้ เพื่อเป็นการตอบแทน การขอร้องครั้งนี้ของข้า ไม่นับว่าเกินไปแต่อย่างใด!”

ฉู่สวินหยางไม่ปริปากพูดใดใด หญิงสาวทั้งสองสบสายตามองกันท่ามกลางแสงสลัวในคืนมืดมิด

ท้ายที่สุดฉู่สวินหยางจึงค่อยๆ ถอดถอนหายใจแผ่วเบาออกมา “ข้าอยากพบเจอเขาสักครั้ง!”

———————————————–

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน