บทที่ 312 ไม่รู้ตัวว่าแท้งสินะ?
ซูชิงหยิงไปขอความช่วยเหลือจากเว่ยจี้เหิง เธอพูดออกมาตามตรงว่า “ช่วยพาคนหลบหนีไปจากเมืองจิ่นได้ไหม?”
“ได้”
เพียงแค่เธอเอ่ยปากออกมา เว่ยจี้เหิงก็รับปากเธอทุกอย่างโดยไม่คิดอะไร
เมื่อเห็นว่าเขาตอบตกลงแล้ว ซูชิงหยิงมองเขาด้วยสายตามีเลศนัย แล้วพูดว่า “ขอบคุณนะคะ คุณดีกับฉันจริงๆ”
น้ำเสียงอันออดอ้อนของเธอ มันทำให้เขาคันใจยิ่งนัก
เว่ยจี้เหิงมองไปยังเธอด้วยสายตาเอ็นดูและตอบกลับด้วยความจริงใจว่า “การที่ผมได้ช่วยคุณ รู้สึกเป็นเกียรติมากครับ”
ซูชิงหยิงยังคงยิ้มแย้ม แต่ในใจเธอตอนนี้กำลังคิดหาหนทางว่าจะส่งผู้ชายคนนั้นออกไปจากเมืองจิ่นยังไง
……
ตกกลางคืน รถของเว่ยจี้เหิงขับเข้ามายังหมู่บ้านเล็กๆนั้น และจอดลงที่หน้าตึกที่เต็มไปด้วยคราบสกปรก
เว่ยจี้เหิงจ้องมองแล้วขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยว่า “ที่นี่ที่ไหนครับ?”
“เป็นพี่ชายห่างๆค่ะ เขาอยู่ที่นี่” ซูชิงหยิงพูดปด
“อ้อ” เว่ยจี้เหิงพยักหน้าแล้วถามต่อว่า “ทำไมคุณไม่ให้เขาไปอยู่ที่บ้านล่ะครับ?”
“เขาชอบดื่มเหล้าเล่นพนัน คนที่บ้านฉันไม่ชอบเรื่องพวกนี้ จะให้เขาไปอยู่ด้วยคงไม่สะดวกค่ะ”
เมื่อได้ยินว่าเป็นคนดังนั้น เว่ยจี้เหิงก็ถามขึ้นว่า “เขาไม่ได้ทำอะไรคุณใช่ไหม?”
“ไม่ค่ะ ที่จริงฉันกับพี่สนิทกันอยู่ล่ะ ครั้งนี้ที่ฉันให้คุณช่วยก็คือเขานี่แหละค่ะ”
เว่ยจี้เหิงหันไปมองเธอแล้วพูดว่า “ชิงหยิง คุณนี่ใจดีจริงๆ”
“แหม ไม่หรอกค่ะ” ซูชิงหยิงเขินอายและพูดต่อไปว่า “คุณรออยู่ที่นี่สักครู่นะคะ ฉันจะไปเรียกเขามา”
“ครับผม”
เว่ยจี้เหิงพยักหน้าแล้วมองตามเธอไป
เขามองออกไปที่ด้านนอกแล้วรู้สึกขนลุก บรรยากาศแบบนี้มันชวนสยองขวัญจริงๆ
ซูชิงหยิงขึ้นไปที่ชั้นสามและเคาะประตู พบว่าผ่านไปหลายนาทียังไม่มีใครมาเปิด
เธอขมวดคิ้วด้วยความสงสัย จากนั้นจึงเคาะดูอีกครั้ง ผ่านไปหลายนาทีก็ยังเงียบสนิท
หลับไปแล้วงั้นหรือ?
เธอลองใช้แรงผลักไปที่ประตูนั้น
ดังจนทุกคนที่อยู่ในตึกนั้นได้ยิน
มีคนเปิดประตูออกมาบ่นว่า “ใครวะ? ไร้มารยาทจริงๆ ไม่รู้หรือไงว่าเป็นการรบกวนคนอื่นน่ะ!”
ซูชิงหยิงหยุดเคาะประตูและแอบด่าชายคนนั้นในใจ
ทันใดนั้นเอง ประตูห้องตรงข้ามก็เปิดออก
มีหญิงชราผมขาวคนหนึ่งเดินออกมา
“แม่หนูจะมาหาคนที่อยู่ห้องนั้นรึ?” หญิงชราถามซูชิงหยิง
“ใช่ค่ะ” ซูชิงหยิงพยักหน้า “คุณยายรู้ไหมคะว่าเขาไปไหน?”
“ยายเห็นเขาออกไปข้างนอกตอนบ่ายน่ะ แต่ไม่รู้ว่ากลับมาหรือยัง”
ออกไปข้างนอก?
ซูชิงหยิงเบิกตากว้าง เขาบ้าไปแล้วหรือไง? เธอกำชับนักหนาว่าอย่าออกไปไม่ใช่เหรอ?
“แม่หนู อย่าเคาะเลย รบกวนคนอื่นๆเขานะลูก” หญิงชราพูดต่อ
“ค่ะคุณยาย ขอบคุณมากนะคะ”
เมื่อพูดจบซูชิงหยิงก็เดินลงไป
ซูชิงหยิงถามเธอเมื่อเห็นว่าซูชิงหยิงเดินกลับมาคนเดียว “พี่ชายล่ะครับ?”
“จี้เหิงคะ” ซูชิงหยิงไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่กลับร้องขอว่า “ช่วยพาฉันไปที่ที่หนึ่งได้ไหมคะ?”
ภายใต้แสงไฟสลัว เว่ยจี้เหิงเห็นว่าท่าทางของเธอร้อนรน จึงถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ?”
“ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้วค่ะ ช่วยส่งฉันไปที่โรงพยาบาลแองเจิลทีนะคะ” ซูชิงหยิงพูด
“โรงพยาบาลแองเจิล?”
เว่ยจี้เหิงขมวดคิ้ว กำลังจะถามเธอเพิ่มเติม ซูชิงหยิงก็พูดเร่งว่า “เร็วค่ะ!”
เว่ยจี้เหิงเก็บคำถามไว้ในใจแล้วออกรถตรงไปยังโรงพยาบาลแองเจิล
ซูชิงหยิงกำมือแน่น แววตาเธอเป็นกังวลมาก สีหน้าซีดเผือด
ขอร้องล่ะ ภาวนาให้เขาอย่าไปหาเจียงสื้อสื้อเลย ไม่อย่างนั้นทุกอย่างคงจบสิ้น
เว่ยจี้เหิงมองดูเธอที่สีหน้าร้อนรนด้วยความเป็นห่วง เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?
……
เสี่ยวเป่าอยู่กับแม่จนกระทั่งเช้า จิ้นเฟิงเหราจึงได้มารับเขาไป
“พี่สะใภ้ครับ พี่ผมมีธุระมาเองไม่ได้ เดี๋ยวรอให้เขาเสร็จธุระแล้วจะมาอยู่เป็นเพื่อนพี่นะครับ”
จิ้นเฟิงเหราบอกกับเจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้อยิ้ม “ค่ะ ช่วยหาข้าวให้เสี่ยวเป่าด้วยนะ เขาน่าจะหิวแล้ว”
“แม่ครับ ผมอยู่เป็นเพื่อนไหม?” เสี่ยวเป่าพูดด้วยหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม ดวงตากลมโตมองไปยังเธอ
“เสี่ยวเป่าเป็นเด็กดีนะครับ กลับไปกินข้าวกับคุณอานะครับ” เจียงสื้อสื้อลูบหัวของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ครับ” เสี่ยวเป่าทำแก้มตุ่ยด้วยความผิดหวัง
จิ้นเฟิงเหราเดินจูงมือเสี่ยวเป่าออกไป “พี่สะใภ้ครับ พวกเราไปก่อนนะ ถ้ามีอะไรก็เรียกใช้พยาบาลมาช่วยนะครับ”
“ค่ะ รู้แล้ว รีบไปกันเถอะ”
“แม่ครับ บ๊ายบาย”
เสี่ยวเป่าโบกมืออำลา
“บ๊ายบายครับ”
เจียงสื้อสื้อมองตามหลังพวกเขาไป รอยยิ้มบนใบหน้าเริ่มจางลง เธอมองไปยังนอกหน้าต่างด้วยความเศร้า
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะออกจากโรงพยาบาลได้ ถ้าให้เธออยู่อย่างนี้ต่อไปเธอต้องตายแน่ๆ
ห่างออกไปจากห้องผู้ป่วยไม่ไกลนัก เสิ่นซูหลันไม่รู้จะทำอย่างไร เดินไปเดินมาและหันไปมองห้องของเจียงสื้อสื้อเป็นระยะๆ
หน้าห้องผู้ป่วยของนังนั่นมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเต็มไปหมด เธอจะเข้าไปได้ยังไง
ทำยังไงดีล่ะ?
ถ้าเธอไม่ได้เข้าไปบอกเรื่องนั้นด้วยตนเอง เธอก็คงจะคับแค้นใจไม่หาย!
หลังจากลังเลชั่วครู่ เสิ่นซูหลันตัดสินใจเดินตรงเข้าไป
“ฉันเป็นแม่ของเจียงสื้อสื้อ ฉันจะเข้าไปหาลูก”
เสิ่นซูหลันพูดกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคน
เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนมองหน้ากัน แล้วตอบกลับมาว่า “ขอเชิญกลับไปเถอะครับ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากคุณจิ้น ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเข้าไปได้”
“ฉันเป็นแม่ของเธอ ก็เข้าไปไม่ได้เหรอ?”
เสิ่นซูหลันพูดด้วยท่าทางโกรธ และพยายามจะเข้าไปข้างในให้ได้
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดึงเธอไว้ “ถ้าคุณพยายามฝ่าฝืน อย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ”
เสิ่นซูหลันตะโกนเข้าไปว่า “สื้อสื้อ นี่ป้าเอง รีบให้ป้าเข้าไปหน่อย”
เจียงสื้อสื้อที่อยู่ด้านในได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ เสิ่นซูหลันตั้งใจจะทำอะไรกันแน่นะ?
เธอย้ายโรงพยาบาลมาแล้วก็ยังตามรังความไม่เลิกอีกเหรอ
เธอถอนหายใจแล้วเดินลงจากเตียง เปิดประตูออก
“สื้อสื้อ……”
เมื่อประตูถูกเปิดออก เสิ่นซูหลันหยุดตะโกนและแววตาเป็นประกายเมื่อมองเห็นเจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้อไม่มองเธอแม้แต่หางตา กลับหันไปพูดกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่า “เอาตัวเธอไปไกลๆ ยิ่งไกลยิ่งดี!”
เมื่อได้ยินดังนั้น เสิ่นซูหลันก็สีหน้าเปลี่ยนไป เธอพูดขึ้นด้วยท่าทางโมโหว่า “เจียงสื้อสื้อ แกพูดว่าอะไรนะ? ฉันมาเยี่ยมแกด้วยความหวังดี แกกลับจะไล่ฉันไป?”
“มาเยี่ยมด้วยความหวังดีเหรอ?” เจียงสื้อสื้อยิ้มเยาะ เธอหันหลังกลับไปพูดด้วยความประชดประชันว่า “ถ้าคุณหวังดีกับฉัน พระอาทิตย์ก็คงขึ้นทางตะวันตกแล้วล่ะ”
เสิ่นซูหลันพูดอะไรไม่ออก
เจียงสื้อสื้อมองเธอด้วยสายตาเยือกเย็นว่า “เอาตัวเธอไปซะ”
“ครับ!”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลากตัวเธอออกไป
“ปล่อยนะ! ปล่อยฉันนะ!”
เสิ่นซูหลันดิ้นรนให้หลุดจากเจ้าหน้าที่ทั้งสอง เมื่อเห็นว่าสู้แรงพวกเขาไม่ได้ เธอก็รู้ว่าเธอมาเสียเที่ยวจริงๆ
มันน่าโมโหนัก!
เมื่อเธอเห็นเจียงสื้อสื้อยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องผู้ป่วย ก็มองไปด้วยแววตาแหลมคมและพูดออกมาว่า “เจียงสื้อสื้อ แกคงไม่รู้ตัวสินะว่าแกท้องได้เดือนกว่าแล้ว? แต่น่าเสียดายที่แกตกบันไดจนแท้งลูกไป!”