Super God Gene – ตอนที่ 2819
หานเซิ่นกำลังถือหัวกะโหลกในมือ เบ้าตาของมันปล่อยลำแสงสีเขียวสองลำแสงออกมา แต่น่าเสียดายเมื่อพวกมันสัมผัสกับลำแสงสีชมพูของโคลด์ไลท์ชาร์ม ลำแสงสีเขียวก็ถูกทำลายไป แต่ใบหน้าของหานเซิ่นไม่เปลี่ยนแปลง เขาคิดอยู่แล้วว่าพลังของวิญญาณอสูรโกสต์เฮดนั้นไม่เพียงพอจะจัดการกับศัตรู เกือบจะในจังหวะเดียวกันกับที่แสงสีเขียวถูกทำลาย หานเซิ่นก็เปิดใช้พลังของรอยสักหมาป่าสกายสตาร์
เมื่อเห็นลำแสงสีชมพูตรงเข้ามา หานเซิ่นก็สูดลมหายใจเข้าลึกและชกหมัดออกไปปะทะกับมัน
ปัง!
แสงดาวสีฟ้าและลำแสงสีชมพูปะทะกัน พลังทั้งสองระเบิดกลายเป็นดอกไม้ไฟสีฟ้าและสีชมพูในอากาศ
“นั่นเป็นไปได้ยังไง?” ทุกคนรู้สึกแปลกใจ พวกเขามองไปที่หานเซิ่นอย่างไม่อยากจะเชื่อ ไม่มีใครคาดคิดว่าคนที่ดูเหมือนจะต่อสู้ไม่ได้นั้นกลับมีพลังมากพอที่จะเผชิญหน้ากับโคลด์ไลท์ชาร์ม
แม้แต่อีวิลโลตัสก็มองหานเซิ่นด้วยความประหลาดใจ เขาเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าหานเซิ่นจะระเบิดพลังที่น่ากลัวแบบนั้นออกมา
“ลุงสอง ข้าจะร่วมมือกับเจ้าเพื่อต่อสู้กับซีโน่เจเนอิคนั่น เจ้าคอยใช้อาณาเขตกาลเวลาสนับสนุนข้า และข้าจะเป็นคนที่ฆ่ามัน”
หานเซิ่นสังเกตได้จากการปะทะกันว่าพลังของวิญญาณอสูรหมาป่าสกายสตาร์นั้นยังคงอ่อนแอกว่าโคลด์ไลท์ชาร์ม พลังในการโจมตีเต็มที่ของเขานั้นทำได้แค่เสมอกับหนึ่งในลำแสงของโคลด์ไลท์ชาร์มเท่านั้น
“ได้เลย!” ลุงสองรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไมหานเซิ่นถึงมีพลังมากขนาดนั้น แต่มันก็มอบความหวังให้กับเขา
ลุงสองใช้พลังอาณาเขตกาลเวลาจนถึงขีดจำกัดเพื่อทำให้การเคลื่อนไหวของโคลด์ไลท์ชาร์มช้าลงไป พร้อมกับทำให้การเคลื่อนไหวของหานเซิ่นรวดเร็วขึ้น
จริงๆแล้วมันไม่ใช่การเคลื่อนไหวของหานเซิ่นที่รวดเร็วขึ้น แต่ในตอนที่เวลาเดินเร็วขึ้นกว่าเดิม มันก็ทำให้ดูเหมือนว่าการเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วขึ้นตามไปด้วย
ฝ่ายหนึ่งถูกเพิ่มความเร็วขึ้นและอีกฝ่ายหนึ่งถูกลดความเร็วลง ความเร็วของหานเซิ่นจึงมากกว่าโคลด์ไลท์ชาร์ม ร่างกายของเขาเรืองแสงดาว เขาเป็นเหมือนกับดาวหางสีฟ้าที่พุ่งผ่านลำแสงสีชมพูและตรงเข้าไปหาตัวของเจ้าซีโน่เจเนอิค
“รวดเร็วกว่าโคลด์ไลท์ชาร์มแล้วจะมีประโยชน์อะไร? ยังไงซะพลังของเขาก็สร้างความเสียหายกับโคลด์ไลท์ชาร์มไม่ได้ สุดท้ายแล้วพวกเจ้าทุกคนก็ต้องตายอยู่ที่นี่” อีวิลโลตัสพูดอย่างดูถูก
อีวิลโลตัสสัมผัสได้ว่าพลังที่หานเซิ่นแสดงออกมานั้นยังด้อยกว่าโคลด์ไลท์ชาร์ม มันไม่ได้ดีเท่าไป๋ปู้อีด้วยซ้ำ ด้วยพลังเพียงแค่นั้น ถึงหานเซิ่นจะเข้าไปตัวโคลด์ไลท์ชาร์มได้ เขาก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายต่อโคลด์ไลท์ชาร์มได้อยู่ดี
หานเซิ่นดูเหมือนจะไม่เข้าใจในเรื่องนั้น เขายังคงเข้าไปใกล้โคลด์ไลท์ชาร์มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยอาณาเขตกาลเวลาของลุงสอง ทำให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับหานเซิ่นที่จะหลบหลีกลำแสงสีชมพู
ตูม!
แสงดาวสีฟ้าระเบิดระหว่างกำปั้นของหานเซิ่นและหนวดของโคลด์ไลท์ชาร์ม แต่พลังนั่นไม่เพียงพอที่จะทำลายร่างโลหะโปร่งใสของโคลด์ไลท์ชาร์ม
“มันไม่ได้ผลจริงๆด้วย” ลุงสองดูผิดหวังเล็กน้อย ถึงแม้เขาจะคิดไว้อยู่แล้วว่ามันจะเป็นแบบนั้น แต่การได้เห็นสิ่งที่เขาคิดเกิดขึ้นกับตาตัวเองก็ยังคงเป็นอะไรที่น่าผิดหวังอยู่ดี
ความหวังที่ริบหรี่ของเป่าฉินและคนอื่นๆถูกทำลายด้วยหมัดๆนั้น ไม่ว่าใครก็สามารถบอกได้ว่าพลังของหานเซิ่นอ่อนแอกว่าโคลด์ไลท์ชาร์มมาก
แต่หานเซิ่นยังคงไม่ยอมแพ้ เขาเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า เขาชกใส่ร่างกายของโคลด์ไลท์ชาร์มซ้ำหลายต่อหลายครั้ง
“ความแตกต่างระหว่างพลังนั้นไม่อาจถูกทดแทนด้วยจำนวนได้ ไม่ว่าเจ้าจะพยายามสักแค่ไหน เจ้าก็เอาชนะโคลด์ไลท์ชาร์มไม่ได้” อีวิลโลตัสหัวเราะอย่างชั่วร้ายขณะที่พูดออกมา
แต่ไม่สำคัญว่าคนอื่นจะคิดยังไง หานเซิ่นก็ยังคงชกใส่โคลด์ไลท์ชาร์มอย่างไม่หยุด ยิ่งเขาชกหมัดออกไปมากขึ้นเท่าไร พลังหมัดของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
“นี่เขากำลังพยายามจะปลุกศักยภาพของตัวเองให้ตื่นขึ้น?”
อีวิลโลตัสมองไปที่หานเซิ่นด้วยความดูถูก “การปลุกศักยภาพที่ตัวเองมีอยู่นั้นจะเพิ่มพลังการต่อสู้ได้อย่างมาก แต่คนๆนั้นจำเป็นต้องมีศักยภาพให้ปลุกขึ้นมา สำหรับซีโน่เจเนอิคขั้นลาร์วา ไม่ว่าจะพยายามปลุกศักยภาพของตัวเองมากสักแค่ไหน มันก็ไม่มีทางไปถึงขั้นบัตเตอร์ฟลายของโคลด์ไลท์ชาร์ม ถึงแม้เจ้าจะรีดศักยภาพของยีนทั้งหมดออกมาและใช้พลังชีวิตทั้งหมดไปกับการระเบิดตัวเอง มันก็ยังคงไม่พอที่จะสร้างความเสียหายกับโคลด์ไลท์ชาร์ม”
ลุงสองและคนอื่นๆรู้ว่าหานเซิ่นบังคับให้ศักยภาพของเขาตื่นขึ้นมา แต่มันเป็นอย่างที่อีวิลโลตัสพูด เขาจำเป็นต้องมีศักยภาพที่เพียงพอซะก่อน ไม่อย่างนั้นถึงเขาจะระเบิดตัวเอง เขาก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายกับโคลด์ไลท์ชาร์มได้
มันเป็นเหมือนกับน้ำมันเบนซินหนึ่งลิตร ไม่ว่าเขาจะพยายามทำให้มันระเบิดอย่างรุนแรงมากสักแค่ไหน มันก็ไม่มีทางแรงเทียบเท่ากับจรวดมิสไซล์
แต่หานเซิ่นไม่สนใจ เขายังคงพยายามปลุกศักยภาพของตัวเองต่อไป
คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่เขารู้ดีว่าร่างกายของตัวเองเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่น เขาเพียงแค่ไม่สามารถเอาพลังของร่างกายตัวเองออกมาใช้ได้ สำหรับคนอื่นนี่อาจจะดูเหมือนกับการปลุกศักยภาพที่เขามีอยู่ออกมาใช้ แต่สำหรับเขาแล้ว เขาแค่พยายามจะเรียกเอาพลังเดิมของเขามีอยู่ในตัวออกมา
ภายใต้สถานการณ์ที่คับขัน พลังที่ซ่อนอยู่ในตัวเขาเริ่มจะตื่นขึ้นมา แสงดาวบนหมัดของเขาเริ่มจะเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ มันเริ่มต้นจากแสงดาว แต่ที่สุดแล้วมันก็ดูเหมือนกับดวงอาทิตย์สีฟ้าในทุกๆหมัด
ปัง!
โคลด์ไลท์ชาร์มถูกหานเซิ่นชกใส่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่สามารถทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้เหมือนกับทุกที หนวดโลหะกึ่งโปร่งใสนั้นมีรอยหมัดเกิดขึ้นให้เห็น และโคลด์ไลท์ชาร์มก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“นี่ศักยภาพของเขากำลังตื่นขึ้นมา? นี่เขามีศักยภาพมากขนาดไหนกัน?”
ลุงสองยังคงใช้อาณาเขตกาลเวลาเพื่อสนับสนุนหานเซิ่น เขาเห็นว่าตอนนี้แสงดาวของหานเซิ่นสว่างจ้าเหมือนกับดวงอาทิตย์และมันยังคงสว่างขึ้นอีก เขาทั้งรู้สึกตกใจและดีใจ
“ด้วยการระเบิดพลังศักยภาพของตัวเองออกมาใช้มากขนาดนี้ เจ้าจะต้องตายจากความเหนื่อยล้า เจ้าคิดว่าจะทำแบบนี้ไปได้อีกนานสักแค่ไหนกัน?”
อีวิลโลตัสไม่ได้สนใจอะไร จากที่เขาเห็นหานเซิ่นระเบิดพลังศักยภาพของตัวเองออกมาใช้มากเกินไป ซึ่งไม่ต่างอะไรไปจากการฆ่าตัวตาย
ปัง! ปัง!
ในตอนแรกหานเซิ่นจำเป็นต้องพึ่งอาณาเขตกาลเวลาของลุงสองเพื่อหลบหลีกลำแสงของโคลด์ไลท์ชาร์ม แต่ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องพึ่งมันอีกต่อไป
หมัดที่หานเซิ่นแกว่งออกไปนั้นเป็นเหมือนกับดวงดาวที่ตกลงมาจากท้องฟ้า มันปะทะกับลำแสงสีชมพูของโคลด์ไลท์ชาร์มและทะลุผ่านลำแสงไป มันทรงพลังจนไม่น่าเชื่อ
เป่าฉินดีใจอย่างมาก เขาร้องตะโกนขึ้นว่า “เขายังปลุกศักยภาพออกมาได้มากยิ่งกว่านี้! นั่นเป็นศักยภาพที่น่ากลัวมากๆ! ไม่แปลกใจเลยที่ราชาไป๋ต้องการรับเขาเป็นลูกศิษย์! ศักยภาพของเขาน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“ทนอีกหน่อย เจ้าต้องอดทนอีกหน่อย ถ้าเจ้ารอดกลับไปที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงได้ ถึงแม้ข้าจะต้องใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่มี ข้าก็จะรักษาร่างกายของเจ้าให้กลับมาหายดี”
ฝ่ามือของเหมิงเลี่ยชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาเป็นระดับเทพเจ้าขั้นลาร์วา ดังนั้นเขารู้ดีว่าคนอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกันต้องแลกด้วยอะไรเพื่อระเบิดพลังแบบนั้นออกมา ถึงแม้หานเซิ่นจะเอาชนะโคลด์ไลท์ชาร์มได้ ร่างกายของเขาก็จะถูกทำลาย