ตอนที่213 ดีใจจนน้ำตาไหล
พอนัฐพงษ์ออกมา ฉีดยาระงับประสาทเข้าไปหนึ่งเข็ม ปาลีก็สงบไปอย่างสิ้นเชิง ปิดตาลง หลับไปอย่างไม่เต็มใจ แต่ว่าฟันที่กัดมือของโสรจอยู่นั้นไม่ได้ผ่อนคลายลงเลย ดื้อ ร้นจนทําให้คนประหลาดใจ
นัฐพงษ์ก็ทำได้แค่ใช้สุดแรงงัดฟันของปาลีให้แยกออก จากกัน โสรจถึงจะเพิ่งได้รับความช่วยความช่วยเหลือ และ นิ้วชี้ของเธอถูกทำร้ายจนเจ็บมาก พอที่จะเห็นกระดูกสีขาว ข้างใน โสรจเจ็บจนหน้าซีดขาว แต่เธอยังอยากจะตบตีปาลี ที่สลบไปแล้ว
“เธอก่อกวนพอแล้วนะ”
พงจับโสรจอย่างไม่เกรงใจ พูดอย่างเย็นชาไปว่า “นิ้วของ เธอ ถ้ารักษาทันเกรงว่าจะต้องถูกตัด ทางที่ดีเธออย่ามา ล่าช้าอยู่ที่นี่เลย”
ผู้หญิงที่พงชอบ จะถูกทำร้ายได้ก็ต้องมาจากเขาทำ เท่านั้น คนอื่นอย่าหวังว่าอย่าได้แตะแม้แต่ปลายเล็บ
และเขาก็ทำเช่นนี้จริงๆ
เวลานี้ ธามก็กลับมาจากซื้อข้าวข้างนอกแล้ว เขามาไม่ทัน ว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่จากความรักของพ่อ ตอน แรกที่เห็นเจ้าหน้าที่อยู่ต่อหน้าปาลี
โสรจรู้ว่าถ้ายังก่อกวนต่อไปนั้นไม่ดีต่อตัวเองแน่ๆ ทำได้ แค่ให้พยาบาลสองคนช่วยพยุงออกจากห้องผู้ป่วยไป ครั้งนี้ เธอถูกเอาเปรียบไปเยอะมากจริงๆ!
โสรจกัดฟันอย่างเกลียดชัง เธอไม่ยอมวางมือแน่ๆ
และการมาของโสรจครั้งนี้ ปาลีก็ยิ่งเปลี่ยนไปเงียบกว่า เดิม เงียบจนทําให้คนกลัว
วันนี้ จักรกฤษก็มาโรงพยาบาล แต่ว่าเขาก็ยืนอยู่ตรงแค่ที่ นอกหน้าต่าง มองไปที่ปาลีอย่างเงียบๆ ยืนอยู่ครึ่งชั่วโมงได้ ก็ออกไปอย่างเงียบๆ
นัฐพงษ์เห็นฉากนี้ก็เก็บเอาไว้ในใจเงียบๆ
ดูๆแล้วผู้ชายของปาลีจะไม่ใช่แค่เขานัฐพงษ์คนเดียวแล้ว
ตอนโสรจออกไปจากโรงพยาบาล ก็เจอกับปิยะที่มาเยี่ยม ปาลีพอดี แต่พวกเขาสองคนไม่คุ้นกันเท่าไหร่ แค่เคยเจอ หน้ากันสองสามครั้ง พอทั้งสองต่างเห็นอีกฝ่าย ก็ก้มหัวเล็ก น้อย นับว่าทักทายกันแล้ว
ปิยะเดินมาถึงห้องพักผู้ป่วยของปาลี ธามก็อยู่ สิบวันที่ เป็นทุกข์ทำให้ธามดูผอมลงไปเยอะ
“คุณลุง เดี๋ยวหนูดูปาลีที่นี่ให้เอง คุณลุงไปพักสักหน่อย เถอะค่ะ!”
ปิยะพูดอย่างเป็นห่วง มองไปยังธาม เธออดไม่ได้ที่จะ คิดถึงพ่อตัวเอง เรียบง่ายเหมือนกัน ความรักของพ่อเหมือน
ธามส่ายหน้ายิ้มๆแล้วพูดว่า “ลุงไม่เหนื่อย แต่หนูมาก็ดี ของใช้ของปาลีใกล้หมดแล้ว ฉันกำลังคิดจะไปซื้อมาให้ เธอสักหน่อย หนูช่วยดูแทนลุงสักแป๊ปนะ”
ปิยะพยักหน้า ตอบกลับว่า “ค่ะ!”
รอธามออกไป ปิยะก็นั่งลงข้างเตียงปาลี มองไปยังปาลีที่ เหมือนราวกับคนปัญญาอ่อนนั้น ใจของเธอก็เจ็บขึ้นมา แค่ แป๊ปเดียวน้าตาก็ทะลักออกมา
“ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ ฉันเคยคิดว่าเธอจะมีความสุขกว่า ฉัน เพราะว่าเธอสวยและดีขนาดนี้ ทำไมสุดท้ายแล้วเธอถึง เปลี่ยนมาเป็นแบบนี้ได้?”
ปิยะกุมมือเย็นเฉียบของปาลีขึ้นมาแนบกับหน้าตัวเอง “พวกเขาบอกเธอเป็นบ้าไปแล้ว ไม่ ฉันไม่เชื่อหรอก เธอคิด ปาลี เธอจะเป็นบ้าได้อย่างไรกัน ฉันไม่เชื่อ เธอพูดกับฉัน เถอะนะ ฉันมีแค่เธอเป็นเพื่อนที่ดีกับฉันมาตลอด เธอจะเป็น บ้าได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่ยอมฉันไม่ยอมรับ…”
ปิยะยิ่งพูดก็ยิ่งกระตุ้น ในที่สุดคว่ำหน้าลงบนตัวปาลีก็ ร้องไห้ออกมาหนักมาก
ในขณะที่ใจลอยอยู่นั้น จู่ๆก็รู้สึกถึงสัมผัสเบาๆบนหัวตัวเอง ปิยะประหลาดใจ ยืดตัวขึ้นอย่างแรง กลับเห็นแค่ปาลีที่ สีหน้าไร้ความรู้สึกอยู่ คาดไม่ถึงว่าสายตาจะนุ่มนวลมองมา ที่เขา แน่ว่ามือที่ลูบหัวเธอนั้นก็คือมือปาลีนั่นเอง
“ปา เธอ….ไม่ได้บ้าจริงๆใช่ไหม?
ปิยะตื่นเต้นทันที แม้แต่เสียงยังสั่น
ปาลีสายหัว เสียงแหบพูดออกมาเป็นประโยคแรกในสิบ กว่าวัน “ฉันไม่รู้ บางครั้งฉันก็รู้สึกตัวเหมือนตอนนี้ แต่บาง ครั้งฉันก็อยู่ในภวังค์ที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ปิยะ ฉันกำลังจะ บ้าไปแล้วจริงๆ ฉันไม่อยากบ้า ฉันไม่อยาก…
สิบกว่าวันมานี้เธอผ่านไปอย่างสติเลอะเลือน บางครั้งก็ได้ สติกลับไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างที่หวัง แค่คิดอยากจะนอน รอวันตายเท่านั้น ถ้าไม่ใช่ว่าเสียงร้องของปิยะมาเตือนสติ ความห่วงใยเส้นสุดท้ายของเธอ เธออาจจะจมอยู่ในความ เงียบแบบนี้ตลอดไป จนกระทั่งสูญเสียความสามารถในการ พูดไปเลยก็ได้
และพอได้เอ่ยปากพูด ทันใดนั้นปาลีก็รู้สึกว่าสมองของตัว เองตอนนี้ชัดเจนมาก ผู้คนมากมาย เรื่องมากมาย ในเวลานี้ ชัดเจนทะลุปรุโปร่ง
ได้ยินเสียงของปาลี ปิยะก็ยิ่งตื่นเต้น กุมมือของปาลีไว้ แน่น พูดอย่างดีใจจนน้ำตาไหล “ไม่ต้องพูดอะไรโง่ๆแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่ว่ายังดีดีอยู่หรือ ไม่ใช่สิ เธอต้องโอเคอยู่แล้ว ฉันจะเรียกหมอให้เธอ ยังต้องโทรหาดนพลกับพ่อของเธอด้วย พวกเขาต้องดีใจมากแน่ๆ”