Super God Gene – ตอนที่ 2743
“เรื่องประหลาดแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง? ทำไมคนนอกถึงกระตุ้นจิตใจของเนตรเวรี่ไฮบนกำแพงโบราณได้กัน?”
“พวกเราหยุดจิตใจของเนตรเวรี่ไฮไม่ได้ ถ้าพวกเราต้องการเข้าไปแทรกแซง ทางเลือกเดียวของพวกเราก็คือการทำลายพันธสัญญาระหว่างพวกเขา ร่างกายของพวกนางอาจจะได้รับความเสียหายในตอนที่พวกเราตัดการเชื่อมต่อโดยการใช้กำลัง แต่อย่างน้อยจิตใจของพวกนางก็จะไม่ถูกทำลายโดยเนตรเวรี่ไฮนั่น”
“ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นทางออกเดียว”
เวรี่ไฮสิบหลายสิบคนใช้เวลาปรึกษากันกว่าครึ่งวัน แต่พวกเขาคิดหาทางออกได้แค่อย่างเดียว แต่ทางออกนี้จะช่วยได้แค่เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อเท่านั้น มันจะไม่ช่วยอะไรหานเซิ่น
“มันไม่มีเหตุผลที่จะต้องลังเล พวกเราลงมือกันเดี๋ยวนี้เลย”
หนึ่งในเวรี่ไฮพูด เขาเตรียมตัวที่จะทำลายพันธสัญญาระหว่างหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทกับหานเซิ่น
“ลุงเก้า หยุดก่อน!” จู่ๆเอ็กซ์ควิสิทก็พูดขึ้นมา
จิตใจของเธอกำลังจมอยู่ในทะเลแห่งความเศร้าที่ออกมาจากเนตรเวรี่ไฮ แต่ความรู้สึกนั้นถูกกรองผ่านหานเซิ่น ความโศกเศร้าที่เธอได้รับจึงเจือจางลงไป มันไม่ได้แรงกล้าเหมือนอย่างคนที่มองตรงไปที่เนตรเวรี่ไฮนั่น เนื่องจากจิตใจของหานเซิ่นยังคนต่อต้านพลังจิตใจของเนตรเวรี่ไฮเอาไว้ได้ เธอจึงไม่เสียสติไปกับความโศกเศร้า เธอยังคงมีสติอยู่
“เอ็กซ์ควิสิท มีอะไรก็พูดออกมาเร็วเข้า!” ลุงเก้ากลัวว่าจิตใจของเอ็กซ์ควิสิทอาจจะพ่ายแพ้ต่อจิตใจของเนตรเวรี่ไฮได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเขาจึงบอกให้เธอรีบพูดออกมา
“ลุงเก้า ได้โปรดอย่าทำลายพันธสัญญาของพวกเรากับหานเซิ่น” เอ็กซ์ควิสิทพูด
“ทำไมกัน?” ลุงเก้าถามขณะที่มองไปที่เอ็กซ์ควิสิท เวรี่ไฮคนอื่นที่อยู่รอบๆนั้นต่างก็รู้สึกแปลกใจ
“ข้าเชื่อว่าเขาจะหยุดยั้งการรุกรานทางจิตใจของเนตรเวรี่ไฮได้”
เอ็กซ์ควิสิทพูดขณะที่กัดฟันของตัวเอง เธอกำลังตกอยู่ท่ามกลางจิตใจที่เศร้าโศก และเพียงแค่จะพูดออกมานั้นก็ต้องใช้กำลังของเธออย่างมาก
หลังจากที่ได้ยินคำตอบของเอ็กซ์ควิสิท พวกเวรี่ไฮที่ไม่ได้ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์รู้สึกตกใจ
“เอ็กซ์ควิสิท เจ้าประเมินเขาสูงเกินไปแล้ว แม้แต่เวรี่ไฮอย่างพวกเราก็ไม่อาจจะต้านทานจิตใจของเนตรเวรี่ไฮได้ เขาเป็นแค่ตัวไหมจากเผ่าพันธุ์อื่น…”
“เอ็กซ์ควิสิท ข้ารู้ว่ามันเป็นเรื่องยากกว่าที่เจ้าจะหาตัวไหมดีๆมาได้ แต่ตอนนี้เจ้าต้องยอมตัดใจจากเขา ถึงแม้มันจะเป็นการตัดสินใจที่ยาก”
…
“ลุงเก้าได้โปรด!” เอ็กซ์ควิสิทร้องขอ เธอรวบรวมพลังงานเฮือกสุดท้ายเพื่อพูดออกมา เธอไม่ได้สนใจเวรี่ไฮคนอื่น ขณะที่เธอพูดกับลุงเก้า สิ่งรบกวนเพียงแค่นิดเดียวจะทำให้ความโศกเศร้าครอบงำจิตใจของเธอยิ่งกว่าเดิม นางไม่สามารถให้ความสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวของเธอได้
“ลุงเก้าจะฟังที่นางพูดไม่ได้ มันจะฆ่าชีวิตของนาง”
“ใช่แล้ว! คนนอกคนหนึ่งที่ไม่มีทางป้องกันตัวเองจากจิตใจของเนตรเวรี่ไฮได้ สุดท้ายมันจะทำร้ายพวกนางทั้งสอง”
เวรี่ไฮคนอื่นพยายามจะโน้มน้าวเขา แต่ลุงเก้าขมวดคิ้วและพูด
“การตัดสินใจในเรื่องนี้เป็นสิทธิ์ของเอ็กซ์ควิสิท และนางก็ได้ทำการตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว”
บางคนที่อยู่ที่นั่นไม่เห็นด้วยกับลุงเก้า แต่พวกเขาไม่กล้าพูดอะไรออกมา พวกเขาเพียงแค่ส่ายหัวและถอนหายใจ
“ถ้าเอ็กซ์ควิสิทไม่ยินยอมจะยกเลิกพันธสัญญา แบบนั้นพวกเราก็ทำลายพันธสัญญาของที่หลี่เคอเอ๋อ” เวรี่ไฮคนหนึ่งเสนอขึ้นมา
ลุงเก้ามองไปที่หลี่เคอเอ๋อ หลี่เคอเอ๋อไม่ได้เข้มแข็งเหมือนอย่างเอ็กซ์ควิสิท เธอไม่สามารถให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆตัวได้
“พวกเรารออีกสักหน่อย ถ้าตัวไหมคนนั้นต่อต้านจิตใจนั่นไม่ได้จริงๆ หลังจากนั้นพวกเราค่อยเข้าไปแทรกแซง” ลุงเก้าพูด
เหล่าเวรี่ไฮทำได้แค่รอคอย แต่ในหมู่คนที่กำลังมองดูอยู่นั้นแม้แต่ลุงเก้าเองก็ไม่เชื่อว่าหานเซิ่นจะต่อต้านจิตใจของเนตรเวรี่ไฮบนกำแพงโบราณได้
หานเซิ่นเพิ่งจะกลายเป็นระดับเทพเจ้า ดังนั้นจิตใจของเขาควรจะเป็นอะไรที่น้อยนิดเมื่อเทียบกับจิตใจของเทพเจ้าขั้นทรูก็อต
แถมหานเซิ่นยังไม่เคยฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ ดังนั้นไม่มีใครคิดว่าหานเซิ่นจะต่อต้านความรู้สึกโศกเศร้าที่ออกมาจากเนตรเวรี่ไฮได้
จิตใจของเนตรเวรี่ไฮบนกำแพงโบราณนั้นเป็นอะไรที่อันนตราย แต่สำหรับเวรี่ไฮฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์แล้ว อย่างน้อยมันก็ยังมีโอกาส
ถ้าเวรี่ไฮคนหนึ่งเอาชนะความโศกเศร้าทางจิตใจของเนตรเวรี่ไฮได้ พวกเขาจะได้รับความชำนาญในการใช้เวรี่ไฮเซ้นส์เพิ่มขึ้น
เหล่าเวรี่ไฮคิดว่ามันน่าเสียดายที่หานเซิ่นไม่ได้เป็นหนึ่งในพวกเขา เขาไม่ได้ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ ดังนั้นถึงเขาจะรอดจากจิตใจของเนตรเวรี่ไฮได้ เขาก็ไม่ได้รับประโยชน์เหมือนกับคนอื่นๆ
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ และน้ำตาเลือดก็ยังคงไหลออกมาจากดวงตาของหานเซิ่นกับพวกเธอทั้งสอง ทุกคนรู้ว่าเวลาของพวกเขาทั้งสามคนใกล้จะหมดแล้ว ถ้าพวกเขาไม่สามารถหลุดพ้นจากความเศร้าโศกได้โดยเร็ว เลือดก็จะไหลออกมาร่างกายของพวกเขาจนหมด
หานเซิ่นรู้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย ถึงจิตใจของเขาจะแข็งแกร่ง แต่เขาไม่สามารถต่อต้านความโศกเศร้าที่รุกรานเข้ามานานๆได้ ความเศร้าโศกนั้นดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด มันลึกเข้าไปเรื่อยๆและเขาก็เริ่มจะคิดว่าตัวเองเบื่อการมีชีวิต ถ้าเป็นระดับเทพเจ้ามีจิตใจที่อ่อนแอกว่ามาแทนที่หานเซิ่นในตอนนี้ เขาก็คงจะเฉือนคอของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว
“ไม่ได้ เราปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้….”
หานเซิ่นรู้ว่ากลยุทธ์ในตอนนี้นั้นไม่ได้ผล การต่อสู้ระหว่างจิตใจนั้นไม่ใช่บางสิ่งที่จะก้าวข้ามด้วยพลัง เขาจำเป็นต้องรอดจากมันโดยใช้จิตใจของตัวเอง
ตั้งแต่ที่เขาเข้าใจถึงจิตใจของวิชาใต้นภา ความแข็งแกร่งทางจิตใจของหานเซิ่นก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่นั่นก็ยังคงไม่เพียงพอที่จะต่อต้านจิตใจระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตตรงๆ จิตใจของเขาค่อยๆถูกรุกรานจากจิตใจของฝ่ายตรงข้าม จิตใจของเขาเริ่มจะสั่นคลอนและพังทลาย มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังจมลงไปในทะเลแห่งความโศกเศร้า
หานเซิ่นหวังว่าชุดเกราะคริสตัลสีดำจะยื่นมือเข้ามาช่วย แต่ชุดเกราะคริสตัลสีดำไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจำเป็นต้องต่อสู้กับความโศกเศร้าด้วยตัวเขาเอง
“สมัยนี้หาตัวช่วยดีๆไม่ได้จริงๆ เราจำเป็นต้องพึ่งตัวเองอีกครั้งหนึ่ง”
หานเซิ่นเป็นคนจะสงบนิ่งขึ้นเรื่อยๆยิ่งตัวเองตกอยู่ในอันตราย ตอนนี้หัวใจของเขาสงบนิ่งโดยสมบูรณ์ เขาคำนึงถึงสถานการณ์ของตัวเองและคิดไปว่า ‘ถ้าทางเวรี่ไฮไม่ได้ตั้งระบบป้องกันอะไรเพื่อหลีกเลี่ยงผู้คนจากการมองไปที่เนตรเวรี่ไฮ นั่นหมายความว่ามันต้องมีหนทางสำหรับเราที่จะต่อสู้กับความโศกเศร้าของจิตใจนี้ แต่เราควรจะทำยังไงกับมัน?’
“ด้วยจิตใจของเรา การจะเผชิญหน้ากับความโศกเศร้านี้ดูจะเป็นไปไม่ได้ โอกาสเดียวของเราก็คือการทำความเข้าใจว่าความเศร้านี้มาจากไหนกันแน่ ถ้าเราเข้าใจว่าอะไรที่เป็นสาเหตุของความเศร้าโศกของเวรี่ไฮคนนั้น บางทีเราอาจจะหาหนทางก้าวข้ามมันได้”
เมื่อคิดได้แบบนั้น หานเซิ่นก็ล้มเลิกความพยายามที่จะต่อต้านจิตใจที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า เขาพยายามจะวิเคราะห์ถึงต้นกำเนิดของมันแทน
หานเซิ่นรู้ว่านี่เป็นอะไรที่อันตราย มันเหมือนกับว่าเขากำลังถือยาพิษขวดหนึ่งอยู่ และเขาจำเป็นต้องลิ้มรสของมันเพื่อหาส่วนประกอบของยาพิษ การทำแบบนั้นเป็นอะไรที่เสี่ยง แต่มันก็เป็นหนทางเดียวที่เขาจะคิดหายาแก้พิษได้
จิตใจโศกเศร้าที่เขากำลังประสบไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรักใคร่ของชายหญิง และมันก็ไม่ใช่ความรักในครอบครัวเช่นกัน หานเซิ่นวิเคราะห์ความโศกเศร้านั้นต่อไป และเขาก็คิดกับตัวเอง ‘นี่เป็นความโศกเศร้าแบบไหนกัน?’