บทที่ 51 บังเอิญจัง ผมก็โสดเหมือนกัน
จิ้นเฟิงเหราพูดไม่ออก เขาคิดมากไปจริงๆ คืนดีอะไรกัน ไม่มีหรอก
นี่พี่ชายตัวเองนั่งรอในรถเฉยๆ เลยหรือ ไม่คิดว่าประธานจิ้นกรุ๊ปจะมีวันนี้นะเนี่ย
แบบนี้จะหาเมียได้ก็บ้าแล้ว สงสัยเขาต้องช่วยหน่อยแล้ว ไม่งั้นพี่สะใภ้โดนแย่งไปก็แย่เลยสิ คิดๆ อยู่ก็มีรอยยิ้มแปลกๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าข’ จิ้นเฟิงเหรา
……………
วันที่สอง เจียงสื้อสื้อมาถึงที่ทำงาน เพื่อนร่วมงานที่นั่งข้างๆ ก็บอกกับเธอว่า “สื้อสื้อ ตอนเย็นบริษัทเรามีงานเลี้ยงนะ อย่าลืมมาล่ะ”
“งานเลี้ยงหรือ?”
“ใช่ บริษัทจัดขึ้น พนักงานทุกคนต้องเข้าร่วม”
ยิ่งคิด เจียงสื้อสื้อยิ่งสงสัยก็เลยถามว่า “ผู้บริหารก็เข้าร่วมหรอ?”
ทำงานที่นี่นานเท่าไหร่เธอก็ยิ่งสงสัยว่าเฒ่าแก่บริษัทนี้เป็นใครกันแน่
เพื่อนร่วมงานขำออกมา “เป็นไปได้ไง งานเลี้ยงเล็กๆ แบบนี้เฒ่าแก่ไม่มาหรอก”
“ก็ได้”
“ตอนเย็นเลิกงานแล้วเธออย่าลืมล่ะ”
ถึงแม้ว่าเจียงสื้อสื้อไม่ค่อยชอบงานเลี้ยงแบบนี้ซะเท่าไหร่ แต่ก็หาข้ออ้างมาปฏิเสธไม่ได้ เพราะตัวเองเป็นพนักงานใหม่เธอก็ทำได้แค่ตอบตกลง
“ค่ะ”
พอพูดจบเจียงสื้อสื้อก็โทรหาเสี่ยวเป่า
พอรับสายเสี่ยวเป่ารีบพูดอย่างตื่นเต้นว่า “น้าสื้อสื้อ”
“เสี่ยวเป่า คืนนี้น้ามีธุระนิดหน่อย อาจจะกลับดึกหน่อยนะ ตอนเย็นผมก็ไม่ได้มาหาน้านะ เดี๋ยวมาเสียเที่ยว”
พอได้ยินเช่นนี้ สีหน้าที่ตื่นเต้นของเสี่ยวเป่าก็เปลี่ยนไป
“ก็ได้ครับ น้าสื้อสื้อยุ่งก่อนเลยครับ”
“ค่ะ เสี่ยวเป่าน่ารักจัง” เจียงสื้อสื้อยิ้มออกมา
เฮ้อ…….. เป็นอีกวันที่ไม่ได้เจอน้าสื้อสื้อ เสี่ยวเป่าวางสายไปพร้อมกับเสียใจเล็กน้อย
……………
ณ ห้องประธาน จิ้นกรุ๊ป จิ้นเฟิงเหราแจ้งเรื่องเกี่ยวกับงานเสร็จก็พูดต่อว่า “พี่ครับ คืนนี้ประธานของเฟินดี้กรู๊ปนัดเจอนะครับ ถ้าไปได้ดีอาจจะได้คุยเรื่องเซ็นสัญญากันนะครับ พี่ต้องไปนะ”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า “ส่งสถานที่และเวลานัดมาให้ฉัน”
“คืนนี้8โมงตรง ที่คลับเฮาส์ดี้จื๋อ” นิ่งไปสักพัก เขาพูดต่ออีกว่า “อย่าลืมนะครับ ต้องไปให้ได้นะครับ”
ถ้าพี่ชายเขาไม่ไป งั้นเขาก็เตรียมเก้อสิ
พอพูดจบ จิ้นเฟิงเหราก็เดินออกไปพร้อมยิ้มๆ
จิ้นเฟิงเฉินเงยหน้าขึ้น จากที่ตัวเองรู้จักน้องมา20กว่าปี ยิ้มนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ
เขารู้สึกได้เบาๆ ว่า จิ้นเฟิงเหราต้องทำอะไรอยู่แน่ๆ
แต่มีสายนึงโทรเข้ามาทำให้จิ้นเฟิงเฉินเลิกคิดเรื่องนี้ไป
………………….
คืนวันนี้ เจียงสื้อสื้อไปกินข้าวกับพวกซูซานหลังเลิกงาน พนักงานในบริษัทมีไม่เยอะ ประมาณ20กว่าคนเอง แล้วทุกคนก็เดินไปที่ร้านด้วยกันอย่างสนุกสนาน
เจียงสื้อสื้อเป็นเด็กใหม่ของบริษัท ซูซานก็เลยแนะนำคนอื่นๆ ให้เธอรู้จัก
เพื่อนร่วมงานเองก็ชอบเธอมาก ยินดีที่จะให้เธอเข้าร่วมด้วย
มือเย็นก็จบลงพร้อมเสียงหัวเราะ
หลังทานข้าวเสร็จซูซานมองไปที่นาฬิกาตรงข้อมือแล้วพูดว่า “เวลายังไม่ถึงเลย นานๆ ทีกว่าทุกคนจะออกมาทานข้าวด้วยกัน เราไปเที่ยวที่คลับเฮาส์แถวนี้สักพักไหม”
“ได้สิได้สิ ฉันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“ไปตามแผนที่ผู้จัดการซูวางเลยค่ะ”
เพื่อนร่วมงานทุกคนเห็นด้วยกับไอเดียนี้ เพื่อนๆ ตื่นเต้นกันขนาดนี้ ถ้าตัวเธอเองไม่ไป…..เจียงสื้อสื้อลังเลนิดหน่อย ปกติแล้วเธอไม่ค่อยชอบที่ที่เสียงดังแบบนั้น
“สื้อสื้อ ไปกันเถอะ”
ซูซานดึงเธอเบาๆ เจียงสื้อสื้อทำอะไรไม่ได้ก็เลยตามไป
……………..
ณ ห้องอาหารคนที่ดื่มเหล้าก็ดื่มไป ส่วนคนที่เล่นไพ่ก็เล่นไป ทุกคนสนุกมาก
“มา สื้อสื้อ ยินดีต้อนรับสู้บริษัทจิ่นซื่อ”
ซูซานเทเหล้ามาสองแก้ว เจียงสื้อสื้อปฏิเสธไม่ได้ ก็เลยดื่มหมดแก้ว
“ขอบคุณที่ผู้จัดการซูคอยดูแลมาตลอดนะคะ”
เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ก็ขยับเข้ามา ทุกคนล้วนอยากดื่มกับเจียงสื้อสื้อทั้งนั้นเลย
ทันใดนั้นก็มีเพื่อนร่วมงานผู้ชายคนหนึ่งพูดล้อเล่นขึ้นมาว่า “สื้อสื้อ เธอสวยขนาดนี้ มีแฟนรึยังครับ?”
เจียงสื้อสื้อยิ้มแบบทำอะไรไม่ถูกแล้วตอบว่า “ไม่มีค่ะ…………”
“จริงหรอครับ บังเอิญจังเลยนะครับ ผมก็โสดเหมือนกัน”
ซูซานเห็นว่าสถานการณ์เริ่มแปลกๆ ก็เลยรีบพูดแซวขึ้นมาว่า “นายโสดเกี่ยวอะไรกับสื้อสื้อล่ะ หวังสูงนะเนี่ยนาย”
เพื่อนร่วมงานผู้ชายต่างก็หัวเราะ “ผู้จัดการซูครับ อย่าพูดอย่างงั้นสิครับ ยังไงผมก็ถือว่าหน้าตาดีสุดในบริษัทนี้แล้วนะ”
“หึ นายเนี่ยนะ”
“ใช่ๆ สื้อสื้อโสดแล้วยังไง ฉันว่านะเขาน่าจะมีคนที่ชอบแล้ว” เพื่อนร่วมงานผู้หญิงที่นั่งข้างๆ พูดขึ้นมา แล้วก็มองไปทางสื้อสื้อ “ใช่ไหม? สื้อสื้อ”
เจียงสื้อสื้อยิ้มแล้วก็พยักหน้าตอบรับ
ตอนแรกเธอแค่ไม่อยากให้เพื่อนร่วมงานมาจีบเธอ ก็เลยตอบไปว่ามีคนที่ชอบแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงคิดถึงจิ้นเฟิงเฉินตอนตอบคำถามนี้
ตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่นะ? พรุ่งนี้เขาจะพาเสี่ยวเป่ามาอีกไหม?
“พอแล้วพอแล้ว ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว มาดื่มเหล้ากัน!” ซูซานพาทุกคนเปลี่ยนเรื่องคุย
………………………
ขณะเดียวกันที่ห้องข้างๆ
จิ้นเฟิงเฉินมองหน้าจิ้นเฟิงเหราอย่างดุ แล้วถามว่า “ไหนนายบอกว่าประธานเฟินดี้กรู๊ปนัดเจอไง?”
มองไปรอบๆ ห้องมีแต่ลูกคนรวยทั้งนั้น ที่มันมาเที่ยวกันชัดๆ
จิ้นเฟิงเหราโดนจ้องจนรู้สึกไม่สบายตัว
“พี่ครับเฟินดี้กรู๊ปบอกว่ามีธุระด่วนมาไม่ได้แล้วครับ ผมก็เลยคิดว่าไหนๆ พี่ก็เหนื่อยมานานแล้ว เราออกมาผ่อนคลายกันหน่อยก็ดีนะ!”
จิ้นเฟิงเฉินเบะปากเล็กน้อยแล้วก็หยิบเสื้อขึ้นมาเตรียมออกไป
“พี่ครับ อย่าเพิ่งไปสิ”
จิ้นเฟิงเหรารีบดึงเขาไว้ พูดด้วยความเร่งรีบ “ไหนๆ ก็มาแล้ว นั่งเล่นสักพักก็ได้ นะครับ ขอร้องล่ะครับ ผมรับปากว่าถ้าพี่นั่งเล่นที่นี่สักพักต้องได้อะไรที่ดีกว่ากลับไปแน่นอน”
เขาจะให้พี่กลับไปง่ายๆ แบบนี้ได้ไง อย่างงี้ทุกอย่างที่วางแผนมาก็เสียเปล่าสิ
“แค่ครึ่งชั่วโมงนะ”
สุดท้ายจิ้นเฟิงเฉินก็ไม่ได้กลับไปทันที
……………..
อีกห้องนึงเจียงสื้อสื้อดื่มไม่ไหวแล้ว แค่ไม่กี่แก้วเธอก็เริ่มมึนหัวแล้ว
ให้ห้องนั้นเสียงดังเกินไป เธอนวดที่หัวเบาๆ แล้วหาข้ออ้างไปเข้าห้องน้ำ
เจียงสื้อสื้อล้างหน้าไปก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมา เธอค่อยๆ เดินออกจากห้องน้ำเตรียมกลับไปที่ห้อง
พอเดินไปเจียงสื้อสื้อเห็นเงาที่คุ้นเคย
ผู้ชายคนนั้นนั่งพิงกำแพง ใบหน้าที่หล่อเหลาไม่แสดงสีหน้าใดๆ เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีเทาตรงปกเสื้อแอบเปิดออกเล็กน้อย ดุแล้วเซ็กซี่และมีเสน่ห์ ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นมาเฟีย จนทำให้พวกผู้หญิงที่เดินผ่านก็จ้องมองเขาแต่ก็ไม่กล้าเข้าไปทัก
จิ้นเฟิงเฉินก้มหน้าไว้ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ทันใดนั้น เจียงสื้อสื้อนึกว่าตัวเองดื่มเยอะเกินไปจนตาฝาด นี่มัน…..จิ้นเฟิงเฉินจริงๆ ด้วย
เจียงสื้อสื้อไม่เคยคิดเลยว่าจะเจอในสถานการณ์แบบนี้
ทำไงดี? เหมือนว่าเขายังไม่เห็นเธอ หรือว่ารีบหนีไปตอนนี้เลย แต่สุดท้ายมันก็ไม่ทันแล้ว……
เหมือนว่าเขารู้สึกว่ามีคนมองอยู่ จิ้นเฟิงเฉินก็เงยหน้าขึ้น เขาสองคนสบตากัน ทันใดนั้นทั้งคู่อึ้งไปสักพัก