บทที่ 29ผมจะประคองคุณเอง
จากนั้น เจียงซื้อสื่้อได้หยิบเสื้อผ้ามาใส่อย่างลวกๆ แล้วรีบตาม จิ้นเฟิงเฉินกลับบ้านไป
ในตอนนั้น ยู่หลงเซิ่งจิ่ง กำลังสว่างไสว
ภายในวิลล่า ทั้งพ่อบ้านทั้งคนรับใช้รวมกันราวยี่สิบกว่าคน กำลังรวมตัวกันอยู่ที่ห้องโถงกลาง
จิ้นเฟิงเหราเดินไปเดินมาอยู่ในห้องโถง ดูร้อนรน สายตามองมา ข้างนอกเป็นพักๆ รอคอยกลับมาของพี่ชาย
เซินมู่ป่ายนั่งอยู่ตรงโซฟา มองดูจนเวียนหัว ทนไม่ไหวจนต้อง พูดไปว่า “ผมว่านะ คุณชายรอง คุณช่วยหยุดเดินก่อนได้ไหม?”
จิ้นเฟิงเหราตอบ #ไม่ได้! ผมกลุ้มใจจะตายอยู่แล้ว! คุณเป็นถึง หมอจิตเวชของเสี่ยวเป่าทำไมยังมัวนั่งอยู่ได้? ถ้าเสี่ยวเป่าเกิดเป็น อะไรขึ้นมาจะทำยังไง?”
เสินมู่ป่ายก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ “คุณก็เห็นแล้วหนิ ผมเคยไปเกลี้ย
กล่อมเขาแล้วแต่ก็ไม่ได้ผล”
“ทำไมถึงไม่เอาไหนแบบนี้!” จิ้นเฟิงเหราด้วยความรู้สึกไม่คาด หวัง แล้วก็ถามพ่อบ้านไปด้วยความร้อนรนมากกว่าเดิม “เรื่องนี้ รายงานให้คุณพ่อกับคุณแม่รู้หรือยัง?”
พ่อบ้านตอบกลับด้วยความนอบน้อม “ยังเลยครับ”
“งั้นก็ดี” จิ้นเฟิงเหราโล่งอกขึ้นมากนิดหน่อย ในใจรู้สึกกังวลเป็น อย่างมาก
เรื่องที่เสี่ยวเป่าเกิดเรื่องขึ้นภายใต้ความรับผิดชอบของเขา ถ้า พ่อแม่รู้เข้าเขาคงตายแน่
แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว!
ในตอนนั้นเอง เสียงเครื่องยนต์ที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นที่นอกประตู พ่อ บ้านรีบพูดขึ้นอย่างดีใจว่า “คุณชายรองครับคุณชายใหญ่กลับมาแล้วครับ”
จิ้นเฟิงเหราก็ได้ยินเหมือนกัน เขาจึงรีบวิ่งออกไปนอกบ้าน เหมือนพบเจอทางรอดของตนเองแล้ว วิ่งมาจนถึงตรงหน้าของพี่ชาย พูดด้วยน้ำตาที่คลอเบ้าว่า “ในที่สุดพี่ก็กลับมา รีบไปดูเสี่ยวเป่าเร็ว”
จิ้นเฟิงเฉินเปิดประตูรถออกอย่างไม่ชอบใจ แล้วถามด้วยเสียงที่ ทุ้มลึกว่า “ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกัน? มู่ป่ายมาหรือยัง?”
“ผมมาถึงนานแล้วครับ”
เซิ่นมู่ป่ายยืนอยู่ตรงประตู สายตามองไปยังคนที่เดินลงมาจากที่ นั่งข้างคนขับ
จิ้นเฟิงเหราเองก็เพิ่งสังเกตเห็นเจียงสื้อสื้อเหมือนกัน จึงพูดด้วย ความชอบใจว่า “คุณเจียงมาด้วยเหรอครับ?”
เจียงสื่อสื่อพยักหน้าเบาๆ และไม่ได้ทักทายอะไรมากมาย ในใจ คิดแต่เรื่องของ เสี่ยวเป่า จึงถามไปอย่างร้อนใจว่า “ตอนนี้เสี่ยวเป่าอยู่ ไหนคะ?”
จิ้นเฟิงเฉินตอบ “เดี๋ยวผมพาไป” จากนั้นก็เข้ามาจูงมือเจียง
สื้อสื่อ
เพราะอยู่ในช่วงเร่งรีบ เจียงซื้อซื้อก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร จึงถูก จิ้นเฟิงเฉินดึงขึ้นชั้นบนไปอย่างว่าง่าย
ทั้งคู่มาถึงหน้าห้องของเสี่ยวเป่าอย่างรวดเร็ว
มีเสียงเอะอ่ะดังมาจากในห้อง แล้วก็มีเสียงเหมือนสิ่งของถูก ขว้างดังมาเป็นช่วงๆ ทำเอาเจียงซื้อสื่อถึงกับใจเสียเลย
เธอมองดูจิ้นเฟิงเฉินด้วยความเป็นกังวล แล้วถามไปว่า “จะทำยัง
ไงดี?”
จิ้นเฟิงเฉินให้กำลังใจเธอ “อย่าร้อนใจไปครับ” จากนั้นก็เคาะ ประตู “เสี่ยวเป่าเปิดประตูเร็ว” คนที่อยู่ในห้องพอได้ยินเสียงเรียกก็เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เข
วี้ยงข้าวของเสียงดังกว่าเดิม
“นี่มันไม่ดีแล้ว ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปเกิดเขาเป็นอะไรขึ้นมาจะ ทำยังไง?”
จิ้นเฟิงเหราที่เดินตามมาก็เป็นกังวลไม่แพ้กัน
จิ้นเฟิงเฉินสีหน้านิ่งลึก พอไม่มีการตอบรับเขาก็เคาะประตูต่อ “เสี่ยวเป่า นี่พ่อเอง เปิดประตูเร็ว ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็คุยกับพ่อได้ ห้ามทำลายข้าวของ เป็นเด็กดีนะ!
ผลคือ เสี่ยวเป่าไม่ได้สนใจพ่อเขาเลย!
ไม่ให้เกียรติเลยสักนิด!
เจียงสื้อสื่อร้อนใจไม่ไหวแล้ว จึงรีบยกมือขึ้นมาเคาะประตูบ้าง แล้วพูดกับคนที่ไม่มีความอดทนว่า “เสี่ยวเป่า นี่น้าสื้อสื้อเองนะหนูเป็น อะไร? เปิดประตูให้หน่อยได้ไหม? น้ามาหาหนูแล้วนะ”
เสียงในห้องเงียบลงในทันที มันสงบลงอีกครั้ง
พอจิ้นเฟิงเหราเห็นว่าคำพูดของเจียงสื้อสื้อเกิดผล เขาก็ทำตาโต แล้วมองมาที่พี่สะใภ้
เมื่อกี้เขากับเซิ่นมู่ป่ายเกลี้ยกล่อมอยู่ตั้งนานก็ไม่มีการตอบ สนองอะไรเลย เทียบกับคำพูดเดียวของเจียงสื้อสื้อยังไม่ได้เลย
แต่ว่าจิ้นเฟิงเฉินนั้นรู้ดีอยู่แล้วว่าเจียงสื้อสื้อนั้นค่อนข้างพิเศษ สำหรับเสี่ยวเป่า ดังนั้นเขาจึงมองเจียงซื้อสื่อด้วยสายตาที่ชื่นชม บ่ง บอกให้เธอนั้นทำต่อไป
เจียงสื่อสื่อพยักหน้า แล้วเคาะประตูต่อ “เด็กดี มาเปิดประตูให้ น้าหน่อยดีไหม? น้าเป็นห่วงหนูนะ ยังมีพ่อของหนู อาของหนูพวกเขา ก็เป็นห่วงหนูมากนะ อย่าขังตัวเองไว้ในห้องแบบนี้เลยนะ”
ยังคงไม่มีการตอบรับจากคนในห้อง “.”
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ด้วยความชอบที่เสี่ยวเป่ามีต่อเจียงซื้อสื้อ เขาก็ คงรีบวิ่งมาเปิดประตูให้แล้ว
แต่คืนนี้ มันต่างออกไปจริงๆ เจียงสื้อสื้อยังพูดต่อไปอีกหลายคำ แต่ก็ไม่มีการตอบกลับจากเสี่ยวเป่าเลย
เจียงสื่อสื่อรู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก “คุณจิ้นเฟิงเฉินคะ….เรา ควรทำยังไงดี? เสี่ยวเป่าไม่สนใจฉันเลย เขาคงไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
จิ้นเฟิงเฉินก้มมองแววตาที่วุ่นวายของหญิงสาว จึงได้ยกมือขึ้น มาแตะที่หัวไหล่ของเธอเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “เขา จะต้องไม่เป็นอะไร”
แล้วก็หันหลังไปสั่งจิ้นเฟิงเหราว่า “ไปเอาบันไดมา แล้วปืนขึ้นไป
ทางหน้าต่าง”
“ได้ครับ ผมจะไปทันที”
จิ้นเฟิงเหราไม่กล้ารีรอพาเซิ่นมู่ป่ายกับพ่อบ้านรีบเดินออกไป
สิบนาทีหลังจากนั้น บันไดถูกพาดจากชั้นล่างไปยังหน้าต่างของ
ห้องเสี่ยวเป่า
เจียงสื่อสื่อไม่รอช้าแล้วพูดว่า “ฉันจะไปก่อน”
จิ้นเฟิงเหราลังเลนิดหน่อย เพราะมันค่อนข้างสูงแถมยังอันตราย
อีกด้วย
จิ้นเฟิงเหราตอบ “ได้ครับ เดี๋ยวผมจะประคองให้เอง”
เจียงสื่อสื่อพยักหน้า แล้วรีบปืนขึ้นบันไดไป จิ๋นเฟิงเฉินเองก็รีบ ตามขึ้นไปคอยประคองเจียงซื้อสื้อเอาไว้
จิ้นเฟิงเหรากับเซิ่นมู่ป่ายพอเห็นอย่างนั้น จึงรีบเข้ามาจับบันได เอาไว้แน่นๆ
ผ่านไปครู่หนึ่ง เจียงสื้อสื้อก็ได้มาถึงที่หมายแล้ว พอปืนมาถึง ระเบียงขายังไม่ทันยืนนิ่งเลยเธอก็รีบพุ่งเข้าไปในห้องทันที
พอเข้ามาในห้อง สิ่งที่เห็นคือ สภาพห้องที่เละเทะ ทั้งของประดับ ที่ถูกเขวี่ยงจนแตก เก้าอี้ที่ถูกผลักจนล้ม และของอย่างอื่นอีก
มากมาย คือมันเละเทะมาก
เจียงซื้อสื่อเห็นแล้วก็รู้สึกใจหาย
ถ้าไม่ได้มาเห็นกับตาตัวเอง เธอไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าเด็ก น้อยที่น่ารักอย่างเสี่ยวเป่าจะสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้
เจียงสื้อสื่อไม่มีเวลาให้คิดมาก กวาดตามองไปรอบๆ แล้วสายตา ก็ไปหยุดอยู่ตรงเสี่ยวเป่าที่กำลังขดตัวอยู่ตรงมุมห้อง
ตอนนี้ เด็กน้อยกำลังนั่งอยู่ตรงพื้น สายตาเหม่อลอย มองดูเธอ
อยู่นิ่งๆ
เจียงสื่อสื่อเห็นแล้วก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที
ทั้งๆ ที่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนยังร่าเริงอยู่เลย แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ไป
ได้?