Super God Gene – ตอนที่ 2149
“เจ้าจำบุดด้าและดราก้อน 2 คนนี้ได้ไหม?” หานเซิ่นถามข่าน พวกเขาทั้งคู่สั่งให้ทีมของตัวเองถอยออกห่างจากศพ
ข่านตรวจสอบศพอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้นมา “ข้าคิดว่าบุดด้าคนนี้คือมาร์ควิสกราส เขาเป็นคนที่มีเอกลักษณ์ตรงที่ขาข้างซ้ายจะสั้นกว่าขาข้างขวา ส่วนร่างของดราก้อนคนนี้ ข้าเชื่อว่าเขาคือดราก้อนวันฮันเดรดทเวนตี้ทรี เพราะปีกของเขาไม่กว้างเท่ามาตรฐานของดราก้อน พวกเขาทั้งคู่ยังสบายดีในครั้งล่าสุดที่ข้าได้เห็นพวกเขา ดังนั้นไม่ว่าอะไรที่เกิดขึ้นกับพวกเขา มันก็คงจะเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้”
หานเซิ่นหันไปมองที่อวี้เอียะ อวี้เอียะมองไปที่ศพทั้ง 2 ก่อนที่จะพูดขึ้นมา
“นอกจากผิวหนังและเกล็ดของพวกเขาถูกถลกออกไปแล้ว มันก็ดูจะไม่มีบาดแผลอะไรอีก ทั้งกล้ามเนื้อและโครงกระดูกของพวกเขายังอยู่ดีทุกอย่าง แต่ทว่า…”
อวี้เอียะจับคางของเขาขณะที่ครุ่นคิด “พวกเขาทั้ง 2 แข็งแกร่งเกินกว่าที่จะถูกฆ่าด้วยการถลกหนัง ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจะต้องถูกโจมตีจากภายในหรืออะไรทำนองนั้น”
“เจ้าจะบอกว่ามันเกิดจากพลังบางอย่างที่ทะลุผ่านการป้องกันของร่างกายและสร้างความเสียหายที่ภายในอย่างนั้นหรอ? ข้ารู้เกี่ยวกับหมัดหยินหยาง แต่เมื่อดูจากศพของพวกเขาแล้ว ข้าไม่คิดว่าพวกเขาถูกฆ่าด้วยพลังแบบนั้น เพราะกระดูกและกล้ามเนื้อของพวกเขาไม่ได้รับความเสียหายเลย”
ไวท์เรียลพูดขณะที่ตรวจสอบศพอย่างระมัดระวัง ซึ่งหมัดหยินหยางนั้นจะทำให้กล้ามเนื้อภายในของพวกเขาได้รับความเสียหาย
อวี้เอียะครุ่นคิดอีกครั้งและพูด “ถ้ามันไม่ได้เกิดจากวิชาจีโนอย่างหมัดหยินหยาง มันก็คงจะเป็นบางสิ่งที่รุกรานร่างกายของพวกเขาจากภายใน อย่างเช่นแมลงตัวเล็กๆ”
“นั่นก็อาจจะเป็นไปได้” ไวท์เรียลพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราจำเป็นตรวจสอบภายในร่างกายของพวกเขา”
ข่านส่งสัญญาณบอกมาร์ควิสเดม่อนคนหนึ่ง คนๆนั้นชักมีดออกมาและเดินเข้าไปหาศพของบุดด้า
แต่อวี้เอียะหยุดมาร์ควิสเดม่อนคนนั้นเอาไว้ “ข้าคิดว่าพวกเราไม่ควรไปแตะต้องศพของพวกเขา”
“แล้วถ้าเกิดมีอะไรอยู่ข้างในจริงๆล่ะ? พวกเราจะไม่ตกเป็นเหยื่อเหมือนทั้ง 2 คนนี้หรอกหรอ” ข่านพูด
“ถ้ามันมีอะไรอยู่ภายในร่างกายของพวกเขาจริงๆ มันก็จะไม่มีอันตรายอะไร ตราบใดที่มันยังอยู่ภายในศพ แต่ถ้าพวกเราไปตัดร่างของพวกเขาและปล่อยให้มันออกมาภายนอก แบบนั้นจะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพวกเรา ข้าคิดว่าพวกเราควรจะปิดผนึกศพพวกนี้ซะ” อวี้เอียะพูด
“ข้าไม่เห็นด้วย” ข่านคัดค้าน “หานเซิ่น เจ้าคิดว่ายังไง?”
“ทำอย่างที่อวี้เอียะพูด” หานเซิ่นตอบ
“ก็ได้ ถ้านั่นเป็นการตัดสินใจของเจ้า พวกเราก็จะทำตาม แต่คนของข้าไม่ถนัดการใช้พลังปิดผนึก” ข่านพูด
หานเซิ่นพยักหน้า อวี้เอียะก็เรียกมาร์ควิสของปราสาทนภาคนหนึ่งที่ถนัดพลังปิดผนึกมาและให้เขาสร้างพลังเพื่อคอบศพทั้ง 2 เอาไว้
หานเซิ่นมองไปรอบๆห้องและเห็นประตูบานหนึ่งที่เปิดออกไปสู่อุโมงค์ยาว แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันนำไปที่ไหน
“ยวิ๋นอี้ เจ้าจะวิเคราะห์เกี่ยวกับโครงสร้างของปราสาทนี้ได้ไหม?” หานเซิ่นหันไปถามยวิ๋นอี้
“ตอนนี้ยังเป็นเรื่องยาก ข้าจำเป็นต้องได้เห็นภายในของปราสาทมากกว่านี้ก่อน ถึงจะระบุโครงสร้างของมันได้”
“อวี้เอียะ เจ้าและคนอื่นๆเฝ้าที่นี่เอาไว้ ข้าจะไปดูรอบๆกับยวิ๋นอี้” หานเซิ่นพูด
“นั่นมันอันตรายเกินไป เจ้าควรให้ข้าไปด้วยอีกคน” อวี้เอียะพูด
หานเซิ่นปฏิเสธที่จะให้อวี้เอียะไปด้วย เขามั่นใจในใบเสมาราชาแมลงปีศาจ ถึงเขาจะไปเจอกับศัตรูระดับราชัน เขาก็จะไม่เป็นอะไร
“ข้าจะไปกับพวกเจ้าด้วย” ข่านพูด
“เอางั้นก็ได้” หานเซิ่นพยักหน้าให้กับเขา
แต่ก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปในอุโมงค์ มาร์ควิสที่กำลังขวางทางเข้าเอาไว้ก็ตะโกนขึ้นมา “มันมีซีโน่เจเนอิคระดับสูงกว่ามาร์ควิสกำลังโจมตีใส่โล่ของข้าอยู่! ข้าคงจะขวางมันเอาไว้ได้อีกไม่นาน”
“ทุกคนรีบหนีเข้าไปในอุโมงค์เร็วเข้า” ข่านรีบออกคำสั่ง
ตอนนี้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากเดินหน้าต่อไป เมื่อทุกคนเข้าไปในห้องโถงเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็รีบปิดประตู หลังจากนั้นพวกเขาก็จึงใช้พลังในการปิดผนึกเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับประตูอีกชั้นหนึ่ง
อุโมงค์ที่พวกเขาเข้าไปมีหลากหลายเส้นทาง ซึ่งเส้นทางแต่ละเส้นนั้นนำไปสู่ปราสาท พวกเขาเลือกเส้นทางด้านขวาที่ดูเหมือนจะใกล้ที่สุด ปราสาทที่ใหญ่ยักษ์ดูสะอาดมากๆ และมันมีรูปปั้นโลหะขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้า มันเป็นรูปปั้นของไจแอนท์ที่ดูแตกต่างออกไปเล็กน้อย
เมื่อพวกเขาเข้าไปข้างใน พวกเขาก็พบศพของดราก้อนและบุดด้าอีกจำนวนมาก
“นี่มันแปลกจริงๆ ข้าคิดว่ามันเป็นพันธมิตรระหว่าง 3 เผ่าพันธุ์ซะอีก แต่ทำไมพวกเราเห็นแค่ศพของพวกดราก้อนและบุดด้าล่ะ? ร่างกายของเดสทรอยเยอร์อยู่ที่ไหน? พวกเขาเป็นแค่เผ่าพันธุ์เดียวที่หนีรอดไปได้อย่างนั้นหรอ?” ยวิ๋นอี้พูดด้วยสีหน้าสับสน
“มันแปลกจริงๆนั่นแหละ” ข่านพยักหน้าเห็นด้วย เขาเดินไปรอบๆสิ่งก่อสร้าง ก่อนที่จะมาหยุดอยู่ข้างๆรูปปั้นรูปหนึ่ง หานเซิ่นมองไปที่รูปปั้นนั้นและสัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์บางอย่าง
ขณะที่หานเซิ่นสังเกตรูปปั้นอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงบางอย่าง ทันใดนั้นปากของรูปปั้นก็เปิดออกและเผยให้เห็นดวงตาสีแดงที่เหมือนกับดวงไฟ
“ตั้งค่ายกล!” หานเซิ่นออกคำสั่ง อวี้เอียะปลดปล่อยพลังของเขาออกมา ดาบแสงบินออกจากร่างกายของเขาและไปอยู่เหนือหัวของสมาชิกปราสาทนภาแต่ละคน
ทุกคนยืนนั่งและปล่อยให้ดาบแสงสัมผัสกับหัวของพวกเขา หลังจากนั้นเครื่องหมายก็ปรากฏขึ้นบนหัวของทุกคน ซึ่งทำให้ความคิดของอวี้เอียะสามารถถ่ายทอดไปสู่ทุกคนผ่านเครื่องหมายรูปดาบนั่น
ทันทีที่พวกเขาจัดตั้งค่ายกลตามคำสั่งของอวี้เอียะ บางสิ่งบางอย่างก็ออกมาจากรูปปั้น มันเป็นแมงมุมโลหะที่มีสีขาวดำ ดวงตาของมันดูเหมือนกับก้อนทองแดง
แมงมุงโลหะไม่รอช้าและวิ่งเข้าหาพวกเขาทันที ขณะที่ด้านหลังของมันมีแมงมุมหลั่งไหลออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ข่านสั่งให้พวกเดม่อนต่อสู้เช่นกัน แต่เนื่องจากพวกเขาไม่ได้มีความสามารถในการถ่ายทอดความคิดเหมือนกับอวี้เอียะ พวกเขาจึงไม่ได้ประสานงานกันดีเหมือนกับทางปราสาทนภา
หานเซิ่นและคนอื่นๆฟังคำสั่งจากอวี้เอียะ ขณะที่พวกเขาต่อสู้กับพวกแมงมุม ไม่นานพวกเขาก็ฆ่าแมงมุมได้เป็นฝูง
เมื่อหานเซิ่นเห็นพลังของอวี้เอียะ มันก็ทำให้เขานึกถึงหนิงเยวี่ย หนิงเยวี่ยนั้นเป็นผู้บัญชาการที่ยอดเยี่ยม และจิตใจของเขาก็แข็งแกร่งอยู่เสมอ ด้วยการที่มีคนแบบนั้นอยู่ด้วย ทุกคนในทีมของหานเซิ่นก็สามารถต่อสู้ได้อย่างเต็มที่
“ซีโน่เจเนอิคแมงมุมผู้พิทักษ์ระดับมาร์ควิสถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ”
หลังจากที่หานเซิ่นฆ่าหนึ่งในแมงมุมโลหะ ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังมาออกจากภายในรูปปั้น หลังจากนั้นแมงมุมสีแดงก็เริ่มคืบคลานออกมาจากปากของรูปปั้น