บทที่ 316 ในใจเขายังมีเจียงสื้อสื้อ
“ยุ่งงั้นเหรอคะ?”
เจียงนวลนวลหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแล้วพูดว่า “เขาไม่อยากมาดูหนูมากกว่า”
เธอยังพูดไม่ทันขาดคำ เสิ่นซูหลันกำลังจะปลอบเธอ หลานซือเฉินก็เดินเข้ามา
เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงนวลนวล สีหน้าของเขาจึงไม่ดีนัก แต่ก็พูดไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ผมมาแล้วไม่ใช่หรือไง?”
“เชอะ!”
เจียงนวลนวลมองค้อนเขา
“ซือเฉิน มาแล้วเหรอลูก”
เสิ่นซูหลันเดินไปต้อนรับเขาด้วยท่าทางอบอุ่น
“สวัสดีครับคุณป้า” หลานซือเฉินยิ้มให้เธอ
“เราก็รู้ดีว่านวลนวลเพิ่งจะแท้งลูกไป ทำให้อารมณ์ไม่ดีนัก อย่าไปสนใจเธอเลย”
“ผมรู้ครับ”
หลายวันมานี้เขาไม่ได้มาที่โรงพยาบาลและได้ครุ่นคิดอะไรหลายๆอย่าง
หลังจากที่แท้งลูกไป เขาจึงได้รู้ว่าที่จริงแล้วเจียงนวลนวลมีนิสัยแย่ขนาดไหน ก่อนหน้านี้เธอมักทำตัวอ่อนหวานอยู่เสมอ
แต่บัดนี้เพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆเธอก็โมโหและยังโยนความผิดให้กับเจียงสื้อสื้อทุกอย่าง
ที่จริงแล้วเขายังจมอยู่กับอดีตที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับเจียงสื้อสื้อ
หลานซือเฉินถอนหายใจออกมา ต่อให้คิดถึงมากเพียงใดก็ไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก
เขาเดินมาที่ข้างๆเจียงนวลนวลแล้ววางมือลงบนบ่าเธอ
“อย่าแตะต้องตัวฉันนะ!” เจียงนวลนวลสะบัดมือเขาออกไม่อยากมองหน้าเขา
“นวลนวล ไม่โกรธนะครับโอเคไหม?”
หลานซือเฉินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ฉันไม่ได้โกรธ แต่ฉันผิดหวัง” เจียงนวลนวลหันไปจ้องเขา และพูดว่า “คุณลองคิดดูเองนะ คุณไม่ได้มาโรงพยาบาลนานเท่าไหร่แล้ว ต่อให้พวกเราไม่ได้แต่งงานกัน คุณอย่าลืมสิว่าลูกคือลูกใคร?”
“ครับ ผมผิดไปแล้ว งานผมยุ่งมากจริงๆ ต่อไปนี้จะหาเวลามาอยู่เป็นเพื่อนคุณให้มากกว่าเดิมนะครับ” เขากุมมือเธอเอาไว้และพูดออกมา
เจียงนวลนวลทำสีหน้าไม่พอใจแล้วพูดว่า “คำพูดของคุณ ฉันไม่เชื่อหรอก!”
“นวลนวล ซือเฉินบอกแล้วไงว่าไม่มีเวลา เขาพูดดีกับลูกขนาดนี้ก็อย่าโกรธเขาเลย”เสิ่นซูหลันพูด
“นวลๆครับ” เขาลองเรียกเธอดูอีกครั้ง
เจียงนวลนวลเบ้ปากและพูดว่า “คุณพูดเองนะคะว่าจะอยู่เป็นเพื่อนฉันต่อจากนี้”
หลานซือเฉินยิ้มแล้วตอบว่า “ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะเชื่อคุณเป็นการชั่วคราวแล้วกันค่ะ”
เจียงนวลนวลซบหน้าเข้าไปในอ้อมอกของเขาและยิ้มด้วยความดีใจ
เธอมั่นใจไปเองว่าสำหรับหลานซือเฉินแล้วเธอมีความสำคัญมากทีเดียว
เมื่อเห็นว่าพวกเขาคืนดีกันแล้วเสิ่นซูหลันก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก และกำลังจะเดินออกไปจากห้อง ให้พวกเขาใช้เวลาร่วมกัน
แต่ยังไม่ทันจะเดินออกไป ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 คนเข้ามา
“คนไหนคือเจียงนวลนวลครับ?” ตำรวจคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น
เมื่อได้ยินดังนั้นเจียงนวลนวลและหลานซือเฉินก็รีบผละออกจากกันแล้วหันไปมองตามต้นเสียง
“คุณตำรวจคะ มีอะไรหรือเปล่า?” เสิ่นซูหลันถามด้วยสีหน้าตกตะลึง
“เจียงนวลนวลเป็นผู้ต้องสงสัยในการก่อคดีในครั้งนี้”
“จะเป็นไปได้อย่างไร?”
หลานซือเฉินพูดออกมาด้วยความกังวล
เมื่อหันกลับไปมองเจียงนวลนวล ก็มีความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ได้
“คุณตำรวจครับ รบกวนช่วยเล่ารายละเอียดให้ผมฟังที” หลานซือเฉินเดินออกมาและพูดกับตำรวจทั้งสอง
เจียงนวลนวลนั้นพยายามทำสีหน้านิ่งเรียบเพื่อปกปิดความกังวล
ที่จริงเธอรู้อยู่แก่ใจว่าการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาในวันนี้เพราะเรื่องอะไร
เพียงแต่เธอไม่คิดว่าจะเดินทางมาเร็วขนาดนี้
“พวกเราจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 1 คน และเขาบอกว่าเจียงนวลนวลเป็นผู้บงการในการทำร้ายเจียงสื้อสื้อในครั้งนี้ ทำให้คุณเจียงได้รับบาดเจ็บและแท้งลูก”
หลานซือเฉินตกตะลึงและหันไปมองทางเจียงนวลนวลด้วยความไม่เชื่อ
“ฉันเปล่านะคะ” เจียงนวลนวลรีบแก้ตัว “ตัวฉันเองก็เพิ่งจะแท้งและอยู่ที่โรงพยาบาลตลอด ไม่ได้เจอคนอื่นๆเลย”
เมื่อพูดจบเธอก็พูดต่อกับหลานซือเฉินว่า “ซือเฉิน คุณจะต้องเชื่อฉันนะ ฉันไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้นเลยแน่ๆ”
“นั่นสิคะคุณตำรวจ พวกคุณฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า?” เสิ่นซูหลันเองก็เป็นกังวล
“ผมได้ยินกับหูตัวเองจะผิดพลาดไปได้ยังไง?”
ทุกคนในห้องหันไปมองตามต้นเสียง และพบว่าจิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อเดินเข้ามาด้านในพร้อมกัน
“สื้อสื้อ” เมื่อมองเห็นเจียงสื้อสื้อ หลานซือเฉินก็เรียกชื่อเธอออกมาโดยอัตโนมัติ
เจียงนวลนวลได้ยินดังนั้นก็โกรธเสียจนเป็นฟืนเป็นไฟ เขายังไม่ลืมเจียงสื้อสื้อจริงๆสินะ
“พวกแกมาทำอะไรกัน?”เสิ่นซูหลันจ้องมองไปที่พวกเขา
เจียงสื้อสื้อตอบด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายว่า “ฉันมาชี้ตัวคนร้ายค่ะ”
เสิ่นซูหลันสีหน้าซีดเผือดลงทันที เธอตอบว่า “ออกไปเดี๋ยวนี้นะ ที่นี่ไม่มีคนร้ายที่พวกแกพูดถึง”
เธอขับไล่ทุกคนออกไปแม้กระทั่งตำรวจ
ตำรวจหนึ่งในนั้นพูดว่า “นี่คุณกำลังขัดขวางการทำงานของพวกเราอยู่ พวกเรามีสิทธิ์ในการจับกุมคุณ”
เมื่อได้ยินดังนั้นเสิ่นซูหลันก็เริ่มตกใจกลัวและพูดออกมาว่า “ยังไงซะพวกเราก็เป็นประชาชนที่ทำตามกฎระเบียบของบ้านเมือง เกรงว่าพวกคุณจะมาเสียเที่ยวแล้วล่ะ”
ด้านตำรวจไม่ได้สนใจเธอและเดินตรงเข้ามาหาเจียงนวลนวล พูดว่า “เจียงนวลนวล คุณรู้จักหลี่หมิงไหม?”
“ไม่รู้จัก!”
“เจียงนวลนวล คุณจำเป็นต้องตอบมาตามตรง คุณรู้จักคนที่ชื่อหลี่หมิงไหม?” เจ้าหน้าที่ตำรวจถามอีกรอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เจียงนวลนวลเริ่มหมดความอดทน เธอพูดว่า “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่รู้จัก!”
นายตำรวจทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นถามต่อว่า “คุณเป็นคนบงการให้หลี่หมิงไปทำร้ายคุณเจียงสื้อสื้อใช่ไหม?”
“นี่!ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้จักเขา ฉันจะไปบงการเขาได้ยังไง?” เจียงนวลนวลหัวเราะออกมา “คุณตำรวจคะ จับตัวคนร้ายไม่ได้เลยจะมาลงที่ฉันอย่างนั้นเหรอ?”
“เจียงนวลนวลระวังคำพูดของคุณหน่อย” เจ้าหน้าที่ตำรวจเอ่ยเตือน
“นวลนวล ทำไมพูดกับคุณตำรวจอย่างนั้นล่ะครับ?” หลานซือเฉินรีบเดินตรงเข้ามาและยิ้มพูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า “พวกคุณอย่าไปถือสาเลยนะครับ”
คำพูดนี้ทำให้ชิงหยิงไม่พอใจและถามว่า “หลานซือเฉิน คุณพูดอะไรอย่างนี้?”
“คุณพูดให้น้อยลงกว่านี้ได้ไหม?” หลานซือเฉินพูดเตือนเธอ “ถ้าไม่อยากโดนจับก็เงียบไปซะ!”
“คุณ……!” เจียงนวลนวลโมโหจนพูดอะไรไม่ออก
เมื่อสักครู่เขายังบอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนเธอและปกป้องเธออยู่เลย แต่บัดนี้คล้ายกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน และปฏิบัติกับเธออย่างไม่เกรงใจ
นี่เป็นเพราะเจียงสื้อสื้อเดินทางมา เขาจึงได้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือขนาดนี้
ต้องใช่แน่ๆ เพราะเจียงสื้อสื้อ!
เธอหันหลังไปจ้องมองเจียงสื้อสื้ออด้วยสายตาอาฆาตแค้น
เจียงสื้อสื้อชายตาไปมองเธอและไม่ได้สนใจเธออีก
“คุณตำรวจครับ คุณแน่ใจว่าคำพูดของหลี่หมิงเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”หลานซือเฉินถาม
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะต้องปกป้องเจียงนวลนวลเอาไว้ให้ได้ไม่ให้เธอถูกตำรวจจับกุมตัวไป
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ทันจะตอบอะไรกลับมา จิ้นเฟิงเฉินก็พูดว่า
“คุณล่ะซือเฉิน ถ้าอย่างนั้นคุณเอาหลักฐานอะไรมาบอกว่าสิ่งที่เจียงนวลนวลพูดเป็นเรื่องจริง?”
หลานซือเฉินหัวเราะแล้วตอบว่า “ประธานจิ้น คุณจำเป็นจะต้องทำแบบนี้กับผมด้วยเหรอ?”
“ผมเพียงแค่ถามคุณจากใจจริง”
หลานซือเฉินมองดูเขา ใบหน้าที่หล่อเหลาไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆออกมา
“ถามจากใจจริงอย่างนั้นเหรอ? หลานซือเฉินหัวเราะออกมาและตอบกลับไปว่า “ประธานจิ้น การที่ทุกคนเดินทางมาถึงก็เชื่ออย่างสนิทใจแล้วว่าเป็นฝีมือของนวลนวล นี่มันไม่ยุติธรรมกับเธอสักเท่าไหร่หรือเปล่า?”
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วและมองดูเขา ถามว่า “คุณต้องการจะบอกอะไร?”
“ให้นวลนวลและผู้ต้องสงสัยได้เจอหน้ากันสิ”