ข่าน
หานเซิ่นตามลี่ตั่วไปบนถนนไนท์ริงสายสิบสอง พวกเขาตรวจเช็คสถานที่หลายจุดที่เคยมีเหตุการณ์ฆาตกรรมเกิดขึ้น หานเซิ่นใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อสแกนทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียด
แต่น่าแปลกที่หานเซิ่นสัมผัสได้แค่ร่องรอยที่ถูกทิ้งไว้โดยชาวไนท์โกสต์เท่านั้น เขาไม่สามารถสัมผัสร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอื่นได้เลย
‘แปลกจริงๆ โดยปกติแล้วถ้าสิ่งมีชีวิตอื่นผ่านมา มันก็ควรจะทิ้งสสารบางอย่างให้ตามรอยบ้าง เป็นไปไม่ได้ที่มันจะไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้เลย นอกจากฆาตกรจะควบคุมร่างกายของมันได้จนถึงระดับโมเลกุล แต่มันก็มีโอกาสที่ฆาตกรจะเป็นชาวไนท์โกสต์เหมือนกัน เพราะยังไงซะมันก็ไม่มีหลักฐานถึงการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นเลย’ หานเซิ่นคิด
‘เจ้าพบอะไรไหม?’ ลี่ตั่วอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
“ไม่เลย” หานเซิ่นส่ายหัว
“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าพวกเราจำเป็นต้องให้ชาวนภามาจัดการเรื่องนี้ พวกเขาจำเป็นต้องมาตรวจดูสถานที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง” ลี่ตั่วพูด
“เขาจะมาด้วยตัวเอง ข้าแค่พยายามทำการตรวจสอบด้วยตัวเองก่อนเท่านั้น พาข้าไปสถานที่อื่นอีก ข้าจะได้กลับไปรายงานศิษย์พี่ชาวนภา” หานเซิ่นพูด
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ลี่ตั่วก็พาหานเซิ่นไปยังสถานที่เกิดเหตุอีกจุดหนึ่ง
“มันมีสิ่งมีชีวิตอื่นที่มีสติปัญญาอยู่บนดวงดาวนี้อีกไหม?” หานเซิ่นถาม
จักรวาลจีโนประกอบไปด้วยเผ่าพันธุ์ที่หลากหลาย มันเป็นเรื่องยากที่บนดวงดาวหนึ่งจะมีแค่เผ่าพันธุ์เดียวเท่านั้น หานเซิ่นเดินบนถนนไนท์ริงสายสิบสองมาสักพักหนึ่งแล้ว แต่เขาก็เห็นแค่ชาวไนท์โกสต์เท่านั้น
“สภาพแวดล้อมของดวงดาวนี้นั้นพิเศษ เผ่าพันธุ์ส่วนใหญ่จึงอาศัยอยู่ที่นี่ไม่ได้” ลี่ตั่วพูด
“มันไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นอาศัยอยู่บนถนนไนท์ริงเลยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
ลี่ตั่วคิด หลังจากนั้นเธอก็พูดขึ้นมา “มันมีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่บนดวงดาวแห่งนี้ แต่พวกเขาไม่ได้อาศัยอยู่บนถนนไนท์ริงสายสิบสอง”
“นั่นหมายความว่ายังไง?” หานเซิ่นดูสับสน
ลี่ตั่วลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่เธอก็พูดออกมา “ไนท์โกสต์นั้นรักการกินเนื้อ แต่มันไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่บนดวงดาวไนท์โกสต์มากนัก ดังนั้นเนื้อจึงถูกนำเข้ามาจากดาวดวงอื่น ตลอดศตวรรษที่ผ่านมา พวกเราได้ร่วมมือกับเผ่าพันธุ์ทอรัส พวกเขามีฐานอยู่ไม่ไกลจากถนนไนท์ริงสายสิบสอง”
“ข้าจำได้ว่าเผ่าพันธุ์ทอรัสเป็นเผ่าพันธุ์ใต้อาณานิคมของเดม่อนหนิ แล้วทำไมพวกเจ้าถึงไม่ซื้ออาหารจากปราสาทนภา แต่กลับไปพึ่งพาเผ่าทอรัสกันล่ะ?” หานเซิ่นถามหลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่
“พวกเราไม่มีทางเลือก อาหารที่พวกเราต้องการนั้นค่อนข้างพิเศษ เนื้อของเผ่าพันธุ์ธรรมดาตอบสนองความต้องการของพวกเราไม่ได้ และทอรัสก็เป็นเผ่าพันธุ์เดียวที่จะตอบสนองความต้องการของพวกเรา ท่านผู้นำของปราสาทนภาได้อนุมัติความสัมพันธ์นี้ของพวกเรา” ลี่ตั่วพูด
“ตอนนี้ฐานของพวกเขาอยู่ที่ไหน?” หานเซิ่นคิดว่าจะไปดูสักหน่อย ทอรัสเป็นเผ่าพันธุ์ที่อันตราย และพวกเขาก็อาจจะเป็นคนที่ก่อเรื่องนี้ขึ้นมาก็เป็นได้
“มันไม่มีทางเป็นพวกเขา” ลี่ตั่วพูดขึ้นมาในทันที
“ทำไมล่ะ?” หานเซิ่นประหลาดใจกับความมั่นใจของเธอ
“พวกเรามีสัญญาอยู่ พวกเขาจะอยู่อาศัยได้เฉพาะในฐาน นอกจากนั้นมันยังมีกล้องจำนวนมากอยู่รอบฐานของพวกเขา ดังนั้นถ้าพวกเขาออกมา พวกเขาก็จะถูกพบในทันที และถ้าพวกเขามาเพ่นพ่านบนถนนไนท์ริงสายสิบสอง พวกเขาก็จะถูกพบอย่างง่ายดาย เพราะพวกเขาดูแตกต่างมากเกินไป”
หลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่ ลี่ตั่วก็พูดต่อ “หัวหน้าของฐานแห่งนั้นคือมาร์ควิสข่าน เขาเป็นคนเผ่าพันธุ์เดม่อน และเขายังเป็นขุนนางที่มีสกุล เขาไม่มีทางจะทำอะไรแบบนี้”
“ไม่เป็นไร ข้าแค่จะไปตรวจดูแทนศิษย์พี่เท่านั้น” หานเซิ่นยิ้มขณะที่พูดออกมา
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ตามลี่ตั่วไปที่ฐานของทอรัส ขณะที่เดินทางไปนั้น หานเซิ่นก็คิดกับตัวเอง ‘เดม่อนเป็นเผ่าที่ปกครองเผ่าพันธุ์ทอรัส ดังนั้นมันก็ไม่ถือว่าแปลกจนเกินไปที่เดม่อนคนหนึ่งจะมาอยู่ที่นี่ แต่ถึงอย่างนั้นเดม่อนอาจจะมีจุดประสงค์บางอย่างแอบแฝงอยู่ก็เป็นได้”
เมื่อพวกเขาไปถึงฐานของทอรัส หานเซิ่นก็ได้พบว่าจริงๆแล้วมันเป็นสถานีอวกาศ และภายในนั้นก็เป็นพื้นที่ปิดอย่างสมบูรณ์
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมของที่นี่ไม่ได้ ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องสร้างสถานที่ที่เหมาะสมขึ้นมา”
หลังจากที่หานเซิ่นเข้าไป เขาก็รู้สึกว่าสภาพแวดล้อมภายในนั้นเหมาะสมกับมนุษย์มากกว่าเช่นเดียวกัน
“คุณหญิงลี่ตั่ว มาที่นี่ด้วยเหตุผลอะไรอย่างนั้นหรอ?”
ทอรัส 2 คนที่ยืนรักษาการณ์อยู่ยิ้มออกมา ดูเหมือนว่าลี่ตั่วจะเป็นที่รู้จักกันดีโดยทุกคนแถวๆนี้
แต่หานเซิ่นไม่ได้ประหลาดใจอะไร เขาไม่เชื่อว่าไนท์โกสต์ธรรมดาจะกล้าเข้ามาขวางทางเขาแบบนั้น เธอคงจะถูกส่งออกมาโดยดยุกสลีปเลสส์ แต่ตัวตนที่แท้จริงของเธอยังคงเป็นความลับสำหรับเขา
แต่หลังจากที่ได้ยินการพูดคุยของพวกเขา หานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าลี่ตั่วเป็นลูกสาวของดยุกสลีปเลสส์
หานเซิ่นและลี่ตั่วถูกนำเข้าไปที่ห้องประชุม หลังจากนั้นไม่นานเดม่อนในชุดสูทสีดำก็เดินเข้ามา เขาดูสุภาพเรียบร้อยอย่างมาก
ลี่ตั่วยืนขึ้นและพูด “มาร์ควิสข่าน ข้าต้องขอโทษด้วยที่มารบกวน”
หานเซิ่นตรวจเช็คมาร์ควิสข่านอย่างละเอียด เขาดูเป็นเดม่อนที่มีเสน่ห์ ใบหน้าของเขาหล่อเหลาและน่าจดจำ
แต่ด้วยอะไรบางอย่างทำให้หานเซิ่นรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่อันตราย มันเป็นสัมผัสเดียวกันกับที่ตอนหานเซิ่นได้พบกับชารอน
‘ฐานเล็กๆของทอรัสกลับมีหัวหน้าเป็นชาวเดม่อนคนหนึ่ง? เรื่องทั้งหมดเริ่มจะน่าสนใจขึ้นมาแล้ว’ หานเซิ่นมองข่านด้วยความสนใจ
ในช่วงนี้หานเซิ่นใช้เวลาไปกับการฝึกฝนวิชาจีโน และเขาก็เพิ่งจะเรียนรู้วิชาผนึกมารไปได้แค่นิดเดียวเท่านั้น หานเซิ่นมาที่นี่ก็เพราะเขาได้รับคำสั่ง แต่ตอนนี้หานเซิ่นเริ่มจะรู้สึกสนใจในเรื่องราวทั้งหมดขึ้นมา เขาไม่คิดว่าภารกิจในครั้งนี้เลวร้ายอย่างที่เชื่อในตอนแรก
“มาร์ควิสข่าน นี่คือผู้ช่วยจากปราสาทนภา”
เมื่อมาร์ควิสข่านปรากฏตัว ลี่ตั่วก็แทบจะไม่สามารถละสายตาจากเขาได้เลย ไม่ว่าใครก็บอกได้ว่าลี่ตั่วชอบมาร์ควิสข่านอย่างมาก
“ข้าชื่อข่าน มันถือเป็นความยินดีอย่างมากที่ได้พบกับมิสเตอร์หาน” ข่านมองหานเซิ่นด้วยรอยยิ้มและยื่นมือของเขาออกมา
“รู้จักเขาด้วยอย่างนั้นหรอ?” ลี่ตั่วประหลาดใจ เธอไม่ได้พูดชื่อของหานเซิ่น และเธอก็ยังไม่ได้แนะนำเขา แต่ข่านกลับรู้จักชื่อของเขา ซึ่งนั่นแสดงว่าเขาคุ้นเคนกับหานเซิ่นอยู่ก่อนแล้ว
“หานเซิ่นจากปราสาทนภา ข้ากลัวในจักรวาลแห่งนี้ไม่มีใครไม่รู้จักเขา” มาร์ควิสข่านพูด
ลี่ตั่วมองหานเซิ่นด้วยความสับสน
“มาร์ควิสข่าน เจ้าพอจะตอบคำถามของข้าสักหน่อยได้ไหม?” หานเซิ่นจับมือของเขาและยิ้มออกมา
“แน่นอนอยู่แล้ว แต่ก่อนหน้าข้าหวังว่าเจ้าจะมาดูอะไรบางอย่าง การฆาตกรรมที่เจ้ากำลังสืบสวนนั้นเกิดขึ้นที่นี่ด้วยเช่นกัน” ข่านพูด