ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด – ตอนที่ 558 บุญวาสนาจะสิ้นสุดลงแล้ว / ตอนที่ 559 ทำกับข้าวมื้อสุดท้ายให้เจ้า

ตอนที่ 558 บุญวาสนาจะสิ้นสุดลงแล้ว / ตอนที่ 559 ทำกับข้าวมื้อสุดท้ายให้เจ้า

ตอนที่ 558 บุญวาสนาจะสิ้นสุดลงแล้ว 

 

 

“นี่อวิ๋น เจ้าบอกความจริงกับข้า เหตุใดเจ้าต้องรีบร้อนออกจากเมืองหลวง เกิดอะไรขึ้นกันแน่” 

 

 

“ไม่มีอะไร ข้าอยู่เมืองหลวงจนเบื่อแล้ว ดังนั้นข้าอยากขึ้นเขามาสงบจิตสงบใจ” 

 

 

หลิงอวี้จื้อขยี้ตา 

 

 

“เจ้าเห็นข้าเป็นคนโง่หรือ ข้าอยากฟังความจริง เจ้าเอามือเจ้ามาให้ข้าดูสิ” 

 

 

หลิงอวี้จื้อพูดจบก็ไม่รอ รีบคว้ามือมู่หรงนี่อวิ๋นมา เห็นฝ่ามือของเขากลายเป็นสีดำหมดแล้ว ในใจเธอก็ยิ่งเป็นทุกข์ 

 

 

มั่วชิงก้าวเข้ามาตรวจดู เห็นสภาพฝ่ามือของมู่หรงนี่อวิ๋นแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนทันที 

 

 

“คุณชายมู่หรง เกิดอะไรขึ้นกันแน่เจ้าคะ ตามหลักการแล้วพิษดอกอวี้จีไม่ควรจะขยายเร็วขนาดนี้” 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นกลัวว่าหลิงอวี้จื้อยิ่งดูยิ่งทุกข์ รีบชักมือกลับไป พยายามอย่างถึงที่สุดที่จะทำเป็นไม่มีอะไร 

 

 

“ข้าก็ไม่รู้ว่าช่วงนี้เป็นอะไรไป หลายวันมานี้ ข้าเริ่มกระอักเลือด ล่าสุดสองสามวันนี้มานี้ยิ่งเป็นบ่อยขึ้น ข้ารู้ว่าจุดจบกำลังจะมาถึง 

 

 

พี่ใหญ่หวังว่าข้าจะมีลูกเพื่อสืบสกุลให้จวนมู่หรง นี่เป็นความรับผิดชอบของข้าอยู่แล้ว แต่ข้าไม่อยากทำให้ใครเสียเวลา สุขภาพข้าเป็นเช่นนี้ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกกี่วัน และอาจจะไม่สามารถมีทายาทได้ อวี้จื้อ นางมาทำให้เจ้าลำบากใจหรือไม่ 

 

 

พี่ใหญ่ไม่เชื่อคำพูดของข้า นึกว่าข้าไม่ยินยอม รอข้าตายแล้ว นางก็จะรู้ว่าข้าไม่ได้โกหก” 

 

 

“ไม่ต้องพูดแล้ว นี่อวิ๋น เจ้าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แน่ ต้องทำได้แน่” 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นยิ้มเยาะพูดว่า 

 

 

“อาจจะเป็นเพราะข้าโชคไม่ดี ดังนั้นพิษจึงกำเริบเร็วไปหน่อย อวี้จื้อ ตอนแรกข้าอยากแอบหนีมาคนเดียว นึกไม่ถึงว่าจะทำให้เจ้าตกใจ 

 

 

ข้าอยากพูดอะไรที่เห็นแก่ตัวสักหน่อย จริงๆ ข้าก็หวังว่าจะได้เจอเจ้าอีกสักครั้งก่อนตาย ได้พูดคุยดีๆ กับเจ้า 

 

 

ความลับนั้นข้าเก็บไว้ในใจมาแสนนานแล้ว ตอนนี้เจ้าได้แต่งงานกับคนดีๆ ชีวิตมีความสุขมาก คำเหล่านี้เดิมทีข้าไม่ควรพูด ในเมื่อท่านเทวดาให้โอกาสกับข้าแล้ว เจ้าก็รู้ตัวแล้ว ข้าก็ไม่อยากจะปิดเจ้าอีก ทุกครั้งที่หาข้ออ้าง ช่างเหนื่อยเหลือเกิน 

 

 

ที่จริงข้ากลัวว่าพวกเราจะเป็นไม่ได้แม้แต่เพื่อนกัน ดังนั้นข้าจึงไม่กล้าพูดอะไรเลย” 

 

 

น้ำตาของหลิงอวี้จื้อกลั้นไว้ไม่อยู่แล้ว เธอยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา 

 

 

“เจ้าเป็นคนโง่ที่สุดในใต้หล้าเลย เจ้าทำเช่นนี้คุ้มค่าหรือ” 

 

 

“เจ้ามีความสุขและชีวิตดี ทั้งหมดนี้คุ้มค่าแล้ว” 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นไม่ปิดบังความรู้สึกรักในแววตาอีกแล้ว ได้บอกความลับกับหลิงอวี้จื้อก่อนตาย เขาก็ไม่เสียดายแล้ว มิเช่นนั้นความลับนี้คงได้พาลงโลงไปด้วย 

 

 

“เจ้าไม่ต้องรู้สึกผิด และไม่ต้องเก็บคำพูดเหล่านี้ไปใส่ใจ นี่เป็นสิ่งที่ข้ายินดีทำ ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า 

 

 

ข้ารู้ว่าในชีวิตนี้ ระหว่างเราเป็นไปไม่ได้ ได้อยู่เคียงข้างเจ้าในสถานะเพื่อนที่ดีต่อกัน ข้าก็พอใจมากแล้ว สิ่งนี้เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับพวกเรา 

 

 

เสียดายที่ข้าไม่มีเวลาแล้ว หนทางต่อไปข้างหน้าก็ไม่มีทางได้อยู่เป็นเพื่อนเจ้าแล้ว เจ้ากับท่านอ๋องต้องใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เช่นนี้ข้าถึงจะอยู่ในปรโลกอย่างสบายใจ” 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นทำหน้าเสียดาย แน่นอนเขาไม่อยากตาย แต่ไม่สามารถหลีกหนีเรื่องที่เกิดขึ้นได้อีกแล้ว เขาต้องยอมรับจุดจบนี้ แม้ว่าในใจจะไม่อยากแต่ก็ต้องปล่อยมือ ระหว่างพวกเขา บุญวาสนาสิ้นสุดลงอย่างบริบูรณ์แล้ว 

 

 

ตอนนี้เขาเพียงแต่หวังว่าหลิงอวี้จื้อกับเซียวเหยี่ยนจะรักหวานชื่นกันไป เช่นนี้เขาก็ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว ต่อไปเวลาหลิงอวี้จื้อว่าง สามารถมาคุยกับเขาที่หลุมศพได้ก็ดี 

 

 

“นี่อวิ๋น เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว และห้ามยอมแพ้ด้วย พวกเราจะไปหาแมลงจิ่วเซียง ข้าไม่เชื่อว่าทั้งโลกนี้จะมีแมลงจิ่วเซียงตัวนั้นตัวเดียว จะต้องมีตัวที่สองแน่” 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 559 ทำกับข้าวมื้อสุดท้ายให้เจ้า 

 

 

เห็นหน้าหลิงอวี้จื้อร้อนรน มู่หรงนี่อวิ๋นก็ไม่อยากให้หลิงอวี้จื้อเป็นกังวล ได้แต่ตอบรับว่า 

 

 

“ได้ ข้าก็เชื่อว่าโชคของข้าไม่เลวร้ายขนาดนี้ ข้ายังอยากเห็นเจ้าตั้งครรภ์คลอดลูก” 

 

 

ปากมู่หรงนี่อวิ๋นพูดเช่นนี้ แต่ในใจรู้ดีว่าเขาไม่มีโอกาสแล้ว ร่างกายของเขา เขาเข้าใจดี กระอักเลือดบ่อยเช่นนี้ เขาไม่สามารถทนไปถึงวันที่เจอแมลงจิ่วเซียง และถึงแม้เจอแมลงจิ่วเซียงเแล้ว อย่างมากที่สุดก็อยู่ได้อีกเพียงครึ่งปี ชีวิตของเขาถูกลิขิตเอาไว้แล้ว 

 

 

“เจ้ายังต้องเป็นพ่อบุญธรรมให้ลูกข้าอีก เจ้าห้ามอู้เด็ดขาด นี่อวิ๋น เจ้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป” 

 

 

“เอาล่ะ ไม่ต้องร้องแล้ว ตอนนี้เจ้าเป็นพระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แล้ว ร้องไห้งอแงเช่นนี้ ไม่กลัวคนอื่นเขาหัวเราะเยาะหรือไร” 

 

 

หลิงอวี้จื้อทำเสียงหึอย่างเย็นชา 

 

 

“ข้าจะดูสิว่าใครกล้าหัวเราะเยาะข้า” 

 

 

“เจ้ารู้จักพูดจาเช่นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แล้วนะ อยู่ใกล้ใครก็จะเป็นเหมือนคนนั้นจริงๆ เวลาสั้นๆ เจ้าก็เป็นเช่นนี้แล้ว เวลานานไปจะขนาดไหน” 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นพูดจาเยาะเย้ย 

 

 

“รีบนั่งเถิด ไม่ต้องยืนแล้ว” 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นเรียก หลิงอวี้จื้อนั่งลง เพิ่งจะนั่งลง มู่หรงนี่อวิ๋นก็ส่งถังไม้ไปตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ ยิ้มราวกับมอบสมบัติให้แล้วพูดว่า 

 

 

“เจ้าดูสิ นี่เป็นปลาที่ข้าจับมาจากลำธารเล็กๆ แถวนี้” 

 

 

หลิงอวี้จื้อเหลือบมองลงไปดูปลาในถังไม้ ข้าในมีปลาจี้สีดำสองตัว กะจากสายตาหนักประมาณครึ่งชั่ง เธอทำหน้าประหลาดใจทันที 

 

 

“เจ้าก็มีทักษะด้านนี้ด้วยหรือนี่” 

 

 

“ในเมื่อมาแล้ว ก็กินข้าวที่นี่สักมื้อแล้วค่อยไปเถิด ข้าจะตุ๋นซุปปลาให้เจ้า เจ้าก็มาได้เวลาพอดี ปลานี้เพิ่งจับเมื่อตอนเช้า นอกจากปลา ข้ายังจับไก่ป่ามาได้ตัวหนึ่ง และเด็ดเห็ดมาจำนวนหนึ่ง เย็นนี้รีบกินข้าวสักหน่อย จะได้ทันเวลาก่อนปิดประตูเมือง” 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นพูดพลางถือถังไม้ไปห้องครัว หลิงอวี้จื้อตามมู่หรงนี่อวิ๋นเข้าไปในครัว ห้องครัวนี้อยู่ข้างหลังเรือนไม้ไผ่ แค่สร้างเป็นเพิงหลังหนึ่ง นับว่าเป็นห้องครัวที่เรียบง่ายมาก แต่ข้างในกลับมีเครื่องปรุงครบครัน 

 

 

“เจ้าเรียนทำอาหารเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่” 

 

 

หลิงอวี้จื้อจำได้ว่าตอนที่อยู่ตำบลเถาหยวน มู่หรงนี่อวิ๋นยังทำกับข้าวไม่เป็น นี่ก็ผ่านไปไม่นานเท่าไร นึกไม่ถึงว่าจะทำกับข้าวเป็นแล้ว เรื่องตกปลาจับไก่ พูดได้ว่าเพราะเขามีวิทยายุทธ์ แต่ทำกับข้าวเป็นทักษะที่ต้องเรียนรู้ใหม่ ทักษะนี้นางยังทำไม่เป็นเลย 

 

 

“ข้าต้องอาศัยอยู่ที่นี่ อย่างไรก็ต้องเรียนทำเรื่องพวกนี้ให้เป็น มิเช่นนั้นต้องรอให้คนอื่นมาค่อยส่งข้าวให้ข้าหรือ การพึ่งพาตัวเองก็ไม่เลวนะ” 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นนั่งยองๆ กับพื้น เริ่มขอดเกล็ดปลา เขาเรียนทำกับข้าวจนเป็นไม่ใช่เพราะตนเองต้องอาศัยอยู่ที่นี่เลย แต่เป็นเพราะจะแข่งกับเซียวเหยี่ยน 

 

 

ตั้งแต่รู้ว่าเซียวเหยี่ยนทำกับข้าวเป็น ตั้งแต่อยู่ที่ตำบลเถาหยวนเขาก็เริ่มแอบศึกษาการทำอาหารแล้ว พอกลับมาก็แอบเชิญแม่ครัวมาสอนตนเองที่บ้านพักแขก 

 

 

ก็เพื่อเผื่อวันใดวันหนึ่งได้ทำกับข้าวให้หลิงอวี้จื้อกิน ตอนแรกคิดว่าไม่มีโอกาสแล้ว นึกไม่ถึงว่าในที่สุดท่านเทวดาก็ประทานโอกาสให้เขา ให้เข้าได้แสดงฝีมือ 

 

 

กับข้าวเหล่านี้เดิมทีเป็นอาหารสำหรับสองวันนี้ของเขา จะจับปลาสักตัวหรือจับไก่ป่าสักตัวไม่ง่ายจริงๆ ถึงแม้เขาจะมีวิทยายุทธ์ แต่ก็เสียแรงกำลังไปมากกว่าจะจับของพวกนี้มาได้ 

 

 

หลิงอวี้จื้ออดใจไม่ไหวต้องยกนิ้วหัวแม่มือให้ 

 

 

“สุดยอด” 

 

 

ได้รับคำชมจากหลิงอวี้จื้อแล้ว มู่หรงนี่อวิ๋นก็ดีใจมาก 

 

 

“อวี้จื้อ เจ้าออกไปก่อน ข้าจัดการธุระที่นี่เอง” 

 

 

“อย่างไรข้าก็ไม่มีอะไรทำ ให้ข้าช่วยเถิด เป็นลูกมือให้เจ้า” 

 

 

เพียงแต่มู่หรงนี่อวิ๋นยืนกรานจะไล่หลิงอวี้จื้อออกไป หลิงอวี้จื้อทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ฟังมู่หรงนี่อวิ๋น ออกจากห้องครัวไป 

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

Status: Ongoing

ชีวิตในชาติก่อนต้องจบลงอย่างน่าอนาถเพียงเพราะตกบันไดก็โชคร้ายมากพอแล้ว วิญญาณดาราสาวพราวเสน่ห์อย่างเธอยังต้องมาติดอยู่ในร่างหลิงอวี้จื้อ คุณหนูใหญ่จวนเสนาบดีผู้ใสซื่อทว่าโง่เขลาที่พ่อไม่แลแม่ไม่รัก ถูกวางยาพิษร้ายเตรียมนับถอยหลังรอวันตาย มิหนำซ้ำยังมีคู่หมั้นที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาพ่วงมาให้เป็นพันธะอีก แต่นับว่าสวรรค์ยังเมตตา บันดาลให้เธอได้พบกับท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรูปงามนามเซียวเหยี่ยน ที่กล่าวกันว่าเป็นผู้กุมอำนาจตัวจริงเหนือฮ่องเต้น้อยแห่งแคว้นเว่ยตะวันออก เธอจึงต้องงัดลูกไม้สารพัดมาใช้ หวังจะให้เขาเป็นสะพานทำให้ตนกลับสู่ฐานะ ‘คนปกติ’ ทว่าเรื่องราวไหนเลยจะง่ายดายปานนั้น เพราะข่าวลือที่ว่าเหตุที่เขาครองตัวโสดเพราะนิยมไม้ป่าเดียวกันนี่สิ! เช่นนั้นแล้วแผนหว่านเสน่ห์ของเธอจะสั่นคลอนหัวใจเขาได้บ้างหรือไม่หนอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท