ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 252 หม่ามี๊จะตายมั้ย

บทที่ 252 หม่ามี๊จะตายมั้ย

บทที่ 252 หม่ามี๊จะตายมั้ย

เจียงสื้อสื้อในอ้อมแขนไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินก็ยิ่งเคร่งเครียดยิ่งขึ้น

เขาแทบจะใช้แรงที่มีอยู่ปกติทั้งหมดถึงจะสามารถวิ่งมาถึงตีนเขาได้

บุคลากรทางการแพทย์หลายคนรีบมากในการอยากจะรับตัวเจียงสื้อสื้อ

แต่จิ้นเฟิงเฉินหน้าเคร่งไม่มีทีท่าจะปล่อยมือออกจากตัวเธอเลย

เขาอุ้มเจียงสื้อสื้อขึ้นรถพยาบาลแล้วนั่งลงข้างๆ

หมอที่มีส่วนร่วมในการกู้ภัยฉุกเฉินขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างไม่พอใจ “ขอเชิญคุณหลีกทางด้วยครับ อย่ากีดขวางผมในการรักษาคนไข้”

จิ้นเฟิงเฉินถึงมานั่งอีกฝั่งอย่างห่อเหี่ยวเพื่อที่จะได้เหลือที่ว่างที่เพียงพอให้แก่หมอ

เขาไม่เคยกลัวขนาดนี้มาก่อน กลัวว่าเธอจะจากเขาไป

สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ร่างเธอตลอดเวลา ไม่กล้าที่จะละสายตาไปแม้แต่วินาทีเดียว

รถพยาบาลมาถึงโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด พอรถจอดบุคลากรทางการแพทย์ก็พาเธอขึ้นรถผ่าตัด

เขาอยากจะเข้าไปด้วยแต่กลับถูกพยาบาลห้ามไว้ “คุณคะ นี่เป็นห้องผ่าตัด เข้าไม่ได้ค่ะ”

จิ้นเฟิงเฉินถูกกันให้อยู่ข้างนอกห้องผ่าตัด ไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ของเจียงสื้อสื้อเป็นยังไงบ้าง

ที่ปลายทางเดิน จิ้นเฟิงเหราเดินกะเผลกเข้ามา

“พี่ พี่สะใภ้ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”

จิ้นเฟิงเหราเป็นห่วงสุดขีด เขาพุ่งลงเขามาโดยไม่สนใจแผลที่เท้า

“เสี่ยวเป่าล่ะ?” จิ้นเฟิงเฉินมองไปด้านหลังเขาไม่เห็นเงาเสี่ยวเป่า

“แดดดี๊ เสี่ยวเป่าอยู่นี่” ดวงตาเสี่ยวเป่าแดงจากการร้องไห้ ใบหน้ากลมขาวร้องไห้จนใบหน้าเลอะไปหมด

เสี่ยวเป่าวิ่งออกมาจากกลุ่มเหล่าคุณชายอย่างรวดเร็วแล้วโผเข้าหาอ้อมอกจิ้นเฟิงเฉิน

“แดดดี๊ หม่ามี๊จะตายมั้ย?” มือเสี่ยวเป่ากำเสื้อจิ้นเฟิงเฉินแน่น

จิ้นเฟิงเฉินเห็นท่าทางเสี่ยวเป่าทั้งกลัวทั้งเสียใจเช่นนี้ก็ทนแทบไม่ไหว เขาอุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นแล้วปลอบโยน “เสี่ยวเป่าต้องเชื่อใจหม่ามี๊นะครับ หม่ามี๊ไม่มีทางทิ้งพวกเราไป”

ประโยคนี้เขาไม่รู้ว่ากำลังพูดปลอบเสี่ยวเป่าหรือตัวเขาเองกันแน่

การรอคอยทำให้คนร้อนใจ

จิ้นเฟิงเหราทำลายความเงียบแล้วพูดอย่างเว่อร์ๆว่า “พี่ เสี่ยวเป่าไม่เคยให้คนแปลกหน้าเข้าใกล้มาโดยตลอด แต่ตอนที่เพิ่งจะลงมาจากเขาพวกคุณชายหลี่ก็อุ้มเขาลงมาโดยที่เขาไม่หนีเลย”

เขาอยากจะดึงความสนใจของจิ้นเฟิงเฉินแต่ไม่คิดเลยว่าแววตาของจิ้นเฟิงเฉินจะยิ่งโศกเศร้ากว่าเดิม

ถ้าเสี่ยวเป่าไม่ได้ร้อนใจมากเขาคงไม่มีทางให้ใครเข้าใกล้

การรู้ความของเสี่ยวเป่าทำให้จิ้นเฟิงเฉินตำหนิตัวเองที่ไม่ได้ดูแลพวกเขาให้ดี

ตอนนั้นเองจิ้นเฟิงเหราเพิ่งจะสังเกตเห็นบาดแผลบนตัวของเขาจึงรีบพูดขึ้น “พี่ พี่บาดเจ็บ! พยาบาลครับมาดูพี่ผมหน่อย”

พยาบาลเข้ามาแต่จิ้นเฟิงเฉินกลับไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้

“ไม่ต้องยุ่งยากหรอก” เขาทำสีหน้าเย็นชาไม่ยอมออกจากที่นี่ไปที่ทำแผล

เผื่อว่าสื้อสื้อออกมา เขาหวังว่าคนที่เธอจะเห็นเป็นคนแรกก็คือตัวเขา

จิ้นเฟิงเหราเห็นว่าบนตัวเขาเต็มไปด้วยบาดแผลก็หงุดหงิดขึ้นมา “พี่ เลิกทำเก่งสักที ถ้าไม่ทำแผลภายนอกให้เรียบร้อยแล้วเกิดติดเชื้อขึ้นมาจะทำยังไง?”

“ไม่ต้องมาเกลี้ยกล่อมฉัน” เมื่อเขาตัดสินใจแล้วไม่มีทางเปลี่ยนใจ

เวลาเดินผ่านไป 1ชั่วโมงแล้ว

เจียงสื้อสื้อยังไม่ออกมา จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกทรมานมาก ขณะที่เขาใกล้จะทนไม่ไหวเขาก็ยืนขึ้น

เขาอยากจะหาคนเพื่อถามถึงอาการของเจียงสื้อสื้อ

ตอนนั้นเองประตูห้องผ่าตัดเปิดออก

จากนั้นรถเข็นก็ถูกผลักออกมา ร่างกายของเจียงสื้อสื้อถูกพันไปด้วยผ้าก๊อซ ฉากนั้นชวนให้รู้สึกน่าตกใจนัก

หัวใจจิ้นเฟิงเฉินบีบแน่น เธอบาดเจ็บหนักขนาดนี้เลยหรอ?

หมอเดินตามออกมา จิ้นเฟิงเฉินจึงรีบเข้าไปถามอาการทันที “หมอครับ อาการเธอเป็นยังไงบ้าง?”

“ส่วนใหญ่เป็นแผลถลอกภายนอกครับ เห็นแล้วอาจตกใจแต่ก็จัดการรักษาแผลได้ทันเวลา ตอนนี้ไม่ได้อันตรายต่อชีวิตแล้วครับ”

หมอพูดต่ออีกว่า “ศีรษะของคนไข้ได้รับความกระทบกระเทือนเล็กน้อย ขอให้ครอบครัวคอยสังเกตอาการของเธออย่างใกล้ชิดด้วยนะครับ”

จิ้นเฟิงเฉินจำทุกคำได้เป็นอย่างดี เขาให้โรงพยาบาลนำตัวเจียงสื้อสื้อพักรักษาตัวที่ห้องผู้ป่วยเดี่ยว

เจียงสื้อสื้อถูกนำตัวมาที่ห้องพักฟื้นโดยมีจิ้นเฟิงเฉินคอยเฝ้าอยู่หน้าเตียงไม่ไปไหน

สายตาขรึมของหมอกวาดมองเขาแล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า “บาดแผลบนร่างกายคุณจำเป็นต้องได้รับการจัดการโดยเร็ว พอดีเลยที่หมอมีเรื่องอยากจะกำชับ ตามหมอมา”

หมอไม่ได้รู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินเป็นใครจึงกล้าออกคำสั่งกับเขา

จิ้นเฟิงเหราที่อยู่ด้านข้างเบิกตากว้าง ประเด็นคืออารมณ์ที่แสดงออกของจิ้นเฟิงเฉินไม่เปลี่ยนไปสักนิด

และเขายังเดินตามไปอีก

จิ้นเฟิงเหราจึงเดินตามไปด้วยความประหลาดใจ บาดแผลที่เท้าของเขาก็ยังไม่ได้จัดการ ทั้งคู่จึงเดินข้างๆกันไปนั่งบนเตียงห้องฉุกเฉิน

หลังจากที่หมอตรวจเสร็จแล้วก็ให้พยาบาลจัดการทำแผล

พวกเขาทั้งคู่หน้าตาดีมาก เหล่าพยาบาลสาวจึงอดที่จะแอบมองไม่ได้

ใบหน้าพวกเธอแดงอย่างขัดเขิน พยาบาลสาวหนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นว่า “คนไข้คะดูสิคุณหล่อซะขนาดนี้ จำเป็นต้องรีบจัดการแผลที่เท้าไม่งั้นแผลอาจจะติดเชื้อแล้วขาเป๋เอาได้นะคะ”

อาจเป็นเพราะพยาบาลคนนี้ใจลอย จึงออกแรงที่มือแรงไป จิ้นเฟิงเหราจึงร้องโอ๊ยออกมาด้วยความเจ็บ

จิ้นเฟิงเฉินย่นคิ้วมองเขาอย่างเป็นห่วง แล้วสายตาก็ไปเห็นน่องที่ปูดบวมของเขา

“พี่ อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนี้ได้มั้ย ฉันไม่ชินจริงๆ” ถึงตอนนี้จิ้นเฟิงเหราก็ยังกวนประสาท

เมื่อทำแผลเสร็จแล้ว จิ้นเฟิงเฉินถามหมออย่างอดทน “หมอ เมื่อกี้หมอบอกมีอะไรจะกำชับผมรึเปล่า?”

ถ้าไม่ใช่เพราะมาฟังคำกำชับของหมอเขาไม่มีทางห่างจากเตียงผู้ป่วยของเจียงสื้อสื้อแน่นอน

“แม้ว่าแผลของภรรยาคุณจะไม่ได้หนักอะไร แต่สมองก็สูญเสียเลือดมาก ยังต้องพักฟื้นอยู่ที่นี่อีกหลายวัน ต้องให้ภรรยาคุณทานอาหารที่บำรุงเลือดเยอะๆ” หมอนึกว่าพวกเขามีลูกอยู่ด้วยแล้วยังคิดอีกว่าเจียงสื้อสื้อเป็นภรรยาของจิ้นเฟิงเฉิน

จิ้นเฟิงเฉินได้ฟังก็ไม่ได้คัดค้านอะไร

เขาจดจำที่หมอได้พูดไว้ แล้วรีบติดต่อหัวหน้าพ่อครัวของรีสอร์ท

เขาให้พ่อครัวส่งอาหารที่บำรุงเลือดมาให้วันละ 3 มื้ออย่างตรงเวลาทุกวัน

“เฟิงเหรา นายกลับไปก่อน ฉันจะอยู่ที่นี่เฝ้าสื้อสื้อ” จิ้นเฟิงเฉินต้องการให้จิ้นเฟิงเหรากลับไปพักรักษาบาดแผลที่เท้า การที่ไล่เขาให้กลับไปรีสอร์ทนั้นไม่ง่ายเลย

ตอนที่เขากลับมาที่ห้องพักผู้ป่วย เสี่ยวเป่าก็ปีนขึ้นหน้าเตียงผู้ป่วยแล้วหลับอย่างหมดแรง

ขณะที่เขากำลังจะอุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นไปนอนที่เตียงผู้ป่วย แม่จิ้นก็โทรมาถามอย่างร้อนใจ “เฟิงเฉิน พวกลูกตกลงไปกันได้ยังไง?”

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท