อนที่ 249 การดูแล
ปิยะรีบขอโทษปาลีพร้อมกับยิ้มและพูดว่า : “ ฉันขอรับ โทรศัพท์ก่อน
* โอเค เธอรับก่อน ”
ปาลีตอบกลับด้วยรอยยิ้ม แยกกันมาสี่ปี ความสัมพันธ์ฉัน พี่น้องก็เกิดสนิมขึ้นเล็กน้อย
เวลานั้นไร้ความปรานีและเป็นสิ่งที่โหดร้ายที่สุดในโลก
ปิยะรับโทรศัพท์ สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที พูดแค่เพียง สองประโยคก็วางสายแล้ว และก็รีบมาบอกกับปาลีว่า : “ ปาลี ขอโทษจริงๆ ฉันมีเรื่องด่วน ฉันจำเป็นต้องไปแล้ว ไว้ ครั้งหน้าเราค่อยนัดกันใหม่นะ ”
พูดจบก็เดินออกไป
ปาลีรีบดึงปิยะไว้ : “มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ บอกฉัน หรือให้ฉันช่วยเธอได้ ”
เมื่อวานตอนนัดกัน ก็เพราะว่าปิยะมีธุระเลยต้องมาเจอกัน ในวันนี้ แต่วันนี้เจอกันกลับมีเรื่องอีก แล้วเลื่อนไปเป็นวัน พรุ่งนี้อีก ปาลีอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงปิยะแล้ว
เมื่อมองไปที่ดวงตาของปาลีที่เหมือนเมื่อสี่ปีก่อน ในที่สุด ปิยะก็นึกขึ้นได้ ว่าพี่น้องที่ดีของเธอกลับมาแล้ว เรื่องราวมากมายสามารถคุยกับเธอได้ สักพัก ปิยะก็เหมือนเริ่มจะ ร้องไห้ จับมือของปาลีไว้แน่น พร้อมพูดด้วยเสียงที่สะอื้น ว่า : “ เกิดเรื่องกับวีนัสแล้ว เมื่อกี้โรงเรียนโทรมา เธอประสบ อุบัติเหตุ กระดูกข้อมือหัก ตอนนี้กำลังถูกส่งไปโรงพยาบาล ฉันจําเป็นจะต้องรีบไป “
“ วีนัสคือใคร ? ”
ปาลีฟังแล้วสับสนมาก ดูแล้วที่เธอจากไปสี่ปีนี้ เหมือนจะมี ตัวละครใหม่โผล่มาไม่น้อยไปกว่าเรื่องใหม่ !
“ ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว ฉันนั่งรถไปก่อนนะ ขึ้นรถแล้วจะ ” ค่อยๆอธิบายให้ ”
ปิยะสีหน้าร้อนรน ดึงปาลีออกจากร้านอาหารไปแล้ว
ทางนี้ เมื่อขวัญชีวีเห็นปาลีถูกปิยะพาไปแล้ว นี่ค่อยถือว่า โล่งอกอย่างสมบูรณ์ จากนั้นเธอก็หาข้อแก้ตัวและขอตัว กลับก่อน และแอบไปโทรศัพท์หาจาริณี บอกเรื่องที่เธอเจอ กับปาลีที่นี่อย่างละเอียด
หลังจากที่จาริณีได้ยินว่าปาลึกลับมาแล้ว เธอตกใจมาก จากนั้นก็พูดปลอบขวัญชีวีว่า : “ อย่ากลัวไปเลยลูก มีแม่ อยู่ พรุ่งนี้แม่จะเก็บของแล้วไปหา ถ้าแม่เจอเธอ แม่จะเกลี้ย กล่อมเธอ รับรองว่าเธอไม่กล้าพูดมั่วซั่วแน่ ลูกวางใจและ ทําหน้าที่คุณหญิงที่สองของตระกูลกาฬดิษย์เถอะ ! ”
ขวัญชีวียังคงไม่วางใจ “ แม่ แม่ไม่รู้ ปาลีไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว แค่กลัวว่าถึงแม่มาเธอก็ไม่ฟังหรอก ”
เธอกล้า ? ‘
ทันใดนั้นเสียงแหลมของจาริณีก็ลอดผ่านโทรศัพท์มาว่า : มีคนเคยบอกว่าตอนเด็กเคยเป็นอย่างไร ตอนโตก็เหมือน เดิม แม่เลี้ยงเธอมาตั้งเด็ก เธอเป็นคนยังไงฉันจะไม่รู้หรอ ? และถึงแม้ว่าวันนี้จะเปลี่ยนไป อย่างนั้นก็เปลี่ยนไปไม่ถึง ไหน เธอเป็นคนที่เชื่อฟัง มันถูกกำหนดไว้แล้วว่าชีวิตนี้เธอ จะต้องถูกรังแก ถึงเวลา ลูกก็ดูแม่เอาเถอะ แม้แต่คำเดียว เธอก็จะไม่กล้าพูดมั่วเลย ”
จริงหรอ ? ”
จิตใจของขวัญชีวีสงบขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังพูดอีกว่า : “ แม่ ไม่อย่างนั้นแม่ก็เรียกพ่อมาด้วยสิ เธอเหมือนจะเชื่อฟังพ่อ มากกว่า.…………….…….
“ วุ่นวาย ! ”
ขวัญชีวียังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกจาริณีขัดขึ้นมา จากนั้นก็พูด อย่างไม่พอใจว่า : ” เทพธิดาน้อยของแม่ ทำไมเธอถึงไม่มี สมองนะ ? เรื่องที่เธอเป็นคุณหญิงคนที่สองของตระกูลกาฬ ดิษย์แทนปาลีนั้น พ่อเธอไม่รู้อะไรสักนิดเลย เธอเรียกพ่อ ไปด้วยสิ นั้นก็เท่ากับว่าให้พ่อเห็นหางตัวเอง ? อย่าหาว่า แม่ไม่เตือน ถ้าเรื่องนี้พ่อรู้ละก็ ถึงเวลานั้น อย่ามาโทษแม่ เป็นเพราะลูก และกลัวว่าพ่อจะไม่รับแล้ว ดังนั้น เรื่องนี้ห้าม ให้พ่อเธอรู้เด็ดขาด ! ”
ด้วยการเตือนของจาริณีนี้ ขวัญชีวีรู้สึกแปลกใจที่เธอ สับสนตัวเอง แต่ปากก็ยังคงปฏิเสธที่จะยอมรับมัน และพูด อย่างไม่พอใจว่า : “ รู้แล้วรู้แล้ว เรื่องนี้เอาไว้อย่างนี้ก่อน แล้วกัน พรุ่งนี้แม่ก็มาเช้าหน่อย ยังมีเรื่องอะไรอีกไหม ? ไม่มีวางสายละนะ ”
“เดี๋ยวก่อน
จาริณีรีบพูดอย่างเสียงดังว่า : “ เมื่อวานป้าเธอมาที่บ้าน พวกเรา บอกว่าลูกชายจะแต่งงาน เลยเชิญพ่อกับแม่ไปดื่ม ไวน์ แม่โม้กับเธอไปแล้วว่าถึงเวลานั้นจะเอาซองสีแดงใส่ แปดหมื่นแปดไปให้ สองวันนี้ลูกก็โอนให้แม่หนึ่งแสนนะ ! ”
ขวัญชีวีได้ยินดังนั้นก็ขนลุกทันที : “ แม่ แม่จะบ้าหรอ ลูกชายป้าจะแต่งงานแล้วแม่จะเอาซองแดงไปให้ทำไมตั้ง เยอะแยะ ตอนนี้เรายังไม่ใช่เศรษฐีนะ ทำไมแม่ใจป๋าอะไร ขนาดนั้น ? แม่ลืมแล้วหรอวันนั้นเขาทำกับครอบครัวเราไว้ ยังไง วันนั้นพวกเรายากจน ขอยืมเงินเธอแค่ไม่กี่บาท เธอ ไม่เพียงแต่ไม่ให้ยืมแต่ยังไล่แม่เหมือนหมูเหมือนหมา หนู ยังจำได้อีกว่ามีครั้งหนึ่ง หนูหิวมากเลยไปขโมยขนมปังครึ่ง ลูกจากบ้านเธอ เธอก็เอาไม้ไผ่ไล่ตีหนู จนถึงตอนนี้หนูยังจำ ได้เลยว่าตอนนั้นเจ็บปวดขนาดไหน ในตอนนี้ เห็นลูกสาว แม่ร่ำรวยแล้ว ก็หน้าด้านขึ้นมาเลย ทำไมแม่ไม่ไล่ให้เธอไป ตาย หนูจะบอกแม่ให้ อย่าว่าแต่แปดหมื่นแปดเลย แค่แปด บาท หนูก็ไม่มีทางให้ “