พลังของโลหิตชีพจร
หลังจากกลับไปถึงบ้าน หานเซิ่นก็เทเลพอร์ตเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ หลังจากนั้นเขาก็ไปยังเมืองของจักรพรรดิมนุษย์เพื่อไปตามหาโลงศพนั่นอีกครั้ง
เมื่อก่อนหานเซิ่นไม่สามารถเปิดมันได้ แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่สามารถเปิดมันได้อยู่ดี นั่นทำให้เขาขมวดคิ้ว
“ถ้าจักรพรรดิมนุษย์ไปที่จักรวาลจีโนจริงๆ ทำไมมันถึงไม่มีเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ในจักรวาลจีโน?” หานเซิ่นไม่เข้าใจ
เมื่อไม่สามารถทำอะไรได้ หานเซิ่นก็ตัดสินใจเดินทางกลับและหันไปดูดซับรอยเลือดบนมีดขนนกโลหิตต่อ
พลังเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด ถ้าเขายังต้องการจะหาคำตอบของคำถามพวกนั้น ซึ่งถ้าเขาเอาชนะผู้นำของเผ่าเดม่อนได้ เขาก็อาจจะได้รู้ความจริงของเรื่องทั้งหมดนี้ แต่ตอนนี้เขายังไม่มีพลังพอจะทำอะไรแบบนั้น แค่จะเอาชนะชารอน เขาก็ถูกบังคับให้ใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด
เมื่อมีเวลาว่างหานเซิ่นก็จะพักผ่อน เขาไปดื่มกับซานตันเฟิงและเล่นวิดีโอเกมส์ด้วยกัน หานเซิ่นเข้าไปเล่นวอเฟรมในอินเตอร์เน็ตและประลองกับคนอื่นๆ มันนานมากแล้วที่เขาได้มีโอกาสใช้ชีวิตอย่างสงบสุข
2 เดือนผ่านไป ในที่สุดหานเซิ่นก็สามารถดูดซับเลือดออกจากมีดขนนกโลหิตได้จนหมด แต่ถึงอย่างนั้นเขาจำเป็นต้องมีแรงกระตุ้นอีกนิด ถึงจะพัฒนาไปสู่ระดับมาร์ควิสได้
แต่หลังจากที่รอยเลือดถูกลบจากใบมีดจนสะอาด ตัวมีดก็เจิดจรัสด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับว่ามันได้เกิดใหม่อีกครั้ง แสงศักดิ์สิทธิ์นั้นแวววาวจากทุกเส้นและทุกรายละเอียดของขนนก
หานเซิ่นกำมีดขนนกโลหิตเอาไว้ และเมื่อเขาทำอย่างนั้น พลังที่ดูศักดิ์สิทธิ์ก็ไหลเข้าไปในตัวของเขา เขารู้สึกราวกับว่าได้รับพรจากพระเจ้า มันทำให้เขารู้สึกแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
แต่เมื่อเขาปล่อยมือออกจากมีด พลังศักดิ์สิทธิ์ก็หายไป
“ถึงแม้มีดเล่มนี้จะไม่ใช่ระดับเทพเจ้า แต่มันต้องเป็นระดับครึ่งเทพอย่างแน่นอน” หานเซิ่นลูบผิวของมีดขนนกโลหิตด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ด้วยมีดเล่มนี้โอกาสที่เขาจะหนีออกจากทะเลโบราณหวนคืนได้สำเร็จก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
แต่หานเซิ่นยังไม่คิดจะกลับไปตอนนี้ เขาเข้าไปในห้องฝึกและนำเกล็ดกลับตาลปัตรออกมา เขาคิดจะใช้มันเพื่อวิวัฒนาการสู่ระดับมาร์ควิส
หานเซิ่นหยดเลือดที่ตกผนึกเหมือนกับคริสตัลลงไปบนเกล็ดและมองดูเลือดค่อยๆซึมซับเข้าไป
หลังจากนั้นเขาก็ถือเกล็ดเอาไว้ในมือ หมอกโลหิตของวิชาโลหิตชีพจรก็ห่อหุ้มทั้งร่างกายของเขาเอาไว้ เหมือนกับลูกแก้วสีเลือดขนาดใหญ่
เรื่องราวของยีน ศาสตร์ตงเสวียนและกายหยกต่างก็มีความสามารถพิเศษเป็นของตัวเอง แต่วิชาโลหิตชีพจรแสดงพลังออกมาด้วยหยดเลือดเพียงเท่านั้น ซึ่งมันไม่ได้ช่วยอะไรหานเซิ่นในสนามรบมากนัก มันแค่ทำให้แน่ใจว่าสามารถถ่ายทอดความแข็งแกร่งไปสู่ลูกๆได้
แต่การถ่ายทอดความแข็งแกร่งไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะถ้าเสี่ยวฮวาและหลิงเอ๋อไม่ได้ฝึกวิชาโลหิตชีพจรด้วยตัวเอง พวกเขาก็จะไม่สามารถใช้ศักยภาพของสายเลือดที่ได้รับจากหานเซิ่นได้
แต่ถึงเสี่ยวฮวาและหลิงเอ๋อจะฝึกวิชาโลหิตชีพจร มันก็จะมีความเสี่ยงใหญ่หลวง เพราะถ้าสายเลือดถูกสืบทอดแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วทายาทของเขาก็อาจจะมีเลือดสีฟ้าและกลายเป็นสมาชิกของพยุหะโลหิตอย่างเต็มตัว นั่นจะทำให้พวกเขาไม่สามารถใช้พลังพิเศษอะไรได้ หานเซิ่นจึงยังลังเลว่าควรจะสอนวิชาโลหิตชีพจรให้กับพวกเขาดีไหม
หลังจากผ่านไป 4 วัน ลูกแก้วสีเลือดที่ห่อหุ้มหานเซิ่นก็กลับเข้าไปในร่างกายของเขา เมื่อหมอกโลหิตถูกดูดซับเข้าไปอย่างสมบูรณ์แล้ว เกล็ดกลับตาลปัตรก็หายไป แต่ทว่าร่างกายของเขาเรืองแสงสีแดงออกมา
หานเซิ่นตรวจเช็คข้อมูล
หานเซิ่น: ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด
ร่างจีโนต่อสู้: เลือดกลายพันธุ์(มาร์ควิส), มนตรา(เอิร์ล), ตงเสวียน(เอิร์ล), กายหยก(เอิร์ล)
ระดับ: มาร์ควิส
อายุขัย: 1000 ปี
หานเซิ่นดีใจที่เลือดกลายพันธุ์พัฒนาเป็นระดับมาร์ควิสได้สำเร็จ แต่เลือดกลายพันธุ์นั้นเพียงแค่เพิ่มความแข็งแกร่งของหานเซิ่นเท่านั้น มันไม่ได้มีอะไรพิเศษ นั่นทำให้หานเซิ่นผิดหวังเล็กน้อย
‘พลังของวิชาโลหิตชีพจรจะมีผลกระทบต่อลูกหลานเท่านั้นจริงๆอย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
แต่การวิวัฒนาการสู่ระดับมาร์ควิสนั้นหมายความว่าหานเซิ่นสามารถดูดซับยีนซีโน่เจเนอิคของสิ่งมีชีวิตระดับมาร์ควิสได้ หานเซิ่นนำยีนซีโน่เจเนอิคมาร์ควิสกลายพันธุ์ออกมา
เขาหยิบยีนซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ของมังกรเสวียนเยวี๋ยน วัวหินผาปีศาจและปีศาจมังกรออกมาถือในมือ แต่เสียงประกาศที่ดังขึ้นบอกว่าเขามียีนระดับมาร์ควิสไม่เพียงพอ
“ดูเหมือนว่าเราจำเป็นต้องหาเริ่มหายีนระดับมาร์ควิสแล้ว”
หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ เขามียีนซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิสเก็บสะสมเอาไว้ แต่พวกมันอยู่บนเกาะของเขาในปราสาทนภา ดังนั้นเนื่องจากเขายังไม่สามารถกลับไปที่ปราสาทนภาได้ เขาก็จำเป็นต้องล่าซีโน่เจเนอิคใหม่อีกครั้ง
แต่ทว่าในตอนที่หานเซิ่นจะเก็บยีนซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ทั้ง 3 เข้าไปในหอคอยแห่งโชคชะตานั้น เขาก็สะดุ้งขึ้นมา เขาได้ใช้วิชาโลหิตชีพจรกับหนึ่งในยีนซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์โดยไม่รู้ตัว
ลมปราณโลหิตไหลเข้าไปในลูกแก้วของมังกรเสวียนเยวี๋ยนและย้อมมันจนกลายเป็นสีแดง
หานเซิ่นรู้สึกดีใจที่เห็นอย่างนั้น เขาลองใช้วิชาโลหิตชีพจรเพื่อดูดซับยีนซีโน่เจเนอิคกลายพันธ์ของมังกรเสวียนเยวี๋ยนเข้าไปและพบว่ามันสามารถดูดซับเข้าไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร
ทันใดนั้นเลือดของหานเซิ่นก็เดือดขึ้นด้วยพลังที่ไม่สามารถอธิบายได้ หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงพลังที่เพิ่มขึ้นในเลือด แต่มันแตกต่างจากพลังที่เขาได้รับจากยีนซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ก่อนหน้านี้ พลังนี้ทำให้เลือดของเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
เมื่อยีนซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ของมังกรเสวียนเยวี๋ยนถูกดูดซับเข้าไปจนหมด เลือดของเขาก็สงบลงและกลับไปสู่สภาพตกผลึกอีกครั้ง แต่เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่ก่อนหน้านี้เลือดของเขาไม่มี
หานเซิ่นใช้วิชาโลหิตชีพจรเพื่อปลุกพลังของเลือด วินาทีต่อมาเขาก็พบว่ามีปีกน้อยๆคู่หนึ่งปรากฏขึ้นเหนือหูของเขา มันดูเหมือนกับปีกของมังกรเสวียนเยวี๋ยน
เมื่อปีกหูสีแดงขนาดพอๆกับฝ่ามือปรากฏขึ้นมา หานเซิ่นก็รู้สึกว่าร่างกายแข็งแกร่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเร็วของเขา
“ฮ่าๆ วิชาโลหิตชีพจรใช้แบบนี้ได้ด้วยหรือเนี่ย?” หานเซิ่นดีใจ เขานำยีนซีโน่เจเนอิคอีกอันออกมาและลองดูดซับมันเข้าไป
แต่ที่หานเซิ่นนำออกมาเป็นยีนซีโน่เจเนอิคระดับเอิร์ลธรรมดาๆ ไม่ใช่ยีนกลายพันธุ์ เมื่อดูดซับมันเข้าไป เขาก็พบว่าไม่ได้รับพลังของซีโน่เจเนอิค
หานเซิ่นนำยีนซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ปีศาจมังกรออกมาเพื่อลองดูอีกครั้ง และเมื่อวิชาโลหิตชีพจรดูดซับมันเข้าไป หานเซิ่นก็ลองใช้วิชาโลหิตชีพจรเพื่อปลุกพลังในเลือด และปีกมังกรสีแดงขนาดใหญ่ก็งอกออกมาจากด้านหลังของเขา
เมื่อปีกมังกรกระพือ หานเซิ่นก็หายตัวไปและไปปรากฏตัวอีกครั้งในระยะที่ห่างออกไปหนึ่งร้อยเมตร
“นี่มันความสามารถในการวาร์ปข้ามมิติของชารอน” หานเซิ่นรู้สึกดีใจ