ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด – ตอนที่ 368 หนุ่มหล่อระดับเดือนโรงเรียน / ตอนที่ 369 บนโลกนี้ไม่มีหลิงอวี้จื้อแล้ว

ตอนที่ 368 หนุ่มหล่อระดับเดือนโรงเรียน / ตอนที่ 369 บนโลกนี้ไม่มีหลิงอวี้จื้อแล้ว

ตอนที่ 368 หนุ่มหล่อระดับเดือนโรงเรียน

 

 

“ตอนที่ข้ารีบกลับไป พ่อข้าก็เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้ว ก่อนพ่อจะไป เขาให้ข้าตามหาพี่ชาย ให้ข้าเอาของสิ่งหนึ่งให้พี่ชาย

 

 

เดิมทีข้าคิดจะไปเมืองหลวงเพื่อหาพี่ชาย แต่ระหว่างทางก็ได้ยินข่าว บอกว่าพี่ชายหายตัวไปที่อำเภอฉางหนิง

 

 

ข้าเปลี่ยนเส้นทางไปอำเภอฉางหนิงกลางคัน ใครจะไปรู้ว่าจะโดนขโมยถุงเงิน ช่วยไม่ได้ ได้แต่เดินเท้าไปอำเภอฉางหนิง ตอนนี้ข้าเพิ่งเดินมาถึงตำบลเถาหยวน หิวจนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ดังนั้น…”

 

 

อวิ๋นซั่วก้มหน้าด้วยความละอายใจ

 

 

“ยังดีที่พบพี่สะใภ้เข้า มิเช่นนั้นข้าอาจจะหิวตายตรงนี้ก็ได้”

 

 

“เป็นกลุ่มโจรจริงๆ หรือ”

 

 

อวิ๋นซั่วส่ายหน้า ก้มหน้าอยู่เช่นนั้น ไม่รู้ว่าหนาวหรือว่าการพูดถึงเรื่องเหล่านี้มันโหดร้ายเกินไป ตัวจึงเริ่มสั่นเบาๆ

 

 

“ข้าก็ไม่รู้ กลุ่มโจรพวกนั้นไม่เพียงแต่ขโมยของไปหมดบ้านตระกูลอวิ๋น แต่ยังไม่เหลือผู้รอดชีวิตไว้แม้แต่คนเดียว ทั้งตระกูลอวิ๋นมีเพียงข้าคนเดียวที่รอดมาอย่างหวุดหวิด”

 

 

หลิงอวี้จื้อเงียบ เรื่องนี้เธอไม่เคยได้ยินเลย พอซูเสียนตายแล้ว เซียวเหยี่ยนก็ไม่ได้เอ่ยถึงตระกูลอวิ๋นอีก เห็นได้ชัดว่าไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลอวิ๋นอีก ตอนนี้ตระกูลอวิ๋นทนทุกข์กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าเซียวเหยี่ยนจะรู้เรื่องหรือยัง

 

 

“เจ้าดูภาพเหมือนของข้าได้อย่างไร”

 

 

“ที่สำนักวิชาหงเต๋อมีเพื่อนร่วมชั้นชื่อหลิงจื่อหรง ข้ากับเขาพักอยู่ห้องเดียวกัน พอรู้จักพื้นเพของข้าแล้ว ข้าก็ได้ยินเขาพูดถึงเจ้าบ่อยๆ บอกว่าเจ้าเป็นพี่สาวที่น่าสนใจมาก ข้าใคร่รู้ว่าหน้าตาของเจ้าเป็นอย่างไร เขาจึงเอาภาพเหมือนของเจ้าให้ข้าดู”

 

 

อวิ๋นซั่วอธิบายที่มาที่ไปอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ซ้ำยังไม่มีตรงไหนไม่สมเหตุสมผล เธอจะเชื่อคำพูดของอวิ๋นซั่วไปก่อน นึกไม่ถึงเลยว่าเขากับหลิงจื่อหรงจะพักห้องเดียวกัน เช่นนี้ดูเหมือนจงใจจัดแจงไว้ สองคนนี้มีวาสนาต่อกันจริงๆ

 

 

หลิงอวี้จื้อเห็นอวิ๋นซั่วหนาวมาก และไม่ได้ถามอะไรอีก ไม่นานก็พาอวิ๋นซั่วไปพักในบ้านพัก หลิงอวี้จื้อต้มน้ำร้อนให้เขา ส่วนชุนเหนียงออกไปหาเสื้อผ้าหนาๆ มาให้อวิ๋นซั่ว

 

 

อาบน้ำแล้ว อวิ๋นซั่วก็เปลี่ยนเป็นเสื้อกันหนาวบุนวมสีฟ้าท้องฟ้า ยืนตรงหน้าหลิงอวี้จื้อท่าทางเขินอายอยู่บ้าง แล้วเรียกเธอคำหนึ่งว่าพี่สะใภ้

 

 

หลิงอวี้จื้อพินิจพิเคราะห์อวิ๋นซั่ว เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ตาสองชั้น ผิวก็ขาวมาก ท่าทางมีความกังวลซึ่งมองแทบไม่เห็น หากอยู่ที่โรงเรียน ก็ถือว่าเป็นหนุ่มหล่อระดับเดือนโรงเรียนได้เลยทีเดียว คงจะมีสาวๆ ไล่ตามเป็นฝูง

 

 

จู่ๆ เธอก็นึกถึงเฉินมั่วฉือ ดึงคนมาเพิ่มอีกสองสามคน กลายเป็นกลุ่มเอฟโฟร์ได้เลย

 

 

“อวี้จื้อดูแล้วยังเด็กกว่าเจ้าเสียอีก เจ้าเรียกพี่สะใภ้ไม่กระดากปากหรือ”

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นแค่รู้สึกว่าคำว่าพี่สะใภ้ช่างบาดหูเหลือเดิน ถึงแม้ว่าจะเป็นความจริงไม่ช้าก็เร็ว แต่อย่างน้อยตอนนี้ยังไม่ใช่

 

 

“นางเป็นพี่สะใภ้ข้าอยู่แล้ว คุณชายมู่หรง ข้าอยากคุยกับพี่สะใภ้ข้าตามลำพัง เจ้าออกไปได้แล้ว”

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นนั่งลงบนเก้าอี้หัวโล้นข้างหลิงอวี้จื้อ

 

 

“ข้าจะไม่ไปเสียอย่าง”

 

 

“เจ้า…”

 

 

อวิ๋นซั่วโกรธมู่หรงนี่อวิ๋นจนเดี๋ยวหน้าแดงเดี๋ยวหน้าขาว

 

 

“พวกเจ้าทั้งสองคนกลับไปห้องตัวเองเถิด ข้าอยากพักผ่อนแล้ว”

 

 

หลิงอวี้จื้อแค่รู้สึกปวดหัว เมื่อคืนเธอไม่ได้นอนทั้งคืน วันนี้ก็ต้องรีบเดินทางทั้งวัน ยังต้องรอข่าวคราวจากมั่วชิงอีก ไม่ว่างมาฟังสองคนนี้ทะเลาะกันจริงๆ

 

 

เห็นหลิงอวี้จื้อมีสีหน้าเหนื่อยล้า มู่หรงนี่อวิ๋นก็รู้ว่าเธอยังไม่ได้พักผ่อนดี รู้สึกเป็นห่วงแล้วเตือนว่า

 

 

“เจ้านอนพักสักหน่อย ท่านอ๋องไม่เป็นอะไรหรอก ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่าน”

 

 

“ข้าดูเหมือนคนคิดฟุ้งซ่านหรือ”

 

 

หลิงอวี้จื้อหาวหนึ่งครั้ง

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นไม่ได้พูดอะไรอีก ถลึงตาใส่อวิ๋นซั่วปราดหนึ่งแล้วก็ออกไปก่อน เห็นมู่หรงนี่อวิ๋นไปแล้ว อวิ๋นซั่วก็ลุกขึ้นด้วย

 

 

“อย่างนั้นพรุ่งนี้ข้าค่อยมาหาพี่สะใภ้ใหม่”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 369 บนโลกนี้ไม่มีหลิงอวี้จื้อแล้ว

 

 

“รีบกลับห้องไปพักผ่อนเถิด! หากท้องหิว ก็ให้ชุนเหนียงทำอะไรให้กินสักหน่อย ข้าไม่อยากขยับตัวแล้วจริงๆ”

 

 

หลิงอวี้จื้อโบกมือ ยิ้มหวานให้อวิ๋นซั่ว

 

 

เมื่อได้สัมผัสรอยยิ้มของหลิงอวี้จื้อแล้ว อวิ๋นซั่วก็หลบไปอย่างไว เหตุใดนางไม่เหมือนกับที่พวกเขาพูดไว้เลย ดูเหมือนจะเป็นคนจิตใจดีมาก ไม่สิ อย่าให้นางมาหลอกได้

 

 

หลิงอวี้จื้อเหนื่อยเหลือเกิน คิดว่าเขาแค่เป็นคนขี้อาย ไม่มีแรงจะคิดอะไรมาก นอนเหยียดแผ่บนเตียง ในสมองมีแต่เซียวเหยี่ยน ไม่รู้ว่าเฟิงอิ๋นให้เซียวเหยี่ยนกินสมุนไพรเซียนหลินจือหรือยัง ตอนนี้เขาฟื้นแล้วหรือยัง

 

 

คิดไปคิดมา แล้วก็หลับสนิทไปในที่สุด

 

 

เฟิงอิ๋นถือสมุนไพรเซียนหลินจือยืนข้างเตียงเซียวเหยี่ยน จ้องมองเซียวเหยี่ยนที่นอนสลบไสลอยู่

 

 

มองอยู่เนิ่นนาน นางก็นั่งยองๆ ลงข้างเตียง มองเซียวเหยี่ยน

 

 

“เซียวเหยี่ยน เจ้ารู้หรือไม่ ตอนนี้ชีวิตของเจ้าอยู่ในกำมือของข้าแล้ว เจ้าไม่อยากข้องเกี่ยวกับข้า สุดท้ายก็ยังต้องพึ่งพาข้าให้ช่วยชีวิตเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะยินยอมหรือไม่ พอเจ้าลืมตาขึ้นมา คนแรกที่เจ้าจะเห็นก็คือข้า พระชายาน้อยของเจ้าโดนข้าไล่ตะเพิดไปแล้ว”

 

 

เซียวเหยี่ยนที่อยู่บนเตียงมีใบหน้าขาวซีดจนน่าตกใจ นางก็ไม่กล้าปล่อยเวลานานเกินไป หยิบสมุนไพรเซียนหลินจือออกมาจากอกเสื้อ กำลังจะป้อนให้เซียวเหยี่ยน แล้วก็หยุดทันใด

 

 

ไม่ถูก การเอาสมุนไพรเซียนหลินจือมาคราวนี้ราบรื่นเกินไป พอพวกเซียวเหยี่ยนออกไปจากสำนักอู๋จี๋แล้ว เจียงสือก็ไม่ได้จัดการนาง ซ้ำยังปล่อยนางมาอีก เช่นนี้ผิดปกติเกินไปหน่อย

 

 

ภายในสำนักอู๋จี๋มีสมุนไพรเซียนหลินจืออยู่เพียงสองต้น นางหยิบมาต้นหนึ่งอย่างง่ายดาย สมุนไพรเซียนหลินจือนี้จะมีปัญหาอะไรหรือไม่

 

 

คิดถึงตรงนี้ เฟิงอิ๋นก็ลังเล หากสมุนไพรเซียนหลินจือนี้มีปัญหาขึ้นมา เซียวเหยี่ยนกินเข้าไปแล้วจะตายหรือไม่

 

 

ไม่ว่าอย่างไร นางก็ไม่อยากให้เซียวเหยี่ยนตาย

 

 

คิดถึงตรงนี้ นางก็เก็บสมุนไพรเห็นหลินจือต้นนี้ไป เตรียมจะกลับไปสำนักอู๋จี๋เพื่อเด็ดสมุนไพรเซียนหลินจืออีกต้น

 

 

ครั้งนี้นางระวังมากขึ้นกว่าครั้งที่แล้ว เด็ดสมุนไพรเซียนหลินจือมาได้ก็ออกไปจากสำนักอู๋จี๋ตลอดทั้งคืน เปรียบเทียบสมุนไพรเซียนหลินจือสองต้นอย่างละเอียด ก็ไม่เห็นว่ามีอะไรไม่เหมือนกัน

 

 

เพื่อความปลอดภัย สุดท้ายนางก็ให้เซียวเหยี่ยนกินสมุนไพรเซียนหลินจือต้นหลัง ส่วนต้นแรกนั้น ถึงเวลาค่อยให้หลิงอวี้จื้อกิน จะเกิดผลอย่างไร ก็ต้องรอดูโชคของนาง

 

 

คิดถึงตรงนี้ เฟิงอิ๋นก็หัวเราะเยือกเย็น

 

 

เมื่อกินสมุนไพรเซียนหลินจือแล้ว ผ่านไปสักครู่เซียวเหยี่ยนก็ฟื้นขึ้นมา เฟิงอิ๋นยืดหลังตรง มองเซียวเหยี่ยนตาไม่กระพริบ รอเขาตื่นขึ้นมา นางอยากให้เซียวเหยี่ยนเห็นนางเป็นอันดับแรก

 

 

“อวี้จื้อ…”

 

 

เซียวเหยี่ยนยังไม่ตื่นดี เรียกชื่อหลิงอวี้จื้อเป็นอันดับแรก

 

 

“เซียวเหยี่ยน เจ้ามองให้ชัดๆ ข้าคือใคร”

 

 

เฟิงอิ๋นเอ่ยอย่างเย็นชา ตอนแรกเห็นเซียวเหยี่ยนฟื้นขึ้นมา นางดีใจมาก เพิ่งเตรียมจะพุ่งเข้าไปหา จากนั้นก็ได้ยินเสียงเขาเรียกชื่อ เหมือนโดนราดน้ำเย็นใส่หัว เย็นวาบทั่วตัวในพริบตา

 

 

ได้ยินเสียงเฟิงอิ๋น เซียวเหยี่ยนก็ตื่นเต็มตาทันที ขมวดคิ้วถามว่า

 

 

“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

 

 

“ข้าเป็นคนช่วยชีวิตเจ้า ข้าก็ต้องอยู่ที่นี่สิ เซียวเหยี่ยน เจ้าปฏิบัติเช่นนี้กับผู้มีพระคุณหรือ ไม่ว่าเจ้าจะต้องการหรือไม่ เจ้าก็เป็นหนี้ชีวิตข้า”

 

 

เซียวเหยี่ยนเข้าใจแน่นอนว่าเกิดอะไรขึ้น ถามต่อว่า

 

 

“อวี้จื้อเล่า”

 

 

“นางไปแล้ว”

 

 

ได้ยินว่าหลิงอวี้จื้อไปแล้ว เซียวเหยี่ยนก็ฝืนตัวลุกขึ้นนั่ง ปากแผลปริในพริบตา เขาเดินไปตรงหน้าเฟิงอิ๋น แววตาหมายจะฆ่าอย่างเต็มที่

 

 

“นางอยู่ที่ไหน”

 

 

“นางขอร้องให้ข้าช่วยชีวิตเจ้า ข้าบอกนางว่า ให้เอาชีวิตนางมาแลก นางตกลง กินยาพิษและจากไปแล้ว คำนวณเวลาดู นางคงพิษกำเริบแล้ว เซียวเหยี่ยน บนโลกนี้ไม่มีหลิงอวี้จื้ออยู่อีกแล้ว”

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

Status: Ongoing

ชีวิตในชาติก่อนต้องจบลงอย่างน่าอนาถเพียงเพราะตกบันไดก็โชคร้ายมากพอแล้ว วิญญาณดาราสาวพราวเสน่ห์อย่างเธอยังต้องมาติดอยู่ในร่างหลิงอวี้จื้อ คุณหนูใหญ่จวนเสนาบดีผู้ใสซื่อทว่าโง่เขลาที่พ่อไม่แลแม่ไม่รัก ถูกวางยาพิษร้ายเตรียมนับถอยหลังรอวันตาย มิหนำซ้ำยังมีคู่หมั้นที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาพ่วงมาให้เป็นพันธะอีก แต่นับว่าสวรรค์ยังเมตตา บันดาลให้เธอได้พบกับท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรูปงามนามเซียวเหยี่ยน ที่กล่าวกันว่าเป็นผู้กุมอำนาจตัวจริงเหนือฮ่องเต้น้อยแห่งแคว้นเว่ยตะวันออก เธอจึงต้องงัดลูกไม้สารพัดมาใช้ หวังจะให้เขาเป็นสะพานทำให้ตนกลับสู่ฐานะ ‘คนปกติ’ ทว่าเรื่องราวไหนเลยจะง่ายดายปานนั้น เพราะข่าวลือที่ว่าเหตุที่เขาครองตัวโสดเพราะนิยมไม้ป่าเดียวกันนี่สิ! เช่นนั้นแล้วแผนหว่านเสน่ห์ของเธอจะสั่นคลอนหัวใจเขาได้บ้างหรือไม่หนอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน