Super God Gene – ตอนที่ 2614
หานเหยียนมองน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ที่ห้อยอยู่ด้านหลัง เธอไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับลมปราณศักดิ์สิทธิ์นับพันเหมือนอย่างเป่าเอ๋อ แต่มันน่าประหลาดใจที่ไม่มีน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์แม้แต่ลูกเดียวที่มอบลมปราณศักดิ์สิทธิ์ให้กับเธอ มันทำให้เธอรู้สึกแย่
‘เราบอกพี่ว่าจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง แต่เรากลับไม่ได้รับลมปราณจากน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์เลยสักลูก เราจะทำให้พี่ชายต้องอับอาย ผู้คนของปราสาทนภาจะหัวเราะเยาะเขา’
หานเหยียนมองไปที่น้ำเต้าขณะที่พยายามตัดสินใจว่าควรจะทำอะไรดี เพื่อทำให้น้ำเต้าสักลูกปลดปล่อยลมปราณศักดิ์สิทธิ์ออกมา
หานเหยียนไม่ได้รู้สึกแบบนี้เพราะเธอไม่เข้าใจหานเซิ่น มันเป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่เธอโตขึ้นมานั้นแตกต่างไปจากเขา หานเซิ่นเติบโตอย่างยากลำบากและสับสนวุ่นวาย ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยอันตราย เขาไม่มีเวลามาสนใจว่าคนอื่นๆจะมองเขายังไง เขาสนใจความปลอดภัยของตัวเองและผลประโยชน์ที่ได้รับมากกว่าความคิดเห็นของคนอื่น
แต่หานเหยียนนั้นต่างออกไป หานเหยียนไม่ได้ทุกข์ยากเหมือนกับหานเซิ่น แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากของตระกูลหาน หานเหยียนก็ถูกเลี้ยงดูอย่างดีโดยหลัวหลาน หลัวหลานคาดหวังให้ลูกชายดูแลตัวเอง แต่เธอนั้นตามใจลูกสาว ด้วยเหตุนั้นบุคลิกภาพของหานเซิ่นและหานเหยียนจึงแตกต่างกัน
ในตอนที่หานเซิ่นกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียง ช่วงเวลาสมัยเด็กของหานเหยียนก็ดียิ่งขึ้นไปอีก ในตอนที่เธอไปโรงเรียน เธอก็ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนหลวง ผลการเรียนของเธอเป็นแบบอย่างที่น่ายกย่อง ซึ่งทำให้เธอเป็นที่สุดของโรงเรียน เธอเป็นเด็กฉลาดที่สุดในชั้นของเธอ
แน่นอนว่าหานเหยียนได้รับมันเพราะพรสวรรค์ของเธอเอง การสนับสนุนของครอบครัวมีส่วนช่วยแค่เล็กน้อยเท่านั้น
หานเซิ่นและหลัวหลานคอยชี้นำหานเหยียนอยู่ตลอด และถึงแม้เธอจะรู้สึกขอบคุณในความช่วยเหลือของพวกเขา แต่มันก็สร้างแรงกดดันให้กับเธอ หานเหยียนรู้สึกว่าถ้าเธอไม่ดีพอ มันก็จะทำให้พี่ชายและแม่ต้องผิดหวัง ด้วยเหตุนั้นหานเหยียนจึงพยายามอย่างเต็มที่ เธออยากจะเป็นเหมือนอย่างพี่ชายของเธอ
ยิ่งหานเซิ่นประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ หานเหยียนก็รู้สึกกดดันมากขึ้นเท่านั้น มันทำให้เธอต้องพยายามมากยิ่งขึ้นไปอีก
ตอนนี้ก้าวแรกสู่ปราสาทนภาของเธอเริ่มต้นโดยไม่ได้รับลมปราณของน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์เลยสักลูก เธอรู้สึกว่าในจังหวะนี้ถ้าเธอไม่ลองทำอะไรสักอย่าง มันก็จะทรยศต่อความคาดหวังของหานเซิ่นและหลัวหลาน
แต่ความจริงแล้วหานเซิ่นไม่เคยรู้สึกแบบนั้น ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว เหนือสิ่งอื่นใดเขาต้องการให้หานเหยียนมีความสุข ความล้มเหลวไม่ได้ทำให้เขาผิดหวังในตัวเธอ
หานเซิ่นรู้สึกแบบเดียวกันกับสมาชิกทุกคนในครอบครัว หานเซิ่นแค่ต้องการให้พวกเขาปลอดภัยและมีความสุข นั่นเป็นความปรารถนาของเขา
หานเหยียนดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง เธอหันหน้าไปมองน้ำเต้าลูกหนึ่งและเคลื่อนที่เข้าไปหามัน
คนของปราสาทนภามองหานเหยียนอย่างแปลกๆ ในตอนแรกพวกเขาไม่รู้ว่าเธอมีแผนจะทำอะไร แต่ไม่นานพวกเขาก็เข้าใจ
พวกเขาเห็นหานเหยียนเดินเข้าไปหาน้ำเต้าลูกหนึ่งที่สูง 20 เซนติเมตร เธอจับมันด้วยมือทั้ง 2 ข้างและพยายามจะเด็ดมันออกมา
ผู้นำปราสาทนภาพ่นชาที่กำลังดื่มออกมา ท่ามกลางการไอ เขาพูดขึ้นมา
“นี่มันครอบครัวแบบไหนกัน? เป่าเอ๋อดูดพลังของเถาวัลย์ศักดิ์สิทธิ์ไปจนเกือบหมด และตอนนี้หานเหยียนคนนี้ก็ยังพยายามจะขโมยน้ำเต้าอีกอย่างนั้นหรอ!”
ปราสาทนภาไม่ได้มีกฎที่ห้ามสัมผัสน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ แต่ใครก็ตามที่มีสมองจะรู้ว่าเถาวัลย์น้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นพืชซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า มันไม่สามารถใช้กำลังกับน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ได้ นอกซะจากน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์จะยินยอม แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ไม่สามารถเด็ดมันออกมาได้ ซึ่งหานเหยียนเป็นแค่ระดับดยุกคนหนึ่ง
ไอเดียของหานเหยียนเป็นอะไรที่ง่ายๆ ถ้ามันไม่มีกฎที่ห้ามเธอจากการสัมผัสน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ แบบนั้นเธอก็อยากจะลองดูว่ามันจะได้ผลไหม เธอไม่อยากจะทำให้หานเซิ่นผิดหวัง ดังนั้นเธอจะลองดูถึงแม้โอกาสสำเร็จจะต่ำมากๆก็ตาม
ศิษย์ของปราสาทนภาจ้องไปที่หานเหยียน ขณะที่เธอกำลังจดจ่ออยู่ที่น้ำเต้าในมือ ดูเหมือนว่าเธอต้องการจะเด็ดน้ำเต้าออกมาจากเถาวัลย์
“นาง…เป็นสมาชิกในครอบครัวของอาจารย์หานจริงๆ นางกล้ามากๆ”
“นี่เป็นอะไรที่สร้างสรรค์มากๆ ข้าชอบวิธีการคิดของนาง แต่นางควรจะยอมแพ้ นางเป็นแค่ระดับดยุก ถ้าเกิดน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์โกรธขึ้นมา นางจะทนต่อโทสะของมันไม่ได้”
“ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้ว! นางต้องการจะเอาน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ไปกับนางด้วย”
“นางกล้าเหมือนกับพี่ชายของนาง แต่พวกเขาทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังกันทั้งคู่”
“น่าเสียดาย นางมีรูปลักษณ์ที่งดงาม ด้วยความงดงามและความสัมพันธ์กับหานเซิ่น นางจะกลายเป็นเทพธิดาของปราสาทนภา ตอนนี้เมื่อทุกคนรู้ว่าสมองของนางนั่นแย่ นางก็คงจะเป็นเทพธิดาไม่ได้ นางจะถูกมองว่าเป็นผู้หญิงบ้าคนหนึ่งแทน”
แม้แต่เอ็กซ์ควิสิทก็จ้องหานเหยียนอย่างแปลกๆ เธอไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเช่นเดียวกัน
ผู้อาวุโสหกดูมีความสุขเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาหัวเราะออกมาเสียงดังๆ เขามองไปที่ยวิ๋นฉางคงและพูด
“ผู้อาวุโสยวิ๋นยินดีด้วย เจ้ามีลูกศิษย์ที่ยอดเยี่ยมอีกคน มันเป็นเรื่องน่ายินดีที่เจ้าได้ลูกศิษย์คนนี้ นางจะไม่ปล่อยอะไรไปง่ายๆ”
ยวิ๋นฉางคงยิ้มแห้งๆขณะที่มองหานเหยียนที่เคลื่อนที่เข้าไปจับน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์
ดรีมบีสต์กำลังนอนอยู่ข้างทะเลสาบ มันเห็นเรื่องทั้งหมดนี้และดวงตาของมันก็ยิ้มเหมือนกับพระจันทร์
ยวิ๋นซู่อีและคนอื่นทั้งหมดที่ใกล้ชิดกับหานเซิ่นยืนแข็งทื่อไปราวกับรูปปั้น ตลอดประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของประสาทนภา มันมีคนไม่มากนักที่กล้าจะทำแบบหานเหยียน
หานเหยียนไม่สนใจเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นคิด เธอจับน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์และพยายามจะเด็ดมันออกมา
แต่น้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นพืชซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า มันเป็นสมบัติล้ำค่าของปราสาทนภาที่แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าธรรมดาก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้ พละกำลังของหานเหยียนเป็นเหมือนกับมดเมื่อเทียบกันแล้ว ดังนั้นมันไม่สำคัญว่าเธอจะพยายามมากสักแค่ไหน น้ำเต้าก็ไม่ขยับเขยื้อน หานเหยียนสังเกตว่าไม่สามารถเด็ดมันออกมาได้ แต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้ เธอตัดสินใจจะใช้ร่างกายขั้นสุดยอดของเธอ ถึงจะไม่สำเร็จก็ไม่เป็นอะไร แต่อย่างน้อยๆเธอก็พยายามแล้ว มันไม่มีอะไรที่ต้องมาเสียใจทีหลัง
กระเรียนพันขนพูด “หานเซิ่น มันเกือบจะได้เวลาแล้ว เจ้าควรพาน้องสาวของเจ้าไปที่ปราสาทนภา”
กระเรียนพันขนหวังจะให้หานเซิ่นไปโน้มน้าวให้หานเหยียนหยุดเด็ดน้ำเต้าออกจากเถาวัลย์ศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่รู้ว่าจะไปบอกเธอด้วยตัวเองได้ยังไง
หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าหานเหยียนจะทำอะไรแบบนี้ เขารู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกับคนอื่น แต่เขาก็ยังแกล้งทำเป็นสงบนิ่ง
“ไม่เป็นไร มันถือเป็นเรื่องดีที่คนหนุ่มสาวจะคิดทำอะไรแบบนี้ ปล่อยให้นางทำต่อไป”
หานเซิ่นจะเข้าไปห้ามหานเหยียน ถ้ามันมีกฎที่ห้ามเธอจากการสัมผัสน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้าไม่มี เขาก็จะไม่หยุดเธอ
ขณะที่พวกเขาคุยพูดกัน ร่างกายของหานเหยียนก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป เส้นผมสีดำยาวของเธอกลายเป็นคริสตัลสีดำ มันยาวลงไปจนถึงเท้าของเธอ ดวงตาของเธอเป็นเหมือนกับหินอัญมณีสีดำ ร่างกายทั้งร่างของเธอปกคลุมด้วยออร่าที่ดูลึกลับ