Super God Gene – ตอนที่ 2449
“บอกไอเดียของเจ้ามา” หานเซิ่นพูดกับฟางชิงอวี่ เขาเริ่มจะคิดว่าชายคนนี้เป็นคนที่น่าสนใจอย่างมาก
“เส้นทางที่พี่หานเลือกนั้นไม่เลว พี่หานเลือกเส้นทางที่ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเอ็กซ์ตรีมคิง แถมพี่หานยังมียานรบที่มหัศจรรย์อยู่ มันเป็นเรื่องยากที่ทางเอ็กซ์ตรีมคิงจะไล่ตามพี่หานได้ทันในเวลาอันสั้น แต่เส้นทางที่พี่หานเลือกก็เป็นอันตรายมากๆ ถึงแม้ทางเอ็กซ์ตรีมคิงจะไล่ตามพี่หานไม่ทัน แต่เส้นทางของพี่หานก็ยังเต็มไปด้วยอันตรายอยู่ดี ทั้งระบบเทียนเซียนและระบบจักรวาลเคออสต่างก็มีอันตรายนับไม่ถ้วน ซึ่งบางอย่างเป็นอะไรที่คาดเดาไม่ได้ แถมเอ็กซ์ตรีมคิงนัน้ก็ยังมีทีมอัศวินถึง 3 ทีมอยู่ในระบบจักรวาลเคออส พวกเขาคงจะเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของพี่หาน แต่ถ้าข้าส่งวิดีโอของพี่หานไปให้กับพวกเขาในเวลาที่เหมาะสม พวกเราก็อาจจะใช้ประโยชน์จากพวกเขาได้” ฟางชิงอวี่พูดอย่างตื่นเต้น
…
ด้วงสีดำขนาดใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่งกำลังโบยบินผ่านหมู่เมฆ บนหลังของด้วงสีดำตัวนั้นมีปราสาทหินตั้งอยู่ เอ็กซ์ตรีมคิงหลายคนเดินไปมาอยู่ในปราสาทนั้น
“ท่านเป่าฉิน! ท่านเป่าฉิน!” สมาชิกของเอ็กซ์ตรีมคิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในสวนของปราสาทที่เป่าฉินกำลังนั่งดื่มชาอยู่
“มีเรื่องอะไร?” เป่าฉินถามบัตเลอร์แก่ขณะที่ยกชาขึ้นมาจิบ
บัตเลอร์แก่ดูตื่นเต้นอย่างมาก เขารีบก้าวเข้ามาใกล้โต๊ะของเป่าฉินและพูด
“พวกเราพบเขาแล้ว! พวกเราพบตำแหน่งของหานเซิ่นแล้ว!”
“โอ้ เขาอยู่ที่ไหนกัน?” เป่าฉินดูประหลาดใจ การสืบสวนของพวกเขาไม่ได้ข่าวคราวอะไรของหานเซิ่นเลย ดังนั้นเขาไม่แน่ใจว่าบัตเลอร์แก่ได้รับข่าวมาจากไหน
“ท่านเป่าฉิน ดูนี่ก่อน…” บัตเลอร์แก่นำรูบิคว่านเจียออกมาวางตรงหน้าของเป่าฉินและกดหนึ่งในสี่เหลี่ยมเพื่อแสดงภาพวิดีโอ
วิดีโอนั้นแสดงภาพของเรือรำหนึ่งกำลังเดินทางผ่านทะเลเมฆสีฟ้า ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ในเรือเล็กด้วยท่าทางผ่อนคลาย ขณะที่พลิกหน้าหนังสือเล่มหนึ่ง ด้านหน้าของเรือมีสิ่งมีชีวิตเรียงแถวกันและช่วยกันดึงเรือไปด้านหน้า
สิ่งมีชีวิตที่ดึงเรืออยู่นั้นประกอบไปด้วยเผ่าพันธุ์ที่หลากหลาย แม้แต่เผ่าเดม่อนก็เป็นหนึ่งในนั้น พวกเขาดูเหมือนกับฮัสกีที่พยายามลากเลื่อนไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก ถ้าหนึ่งในพวกเขาชักช้าแม้แต่นิดเดียว ชายบนเรือก็จะใช้แส้ฟาดใส่พวกเขา การฟาดนั้นทะลายชุดเกราะและเนื้อหนังของพวกเขา ทำให้พวกเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ในขณะเดียวกันชายคนนั้นไม่ได้ละสายตาไปจากหนังสือของเขา
ชายเผ่าเฟเธอร์คนหนึ่งที่กำลังลากเรืออยู่นั้นร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล มันดูเหมือนกับว่าเขาถูกแส้ฟาดใส่นับครั้งไม่ถ้วน เขาก้มหัวลงต่ำขณะที่เขาแอบเปิดใช้งานรูบิคว่านเจียอย่างลับๆ เขาดูโกรธแค้นมากๆ
“ช่วยข้าด้วย! ถ้าใครช่วยข้าออกไปจากที่นี่ได้ ข้าจะมอบสมบัติทั้งหมดที่มีในสหพันธ์1000สมบัติ ไม่สิ ข้าจะมอบ 70 เปอร์เซ็นต์ของ…” ชายเผ่าเฟเธอร์คนนั้นพูด
“นี่มัน…?” เป่าฉินมองชายที่นั่งอยู่บนเรือและรู้สึกตัวว่าคนๆนั้นคือชายคนเดียวกันกับที่พวกเขากำลังตามล่าอยู่ หานเซิ่น
บัตเลอร์แก่พูดด้วยความตื่นเต้น “ชายเผ่าเฟเธอร์ที่ลากเรืออยู่คนนี้คือฟางชิงอวี่ เขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของสหพันธ์1000สมบัติ เขาได้จ้างกลุ่มคนเพื่อสำรวจระบบเทียนเซียน แต่ขณะที่อยู่ที่นั่น กลุ่มของพวกเขาได้ไปพบกับหานเซิ่น หานเซิ่นจับตัวพวกเขาและบังคับให้พวกเขาทุกคนลากเรือให้ตัวเอง ดูเหมือนว่าหานเซิ่นกำลังพยายามหนีออกจากระบบเทียนเซียน ฟางชิงอวี่เป็นเผ่าเฟเธอร์คนหนึ่ง แต่หานเซิ่นไม่ได้รู้ว่าเขาเป็นสมาชิกของสหพันธ์1000สมบัติ ฟางชิงอวี่ใช้รูบิคว่านเจียเพื่อขอความช่วยเหลือโดยหวังว่าใครสักคนจะมาช่วยชีวิตเขา”
บัตเลอร์แก่ดูตื่นเต้น “ตอนนี้เมื่อฟางชิงอวี่ส่งข้อความผ่านรูบิคว่านเจียมา พวกเราก็ได้รู้ถึงตำแหน่งของหานเซิ่น พวกเขาควรจะรีบไล่ตามโดยเร็ว!”
“ฟางชิงอวี่คนนี้เป็นใครกัน?” เป่าฉินถามบัตเลอร์แก่ แทนที่จะดีใจ เขากลับขมวดคิ้วแทน
บัตเลอร์แก่รีบพูด “ข้าได้ตรวจเช็คดูแล้ว ถึงฟางชิงอวี่จะเป็นเผ่าเฟเธอร์ แต่เขาเป็นเด็กกำพร้า เขาถูกรับไปเลี้ยงโดยอาวุโสคนหนึ่งของสหพันธ์1000สมบัติ เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเผ่าเฟเธอร์ และเขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับหานเซิ่น ผู้อาวุโสของสหพันธ์1000สมบัติคนนั้นก็ได้ส่งคนไปที่ระบบเทียนเซียนเพื่อช่วยชีวิตของเขาแล้ว”
“ดี” เป่าฉินพยักหน้า เขามองวิดีโอบนรูบิคว่านเจียและพูด “เจ้าบอกข้าได้ไหมว่าตอนนี้เขาอยู่ส่วนไหนของระบบเทียนเซียน?”
บัตเลอร์แก่หัวเราะ “ก้อนเมฆในวิดีโอนั้นเป็นสีฟ้า ถึงแม้มันจะมีก้อนเมฆสีฟ้ากระจายอยู่ทั่วระบบเทียนเซียน แต่ก้อนเมฆสีฟ้าในแต่ละจุดจะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันอยู่ เมื่อตัดสินจากข้อมูลที่พวกเรารวบรวมมา พวกเราสันนิษฐานได้ว่าพวกเขาอยู่ในทะเลเมฆสีฟ้าหมายเลข 75 ตอนนี้พวกเราอยู่ในทะเลเมฆสีม่วงหมายเลข 86 ซึ่งมันไม่ได้ไกลไปจากตำแหน่งของหานเซิ่นมากนัก”
“จับตาดูพวกเขาเอาไว้และหันหัวเรือไปประจบกับพวกเขา” เป่าฉินพูด
“ทราบแล้ว! หานเซิ่นไม่มีทางหนีรอดจากพวกเราไปได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม”
บัตเลอร์แก่พูด หลังจากนั้นเขาก็ออกคำสั่งให้ด้วงมุ่งหน้าไปในทิศทางของหานเซิ่น
ขณะที่พวกเขาเดินทางผ่านก้อนเมฆในจุดที่หานเซิ่นผ่านไปเรียบร้อยแล้ว บัตเลอร์แก่ก็ขมวดคิ้ว
“แปลกจริง ในตอนที่พวกเขาผ่านที่นี่ พวกเขาก็ควรจะทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้บ้าง แต่ทำไมข้าถึงสัมผัสอะไรไม่ได้เลย? นี่พวกเรามาผิดทางอย่างนั้นหรอ?”
เป่าฉินยิ้มและพูด “ถ้าพวกเราพบหลักฐานที่บ่งบอกถึงเส้นทางของพวกเขา แบบนั้นพวกเราก็จะรู้ว่าพวกเรามาผิดทาง เขาเก่งกาจเกินกว่าที่จะทิ้งร่องรอยเอาไว้ รีบมุ่งหน้าต่อไป พวกเราต้องมาถูกทางแล้ว”
“รับทราบ” บัตเลอร์แก่ตอบและเร่งความเร็วด้วงสีดำขึ้นอีก
พวกเขาไม่ได้พบร่องรอยหานเซิ่น แต่จากภาพวิดีโอของรูบิคว่านเจีย พวกเขารู้ว่าตัวเองมาถูกทางแล้ว
เรือน้อยๆของหานเซิ่นเคลื่อนไหวได้ไม่เร็วเหมือนอย่างด้วงของพวกเขา จากการคาดเดาของบัตเลอร์แก่ พวกเขาน่าจะไล่ตามหานเซิ่นได้ทันในอีก 18 ชั่วโมง
ในจังหวะนั้นพวกเขามองภาพวิดีโอบนรูบิคว่านเจียและเห็นว่าเรือของหานเซิ่นถูกหยุด มีกลุ่มอสูรเมฆาที่ดุร้ายปรากฏขึ้นตรงหน้าเรือและจู่โจมพวกเขา ฟางชิงอวี่พยายามจะต่อสู้กับซีโน่เจเนอิค ทำให้เขาไม่สามารถใช้รูบิคว่านเจียได้อีก ดังนั้นภาพวิดีโอจึงถูกตัดหายไป
“โอ้ไม่นะ! ในหมู่ฝูงอสูรเมฆานั่นมีวานรเมฆาระดับราชันอยู่หลายตัว ถ้าเกิดฟางชิงอวี่ถูกฆ่าตายขึ้นมา พวกเราก็จะสูญเสียข้อมูลที่อยู่ของหานเซิ่นไป” บัตเลอร์แก่พูด
“เร่งความเร็วเต็มกำลัง! ตามพวกเขาให้ทันก่อนที่การต่อสู้จะจบ” เป่าฉินออกคำสั่ง