ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 140 เธอเทียบซูชิงหยิงไม่ได้

บทที่ 140 เธอเทียบซูชิงหยิงไม่ได้

บทที่ 140 เธอเทียบซูชิงหยิงไม่ได้

หลังออกมาจากบ้านตระกูลซู คุณนายจิ้นก็กลับบ้านด้วยอารมณ์คุกรุ่น

เมื่อมาถึงบ้าน คุณท่านจิ้นเห็นภรรยาตัวเองนั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าไม่ดีนักจึงเอ่ยถาม “เป็นอะไรไป? ไปบ้านตระกูลซูมาไม่ใช่หรอ?”

“ก็ใช่น่ะสิคะ! แถมยังได้ยินว่าลูกชายตัวดีของเราทิ้งหนูชิงหยิงไว้แล้วเดินออกจากงานเลี้ยงไปพร้อมกับเจียงสื้อสื้อเมื่อคืน เพราะแบบนี้ชิงหยิงก็เลยป่วย วันนี้ไม่ได้ไปทำงาน”

ฟังจบ คุณท่านจิ้นก็ค่อยๆขมวดคิ้ว

“มีเรื่องแบบนี้ด้วย?”

“ฉันจะหลอกคุณทำไมล่ะคะ! แม่เจียงสื้อสื้อเคยรับปากกับฉันไว้แล้วแท้ๆว่าจะไม่มาวุ่นวายกับเฟิงเฉินแล้วก็เสียวเป่าอีก แต่ตอนนี้กลับโผล่มาเกาะแกะเฟิงเฉินเป็นว่าเล่น คุณบอกซิว่าฉันจะไม่โมโหได้หรอ?”

คุณท่านจิ้นจับประเด็นสำคัญจากประโยคเมื่อสักครู่ได้ จึงถามขึ้น “คุณเคยไปเจอเธอมาก่อนหรอ?”

เรื่องที่คุณนายจิ้นเคยไปเจอเจียงสื้อสื้อแทบจะไม่มีใครรู้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป

“ใช่ค่ะ! ก็ลูกชายเราไม่ยอมปล่อยเธอ ฉันไม่มีทางเลือกเลยต้องทำให้แม่เจียงสื้อสื้อเป็นฝ่ายออกไปจากชีวิตเฟิงเฉินกับเสียวเป่า ตอนนั้นแม่นั่นรับปากฉันดิบดี ใครจะคิดว่าจะพูดอย่างทำอย่างแถมยังตามเกาะแกะเฟิงเฉินไม่จบไม่สิ้น”

คุณท่านจิ้นขมวดคิ้วเล็กๆ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าภรรยาตัวเองจะไปหาเจียงสื้อสื้อเพื่อพูดสิ่งเหล่านี้ เขาไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีของเธอนัก แต่แม่เจียงสื้อสื้อนี่ก็กลับคำไปมา มันก็สมควรอยู่ที่จะสงสัยว่าเธอเป็นคนยังไง

หลักจากใช้ความคิด คุณท่านจิ้นก็พูดขึ้น “เย็นนี้เรียกเฟิงเฉินมากินข้าวที่นี่เถอะ!”

เรื่องแต่งงานของจิ้นเฟิงเฉิน ดูท่าทางพวกเขาคงต้องคุยกันให้รู้เรื่องสักหน่อยแล้ว

แน่นอนว่าคุณนายจิ้นก็เห็นด้วย จึงสั่งให้แม่บ้านโทรศัพท์ทันที

……

แม้ว่าจิ้นเฟิงเฉินจะมีงานทำจนล้นมือ แต่เมื่อรับโทรศัพท์เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธที่บ้าน ยังไงซะคำพูดของแม่ก็เป็นหนามตำอยู่ในใจของเจียงสื้อสื้อมาตลอด ถึงเวลาที่เขาจะต้องคุยกับพ่อแม่ให้รู้เรื่องสักที

คืนวันนั้น ขณะที่จิ้นเฟิงเฉินกำลังพาเสียวเป่ากลับบ้าน จิ้นเฟิงเหราก็มาด้วยเช่นกัน

ทันทีที่เข้าประตูมา จิ้นเฟิงเหราก็เอ่ยปาก “คุณแม่คร้าบ ลูกชายคนเล็กของแม่ก็กลับมาด้วย เซอร์ไพรส์ไหมล่ะ ดีใจหรือเปล่า?”

เสียวเป่าก็ตะโกนเรียกเสียงหวาน “คุณย่าฮับ!”

คุณนายจิ้นอุ้มเสียวเป่าขึ้นมาไว้ในอ้อมอก แล้วปรายหางตามองจิ้นเฟิงเหรานิ่งๆ “ฉันไม่ได้เรียกแกสักหน่อย กลับมาทำไม?”

จิ้นเฟิงเหรา “…”

คำพูดที่แสนขับไล่ไสส่งนี้ทำให้จิ้นเฟิงเหรารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างมหาศาล ตกลงเขาเป็นลูกแท้ๆของแม่หรือเปล่า? ถึงจะพูดยังไงก็ไม่ได้เจอกันตั้งหลายอาทิตย์…

ทุกคนนั่งอยู่ในห้องรับแขก ตอนที่ใกล้จะได้เวลาตั้งโต๊ะ คุณท่านจิ้นก็พูดขึ้น “เฟิงเฉินมาคุยกับพ่อที่ห้องหนังสือหน่อย”

จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า ก่อนจะเดินขึ้นห้องหนังสือตามพ่อไป คุณนายจิ้นก็ตามไปด้วยเช่นกัน

จิ้นเฟิงเฉินมองดูสถานการณ์ ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ถ้าจะคุยกันเรื่องงานเขาก็พอจะเข้าใจได้ แต่คุณแม่ก็เดินตามขึ้นไปด้วยแสดงว่าต้องไม่ใช่แค่เรื่องงานเป็นแน่

ถึงยังไงพวกเขาก็เป็นแม่ลูกแท้ๆ ตอนที่เดินเข้าประตูมาเขาก็พอจะรู้สึกได้ว่าแม่ตัวเองไม่ปกติ ขนาดเสียวเป่ายังรู้สึกได้

“คุณอาฮะ คุณตาจะคุยอะไรกับคุณพ่อหรอฮับ? ทำไมพวกเราถึงฟังด้วยไม่ได้?”

จิ้นเฟิงเหราเองก็อยากรู้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงปล่อยเสียวเป่าลง

“เสียวเป่านั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกก่อนนะ! แป๊บเดียวอาก็กลับมา”

พูดจบ จิ้นเฟิงเหราก็เดินขึ้นไปห้องข้างๆห้องหนังสือทันที

……

ภายในห้องหนังสือ คุณนายจิ้นเป็นฝ่ายเริ่ม “วันนี้แม่ไปบ้านตระกูลซูมา แม่กับป้าซูปรึกษากันแล้ว เรากับหนูชิงหยิงน่ะเหมาะสมกันที่สุด รีบๆจัดการเรื่องนี้ให้มันชัดเจนสักทีเถอะ! ถ้าเราไม่อยากแต่งก็หมั้นไว้ก่อน ส่วนงานที่บริษัทก็ให้พ่อเขาช่วยดูให้ ไหนจะยังมีเฟิงเหรา เรื่องงานแต่งน่ะแม่จะเป็นธุระให้เอง ถึงตอนนั้นแกแค่มีหน้าที่เป็นเจ้าบ่าวก็พอ”

“ใช่เฟิงเฉิน อายุแกก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว ตอนนี้หน้าที่การงานก็ประสบความสำเร็จ เหลือก็แค่เรื่องแต่งงานนี่ล่ะ แต่งงานกับชิงหยิง จะได้มีคนคอยดูแลคอยอยู่เป็นเพื่อนแก พ่อกับแม่จะได้สบายใจ”

จิ้นเฟิงเฉินค่อยๆขมวดคิ้ว แม้ว่าท่าทีของพ่อกับแม่จะหนักแน่นไม่น้อย แต่ท่าทีของเขาก็หนักแน่นไม่แพ้กัน

“คุณพ่อคุณแม่ครับ ก่อนหน้าผมเคยพูดสิ่งที่ผมต้องการไปแล้ว ผมจะไม่แต่งงานกับซูชิงหยิง ตอนนั้นเงื่อนไขที่ผมยอมสืบทอดบริษัทต่อ ก็เพราะพ่อกับแม่จะไม่มายุ่งวุ่นวายเรื่องแต่งงานของผม ผมเคารพพ่อกับแม่ แต่หวังว่าพ่อกับแม่จะไม่มาวุ่นวายกับเรื่องนี้อีก”

เงียบไปเล็กน้อย จิ้นเฟิงเฉินก็หันไปพูดกับคนเป็นแม่ “โดยเฉพาะเรื่องที่ไปหาเจียงสื้อสื้อ คุณแม่ครับ ผมว่าหวังแม่จะไม่ทำแบบนั้นอีก”

ได้ยินดังนั้น คุณนายจิ้นก็ควบคุมสีหน้าไม่อยู่อีกต่อไป เธอคิดไม่ถึงว่าจิ้นเฟิงเฉินจะรู้เรื่องที่เธอไปหาเจียงสื้อสื้อแล้ว

“เฟิงเฉิน แม่นั่นมีอะไรดีนักหนาแกถึงได้ปกป้องไม่หยุด พื้นเพครอบครัวเธอก็สู้ตระกูลซูไม่ได้สักอย่าง ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบ้าน การที่คนในครอบครัวทำถึงขนาดนั้นได้ แสดงว่าเธอต้องทำเรื่องอะไรที่อับอายขายหน้าเป็นแน่”

คุณนายจิ้นเริ่มมีน้ำโห จึงพูดจาหุนหันพลันแล่นออกไป

“ในงานเลี้ยงวันเกิดตอนนั้นตระกูลหลานก็เคยพูดอยู่ เพราะผู้หญิงคนนี้มีนิสัยรักสนุกถึงได้สั่งให้ยกเลิกงานหมั้นกับลูกชายเขา เฟิงเฉิน ผู้หญิงแบบนี้ไม่เหมาะจะแต่งเข้าบ้านเราหรอก แต่ตรงกันข้าม ตระกูลซูน่ะใช้ได้เลย ชิงหยิงเองก็รู้งานที่บริษัท ต่อไปยังช่วยงานแกได้”

ได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของเฟิงเฉินก็ดำทะมึน

“คุณแม่ครับ ตระกูลเราต้องอาศัยสะใภ้รวยๆเพื่อรักษาธุรกิจตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“นี่มันไม่ใช่แค่เรื่องสมหรือไม่สมฐานะ ประเด็นมันอยู่ที่แม่เจียงสื้อสื้อนั่นไม่ใช่ผู้หญิงดีต่างหาก เธอไม่เหมาะสมกับแก เฟิงเฉินเชื่อฟังแม่สักครั้งเถอะ ตัดขาดกับเจียงสื้อสื้อซะ!”

“ไม่มีวันครับ” จิ้นเฟิงเฉินพูดตัดจบ

จะให้เขาตัดขาดจากเธอ นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่ทางเกิดขึ้นได้

“แก…” เห็นจิ้นเฟิงเฉินดึงดันถึงขนาดนี้ คุณนายจิ้นก็โกรธจนหน้าเขียว

เมื่อเห็นว่าทั้งคู่กำลังจะทะเลาะกัน คุณท่านจิ้นจึงรีบห้ามศึก

“เฟิงเฉิน เราไม่ได้จะห้าม แต่แม่เขาก็อยากให้แกได้ดี ดูแกในตอนนี้สิ กำลังต่อต้านแม่เขาอยู่นะ”

จิ้นเฟิงเฉินหลบตาระงับอารมณ์ เขาเม้มปากแล้วเอ่ย “ขอโทษครับคุณแม่ ผมรู้ว่าแม่เป็นห่วงผม แต่ผมหวังว่าพ่อกับแม่จะเข้าใจแล้วจะไม่บังคับผมอีก งานแต่งของผม ผมหวังว่าจะเป็นคนเลือกด้วยตัวเอง”

พูดจบ จิ้นเฟิงเฉินก็เดินออกจากห้องหนังสือด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

……

จิ้นเฟิงเหราเองก็เดินออกจากห้องข้างๆด้วยเช่นกัน สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ เขาได้ยินมันทั้งหมด

ไม่น่าล่ะ! ก่อนหน้านี้พี่สะใภ้ถึงได้พยายามหลบหน้าพี่ตลอด ที่แท้เป็นเพราะคุณแม่ไปคุยกับเธอนี่เอง!

แม่เขานี่ก็จริงๆเลย ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่! คิดๆอยู่ จิ้นเฟิงเหราก็เดินเข้าห้องหนังสือ คุณนายจิ้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ สีหน้าขุ่นเคืองดูไม่ได้ ดูท่าทางจะยังโมโหไม่หาย

“คุณแม่อย่าโมโหสิครับ พี่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย พี่เป็นคนยังไงแม่ก็รู้ดีนี่นา พี่ชิงหยิงไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ แต่ถ้าพี่เขาก็ชอบก็คงชอบไปนานแล้ว พ่อกับแม่เล่นเอาผู้หญิงที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีพี่เขาก็ไม่ชอบมายัดเยียดให้แต่งงานด้วย แบบนี้มันไม่เรียกกว่าบังคับหรอ?”

“แต่พี่เราก็ไม่ควรเลือกผู้หญิงแบบนั้นนี่ ในโลกนี้มีผู้หญิงตั้งเยอะแยะ ต่อให้จะไม่ชอบชิงหยิงก็เลือกผู้หญิงคนอื่นได้! แต่นี่…”

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท