บทที่ 57 ก็แค่เด็กไม่มีพ่อ
หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเสียงของผู้ชาย
“รีบนอนนะ พรุ่งนี้ฉันไปรับเธอ”
จิ้นเฟิงเฉินนี่นา
ใจของเจียงสื้อสื้อเต้นแรงมาก เธอตอบกลับไปว่า “ค่ะ”
“อื้ม ฝันดีนะ”
“ฝันดีค่ะ”
พอวางสายไป เจียงสื้อสื้อนิ่งไปสองสามวิถึงจะเก็บโต๊ะแล้วก็ไปพักผ่อน
……………….
วันถัดมา จิ้นเฟิงเฉินมารับ เจียงสื้อสื้อไปแต่งหน้าที่บ้านตระกูลจิ้นตั้งแต่เช้า
พอไปถึงบ้านตระกูลจิ้น เจียงสื้อสื้อก็หยิบเอกสารวางแผนงานให้จิ้นเฟิงเฉินดู
“งานวางแผนงานวันเกิดของเสี่ยวเป่าทำเสร็จแล้ว นายลองดูหน่อยว่ามีตรงไหนต้องแก้ไหม”
จิ้นเฟิงเฉินรับเอกสารมาจากมือเธอแล้วเปิดดู
งานที่ทำดูละเอียดมาก มีองศ์ประกอบหลายอย่าง เป็นของที่เสี่ยวเป่าชอบทั้งนั้นเลย
แสดงว่าเจียงสื้อสื้อตั้งใจกับงานชิ้นนี้มาก
ไม่น่าล่ะสองสามวันมานี้แค่เสี่ยวเป่าอยากจะเจอเธอสักครั้งนึงยังยากเหลือเกิน กำลังทำงานนี้อยู่นี่เอง
“เป็นไงบ้าง?” เจียงสื้อสื้อเอ่ยปากถาม
จิ้นเฟิงเฉินตอบกลับไปว่า “ไม่มีปัญหาอะไรนะ ทำได้ดีมาก ขอบคุณนะเจียงสื้อสื้อ”
“เสี่ยวเป่ามีความสุขก็ดีแล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินยื่นเอกสารไปให้ผู้ช่วย
“วันเกิดเสี่ยวเป่าก็ทำตามนี้เลย”
“ค่ะ ท่านประธาน”
ผู้ช่วยรับเอกสารไป แล้วก็เดินออกจากห้องไป
เจียงสื้อสื้อแอบยิ้มเล็กน้อย ในที่สุดก็ทำภารกิจสำเร็จสักที เธอโล่งอกทันที สิ่งเดียวที่เธอคิดคืออยากให้เสี่ยวเป่าได้มางานวันเกิดที่จำได้ไม่ลืมสักครั้งนึง
หลังจากนั้นแม่บ้านก็เริ่มช่วยกันแต่งหน้าให้พวกเขา เสี่ยวเป่าแสดงเป็นหนูน้อยหมวกแดงที่ที่ปากแดงน่ารัก เขาเป็นเหมือนวันนั้นเลย ดูน่าเอ็นดูและยังคงน่ารักมากๆ
ถึงแม้ว่าเจียงสื้อสื้อจะแสดงเป็นคุณยาย แต่ก็เป็นคุณยายที่สาวที่สุด เขาแต่งหน้าบางๆ แต่ดูดี
“น้าสื้อสื้อสวนมากเลยครับ” เสี่ยวเป่าชมเธอ
เจียงสื้อสื้อยิ้ม “เสี่ยวเป่าของเราก็น่ารักเหมือนกัน”
แต่หมาป่าที่จิ้นเฟิงเฉินแต่งนั้น……กน้าเขาดูนิ่งๆ ดูหล่อมาก เสื้อชุดนี้ใส่ไว้บนตัวเขาแล้วดูน่ารักแปลกๆ
เจียงสื้อสื้อเห็นแล้วรู้สึกอยากหัวเราะมาก เธอพูดต่อว่า “คุณจิ้นหล่อจริงๆ เลยนะคะ เสี่ยวเป่าเห็นด้วยไหม”
เสี่ยวเป่ามองไปที่พ่อของตัวเองแล้วพยักหน้า
“ครับ รู้สึกว่าแดดดี๊น่ารักกว่าเสี่ยวเป่าอีก”
โอ้โห คำว่าน่ารักใช้บนตัวของจิ้นเฟิงเฉินแล้วเจียงสื้อสื้ออดขำไม่ได้
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วถ่ายรูปไปหลายรูป
ใบหน้าอันหล่อเหลาของจิ้นเฟิงเฉินดูไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่ แต่พอเห็นรอยยิ้มของเจียงสื้อสื้อ มุมปากของเขาก็แอบยิ้มขึ้นช้าๆ และเขาก็ไม่ได้ห้ามที่เธอถ่ายรูป
พอทุกอย่างเตรียมเสร็จหมดแล้ว ทั้งสามคนก็ออกเดินทางไปที่โรงเรียน
บรรยากาศในรถอบอุ่นมาก ทั้งสามคนซ้อมบทพูดกันอยู่
ถึงแม้ว่ายังไม่เคยได้ลองแสดงดู แต่ไม่รู้ทำไมเจียงสื้อสื้อเชื่อมั่นในความเข้าใจตรงกันของพวกเขา
พอไปถึงโรงเรียนจิ้นเฟิงเฉินก็เอารถไปจอด เจียงสื้อสื้อพาเสี่ยวเป่าเข้าไปข้างในไปก่อน
พอลงจากรถ เสี่ยวเป่าก็เรียกเจียงสื้อสื้อด้วยน้ำเสียงที่หวานๆ ว่า “หม่ามี๊!”
ตอนนี้เจียงสื้อสื้อมาเป็นผู้ปกครองของเสี่ยวเป่า ชื่อเรียกก็ต้องเปลี่ยนเหมือนกัน
แต่ไม่รู้ทำไม พอเธอได้ยินคำว่าหม่ามี๊แล้วเธอรู้สึกโดนสะกิดใจแรงๆ นานกว่าจะดึงสติกลับมา
เธอลูบหัวเสี่ยวเป่าแล้วยิ้มพร้อมตอบว่า “ค่ะ ไปกันเถอะ”
เสี่ยวเป่าพาเจียงสื้อสื้อไปแนะนำกับครูเสร็จก็พาไปแนะนำกับเพื่อนๆ ต่อ
“เสี่ยวเป่านี่แม่นายหรอ? สวยจังเลย”
“ใช่ครับ”
เสี่ยวเป่าหัวเราะออกมา เจียงสื้อสื้อเองก็หัวเราะออกมาด้วย เธอพูดคุยกับผู้ปกครองคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ตรงนั้น
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาว่า
“เจียงสื้อสื้อนี่เธอจริงด้วยหรอเนี่ย?”
เจียงสื้อสื้อหันกลับไป มีผู้หญิงอายุ20กว่าๆ ถือกระเป๋าLVในมือ ทั้งตัวเธอมีแต่เสื้อผ้าแบรนด์เนม เธอแต่งหน้ามาอย่างดูดี เธอกำลังมองเจียงสื้อสื้อด้วยสายตาที่ไม่ค่อยดี
เจียงสื้อสื้อเองก็รู้จักผู้หญิงคนนี้เหมือนกัน คนนี้คือหลานชิ่งน้องสาวของหลานซือเฉิน
สามีกับลูกของเธอยืนอยู่ข้างๆ เธอ
โลกกลมจริงๆ เลย ไม่คิดว่าลูกของหลานชิ่งก็เรียนอยู่โรงเรียนนี้เหมือนกัน
หลานชิ่งเกลียดเธอตั้งแต่เมื่อก่อนเธอที่ตาบอดไปคบกับหลานซือเฉินแล้ว เธอพยายามแกล้งเธอตลอด พูดเรื่องไม่ดีต่อหน้าพ่อแม่ตระกูลหลาน แต่ทางกลับกันเธอคอยพยายามทำดีกับเจียงนวลนวลอยู่เรื่อย
พอเห็นเจียงสื้อสื้อ หลานชิ่งก็รู้สึกเหมือนสเหนียด พูดด้วยน้ำเสียงที่หยิ่งว่า “เจียงสื้อสื้อ ทำไมเป็นถึงเป็นเหมือนตัวเฮงซวยเลย”
หลานชิ่งไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่เธอได้ข่าวเรื่องพี่ชายแขนเกือบหักเพราะ เจียงสื้อสื้อจากทางโทรศัพท์ และธุรกิจระหว่างตระกูลหลานตระกูลเจียงกับตระกูลจิ้นก็ล่มเพราะเจียงสื้อสื้อเหมือนกัน
แต่ความจริงเป็นเพราะอะไรกันแน่ หลานชิ่งไม่รู้
เจียงสื้อสื้อก้มหน้าไว้ เธอไม่อยากทะเลาะกับหลานชิ่งต่อหน้าเสี่ยวเป่าและในที่สาธารณะ
แต่เหมือนว่าหลานชิ่งไม่ยอมปล่อยโอกาสที่จะจัดการเจียงสื้อสื้อไปได้ เธอพูดต่ออีกว่า “หลายปีที่เธอไม่อยู่ ตระกูลหลานกับตระกูลเจียงก็ใช่ชีวิตกันได้ดี แต่พอเธอโผล่มา ก็มาทำให้ตระกูลหลาน กับตระกูลบ้านพี่สะใภ้ยุ่งวุ่นวายไปหมด แถมยังทำให้พี่ชายฉันนอนโรงพยาบาลมาตั้งนาน ตอนนั้นขายหน้าตระกูลตัวเอง หลายปีผ่านไปก็ยังเหมือนเดิมเลยนะ เป็นแต่ภาระให้คนที่บ้าน”
“หลานชิ่ง พอได้แล้วนะ” สายตาเจียงสื้อสื้อเริ่มไม่ดี
หลานซือเฉินกับตระกูลเจียง คนนึงก็ตีเธอจนสลบแล้วจับตัวไป อีกคนก็แย่งแม่เธอไป ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ทำตัวเองทั้งนั้นเลยไม่ใช่หรอ?
“ทำไม? ฉันพูดอะไรผิดหรอ?” หลานชิ่งเดินเข้าไปหนึ่งก้าว เธอดูเกร่งมาก
พอเสี่ยวเป่าเห็น ก็รีบเดินออกมาแล้วพูดว่า “คุณป้าใจร้าย ห้ามรังแกแม่ฉันนะ”
เจ้าเด็กน้อยมองดูหลานชิ่งด้วยสายตาที่ระแวง
แดดดี้ไม่อยู่ เขาต้องปกป้องหม่ามี้ให้ดี
หม่ามี๊? หลานชิ่งเห็นเสี่ยวเป่าที่ยืนอยู่ข้างหน้า ก็รู้สึกตัวมาได้ว่า ใช่ ที่นี่มันโรงเรียนอนุบาลหนิ
เธอมองไปที่เจียงสื้อสื้อ ยิ้มแบบดูถูก
“นี่หรอเด็กไม่มีพ่อที่เธอไปท้องกับผู้ชายคนอื่น?”
รอบๆ ตัวมีคุณแม่อยู่หลายคน ทุกคนรู้ว่าหลานชิ่ง เป็นน้องสาวของหลานซือเฉิน ทุกคนก็เข้าข้างเธอมาก พอได้ยินเช่นนี้ทุกคนก็นินทากัน
“พี่ชิ่ง นี่ใครคะ? เด็กไม่มีพ่อหรือ?”
ผู้ปกครองที่ตอนแรกยังคุยดีกับเจียงสื้อสื้ออยู่ ตอนนี้ก็เดินออกห่างจากเธอไปหลายก้าวเลย
หลานชิ่งยิ้มแล้วพูดต่อว่า “นี่เป็นแฟนเก่าของพี่ชายฉัน เธอไม่ค่อยรักนวลสงวนตัวเท่าไหร่ ตอนนั้นเธอหักหลังพี่ชายฉันแล้วก็ไปมีลูกกับผู้ชายคนอื่น”
“ฉันจะบอกให้นะ ถ้าเจอเธอเมื่อไหร่ล่ะก็ ไม่มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นแน่นอน ไม่รู้เหมือนกันว่าลูกเธอจะเหมือนเธอรึเปล่านะ”
ความสามารถในการพูดผิดเป็นถูกของหลานชิ่งนี่เก่งจริงๆ เธอรู้สึกได้ถึงสายตาของผู้ปกครองคนอื่นๆ พวกเขายังบอกกับลูกตัวเองอีกว่าให้อยู่ห่างๆ จากเสี่ยวเป่า ไม่ต้องเล่นกับเสี่ยวเป่าอีก
เจียงสื้อสื้อโกรธขึ้นมาทันที เธอจ้องไปที่หลานชิ่ง แล้วเอ่ยปากถามอย่างเย็นชาว่า “นี่เธอบอกว่าใครเป็นลูกไม่มีพ่อ?”
หลานชิ่งจะว่าเธอยังไงก็ได้ แต่เสี่ยวเป่าคือเส้นตายของเธอ เจียงสื้อสื้อแสดงท่าทีโกรธแล้วร้ายออกมา