สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 67.2 ถล่มเมือง ทำลายแคว้น! (2)

บทที่ 67.2 ถล่มเมือง ทำลายแคว้น! (2)

แต่ว่าคำพูดของฉู่สวินหยางตรงไปตรงมาเกินไป ทันใดนั้นสายตาของเขาพลันทอประกายวาบเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง เขาหัวเราะเยาะอย่างนึกไม่ถึงว่า  เมื่อวานคนที่ซุ่มโจมตีเจ้าอย่างไม่ทันตั้งตัวใต้หน้าผาไม่ใช่คนของฉู่ซิ่น? งั้น… 

เขายังคงเอ่ยพลางหัวเราะเยาะออกมาอย่างเหลือเชื่ออีก  งั้นเจ้ายังคิดว่าเป็นกับดักที่ฝ่าบาทของข้าวางไว้จัดการเจ้าหรือ? ฉู่สวินหยาง แค่เด็กสาวที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเจ้า อย่าได้สำคัญตัวผิดนักเลย! 

ฉู่สวินหยางไม่ได้ต้องการยึดเมืองของหนานฮวาห้าเมืองจริง เห็นได้ชัดว่านางกำลังหาเหตุแสดงพลังของตนเองเพื่อท้าทายฮ่องเต้หนานฮวา

ก็แค่เด็กสาวคนหนึ่งที่ถูกโอ๋จนไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเท่านั้น นางไปเอาความคิดนี้มาจากไหนถึงได้ว่ากล้าท้าทายฮ่องเต้หนานฮวาอย่างเปิดเผย?

องค์รัชทายาทหนานฮวาทำหน้าดูถูก แต่กลับคอยแอบจับสังเกตฉู่สวินหยางที่อยู่ฝั่งตรงข้ามตลอดทุกฝีก้าว

ฉู่สวินหยางก้มหน้าลงพลางหยิบแส้ม้าในมือขึ้นมาดู และมุมปากก็ยกยิ้มอย่างเย็นยะเยือกและเยาะเย้ยโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน

 อย่างช้าที่สุดคือคืนพรุ่งนี้ หากเจ้ายังยืนกรานว่าจะไม่ไป งั้นทุกคนก็เจอกันในสนามรบแล้วกัน!  ฉู่สวินหยางเอ่ยและไม่พูดอะไรกับเขาอีก นางพูดจบก็หันหัวม้ากลับ ฟาดแส้ม้าและค่อยๆ จากไปอย่างเยือกเย็น

เสียงลมพัดหวีดหวิวหอบเอาเส้นผมสีดำด้านหลังและกระโปรงของนางให้ปลิวไสว ภาพเงาด้านหลังนั้นดูคล้ายกับภาพทิวทัศน์ที่ค่อยๆ ผสานเข้ากับดินแดนแห่งความฝัน แม้ไม่ค่อยสวยนัก แต่พอได้เห็นแล้วก็เหมือนจะอยู่ชั่วนิรันดร์

ราวกับ…

พอได้เข้าไปอยู่ในหัวใจและดวงตาแล้วก็ยากที่จะลบทิ้งและลืมได้อีก

หญิงสาวคนนี้ไม่เหมือนใครจริงๆ

พอเห็นคนกลุ่มนั้นของนางค่อยๆ จากไปไกลแล้ว หลี่เหวยถึงจะตั้งสติกลับมาได้ทีละน้อย เขาขยับเข้าไปใกล้ด้านหลังองค์รัชทายาทหนานฮวาและเอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า  องค์ชาย เหมือนท่านหญิงสวินหยางจะไม่ได้ล้อเล่นนะขอรับ 

องค์รัชทายาทหนานฮวามีสีหน้าเย็นชา เขาดึงสายตาที่ฉายแววเย็นเยียบอย่างเลือนรางกลับมาจากที่ไกลๆ นั้น พลางเหลือบมองกระสอบผ้าสีดำที่เขาถืออยู่ในมือ

หลี่เหวยรู้ใจจึงเปิดกระสอบผ้านั้นออกดู ในนั้นมีหัวกลมๆ ของคนอยู่สี่หัว และส่วนใหญ่ยังดูเหมือนคุ้นตาด้วย

 นี่มัน…  หลี่เหวยตกใจมากจนหน้านิ่งไป  เหมือนจะเป็นคนขององค์ชายหกขอรับ! 

ทว่าองค์รัชทายาทหนานฮวากลับเยือกเย็นมาก เขาแค่มองอย่างเฉยชาเพียงครั้งเดียวแล้วก็มองไปทางอื่นอีก…

นี่ฉู่สวินหยางกำลังขู่เตือนเขาหรือ?

คนพวกนี้เป็นคนที่ตามเขามาจากค่ายทหารทั้งนั้น

ทีแรกเขาไม่ได้ให้หลี่เหวยกำจัดทิ้ง เพราะประมาทน้องหกของตนเอง แต่ฉู่สวินหยางกลับลงมือโดยไม่บอกกล่าว

คนขององค์ชายหกถูกฆ่าตาย อย่างไรก็ต้องสงสัยและระแวงเขา

 วิธีการของผู้หญิงคนนี้แปลกประหลาดมาก ให้คนไปสืบอีก ข้าอยากรู้สาเหตุที่นางทุ่มสุดกำลังโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา!  องค์รัชทายาทหนานฮวาเอ่ยด้วยเสียงเย็นเยียบ พลางยกมือปิดปากแผลที่ยังมีเลือดไหลออกมาบนไหล่ซ้าย  ลูกชายและลูกสาวขององค์รัชทายาทซีเยว่สองคนนี้ต่างไม่ธรรมดา ไม่มีทางที่พวกเขาจะยอมทำอะไรโดยไม่นึกถึงผลที่จะตามมาอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้แน่นอน 

ถึงแม้จะแค่เพราะไม่อยากทำให้ฉู่อี้อันลำบาก แต่ฉู่สวินหยางก็ไม่น่าจะทำเกินตัวเช่นนี้ที่นี่ นางพุ่งเป้าไปที่ฮ่องเต้หนานฮวาโดยตรง

 ขอรับ!  หลี่เหวยขานรับอย่างระมัดระวัง คิดแล้วคิดอีกก็ยังอดที่จะเอ่ยไม่ได้ว่า  องค์ชาย เช่นนั้นพวกเรา… 

 น้องหกมาที่นี่เพราะต้องการอำนาจทางการทหารไม่ใช่หรือ? งั้นข้าก็ช่วยให้เขาสมหวังก็พอแล้ว!  องค์รัชทายาทหนานฮวาเอ่ยและหันหลังกลับ หลังจากปีนขึ้นหลังม้าแล้วถึงจะเอ่ยต่อว่า  ปล่อยข่าวออกไปก่อนฟ้ามืดว่าเสด็จพ่อทรงพิโรธมากเพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันในกองทัพ! 

 ขอรับ!  หลี่เหวยรับคำ แล้วคนทั้งกลุ่มก็ขี่ม้ากลับไปทางเดิม

หลังจากพบกับองค์รัชทายาทหนานฮวาแล้ว ฉู่สวินหยางก็กลับมาที่ค่ายทหารของซีเยว่ นางเพิ่งจะปีนลงจากหลังม้าและจะเข้าไปในกระโจม ทว่าตอนที่เผลอเงยหน้าขึ้นมานั้นกลับเห็นเงาร่างสูงของฉู่ฉีเหยียนยืนอยู่หน้ารั้วที่อยู่ข้างๆ ไม่ไกลนัก

ฉู่สวินหยางลังเลอยู่ชั่วครู่ แล้วก็ตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้เขา นางยืนข้างเขาโดยเว้นระยะห่างหนึ่งช่วงตัวกล่าวว่า  ท่านมีธุระกับข้าหรือ? 

 หากรุ่ยชินอ๋องกลับเมืองหลวง อย่างไรฝ่าบาทก็ต้องวางแผนการรบที่นี่ใหม่ เจ้าอยากได้อำนาจทางการทหารที่นี่มาตลอดไม่ใช่หรือ? ช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้กลับไม่คิดหาทางที่ทำให้มั่นใจได้ว่าฉีเฟิงจะรักษาตำแหน่งในกองทัพไว้ได้ แต่พยายามกระตุ้นให้เกิดสงครามทุกวิถีทาง เจ้าคิดจะบีบให้ฮ่องเต้เปลี่ยนผู้บัญชาการอีกหรือ?  ฉู่ฉีเหยียนเอ่ยโดยไม่หันกลับไปมองนาง น้ำเสียงของเขาเย็นชาปนหนักแน่นอย่างปกติและดูไร้อารมณ์  ถ้าหากเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นในกองทัพ ครั้งนี้ฝ่าบาทย่อมต้องรู้สึกกลัวและระวังตัวมากขึ้น เจ้ามั่นใจแค่ไหนกันว่าจะกุมอำนาจได้อีกครั้ง? ใช้อารมณ์เช่นนี้ ไม่เหมือนเจ้าเลย ฉู่สวินหยาง! 

ฉู่สวินหยางไม่ได้เปิดโปงเรื่องอื้อฉาวที่รุ่ยชินอ๋องสมคบคิดกับศัตรู ดังนั้นสุดท้ายเมื่อเรื่องนี้ไปถึงบนโต๊ะของฮ่องเต้ จะเปิดเผยออกไปเพียงว่าข้าศึกแทรกซึมเข้ามาในกองทัพของเมืองฉู่จนเกือบจะเกิดหายนะเท่านั้น

ด้วยนิสัยขี้ระแวงของฮ่องเต้แล้ว ต่อไปก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่และจัดระเบียบกองทัพใหม่ทั้งหมด

เดิมทีสุดท้ายตำแหน่งที่นี่อาจจะตกเป็นของเขากับฉู่ฉีเฟิง สองราชนิกุลหนุ่มผู้ก้าวเข้าสู่งานด้านการทหารเป็นครั้งแรก แต่พอฉู่สวินหยางก่อกวนอย่างไม่นึกเกรงกลัว เพราะมีคนหนุนหลังเช่นนี้ อย่างไรฮ่องเต้ก็ต้องโมโหและเปลี่ยนให้คนอื่นมาแทนอีก

 ที่จริงแล้วเจ้าสนว่าข้าจะอยู่หรือไป หรือว่ากำลังเสียดายโอกาสที่ตนเองเกือบจะพลาดไปต่อหน้าต่อตากันแน่?  ฉู่สวินหยางหัวเราะเยาะและไม่มองเขาเช่นกัน เพียงแค่ทอดมองไปที่ขอบฟ้าแสนไกล  หากมีเวลามาสนใจข้าเช่นนี้ ลองไปคิดว่าควรจัดการปัญหาที่จะตามมาของเจ้าเองอย่างไรดีกว่า เรื่องที่เจ้าซื้อตัวฮั่วกังมาวางแผนฆ่าหลัวอี้ แต่ทิ้งจุดอ่อนใหญ่มากไว้บนมือของฮั่วกังนั้น หากถูกเปิดโปงออกไป ทั้งตระกูลของฮองเฮาคงไม่ยอมรามือจากเจ้าง่ายๆ แน่ วิกฤตของข้ายังมาไม่ถึง แต่เจ้า…ที่จริงแล้วเวลานี้ไม่ควรจะเป็นเวลาที่เจ้ามาเทศนาข้าอย่างสบายอกสบายใจด้วยซ้ำ! 

ฉู่ฉีเหยียนยิ้มมุมปากเยาะเย้ยตนเอง

ตอนนั้นเขาสิ้นเปลืองแรงไปมากกว่าจะชิงตัวฮั่วกังมาได้ และยังจัดการเรื่องของหลัวอี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบไร้ช่องโหว่ แท้จริงแล้วตอนนั้นก็สร้างความลำบากให้กับวังบูรพาไม่น้อย แต่ตอนนี้เขาทิ้งจุดอ่อนใหญ่ขนาดนั้นไว้ในมือฮั่วกัง

หากวันหนึ่งแตกคอกับฮั่วกัง ผลที่ตามมาก็คงจะร้ายแรงทีเดียว

 เจ้าก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าฮั่วกังเป็นคนอย่างไร เขากุมอำนาจทางการทหารมาสิบกว่าปี สำหรับเขาแล้วเรื่องลอบฆ่าปิดปากนั้น…อย่าไปพูดถึงเลย!  ฉู่สวินหยางเอ่ยอีก ในที่สุดนางก็ดึงสายตากลับมาจากที่ไกลและมองเขา  เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะมาใส่ความข้าตรงนี้ เรื่องสำคัญที่ต้องจัดการอย่างด่วนที่สุดในเวลานี้คือไปดับไฟที่เรือนด้านหลังของเจ้าเองก่อนเถิดหากเจ้ายังไม่สนใจและปล่อยทิ้งไว้ต่อไปอีก ข้าคงต้องรับพระราชโองการจากฝ่าบาท จับเจ้ามัด[1]และพากลับไปขึ้นศาลตอนกลับเมืองหลวงครั้งหน้าใช่หรือไม่? 

พอรู้สึกได้ถึงสายตาของนางที่จับจ้องมายังใบหน้าของตนเอง ฉู่ฉีเหยียนก็แอบขมวดคิ้วเล็กน้อย

เขาหันมาเผชิญหน้ากับนาง นัยน์ตาสีนิลฉายแววลึกซึ้ง  สวินหยาง ระหว่างเจ้ากับข้าจะต้องสู้กันจนตายไปข้างหนึ่งหรือ? 

 เจ้าจะเป็นฮ่องเต้ให้ได้ไม่ใช่หรือ?  ฉู่สวินหยางยิ้มมุมปาก พลางย้อนถามแทงใจ

ฉู่ฉีเหยียนก็รู้สึกกลัวโดนจับได้เช่นกัน แต่ยังคงจ้องนางเขม็งว่า  แต่เจ้าไม่ใช่! 

ฉู่สวินหยางอึ้งไปเล็กน้อย ราวกับชั่วครู่นั้นไม่ทันได้คิดถึงความหมายลึกซึ้งในคำพูดของเขา

—————————————————

[1] 五花大绑 มัดแบบใช้เชือกคล้องคอพร้อมกับผูกแขนทั้งสองข้างไพล่พลัง

 

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท