บทที่ 468 ไม่เข้าใจคนอื่น
พอเป็นแบบนี้ ตอนนี้ทุกคนก็รู้กันหมดแล้วว่าประธานบริษัทจิ้นกรุ๊ปจะจัดงานแต่งครั้งใหญ่
ตอนนี้พอเจียงสื้อสื้อออกไปข้างนอกก็ต้องใส่ผ้าปิดปาก กลัวว่าคนแปลกหน้านั้นจะจำหน้าเธอได้ว่าเธอก็คือเจียงสื้อสื้อ ไม่อย่างนั้นถ้าถูกคนจับได้ต้องถูกถามไม่หยุดแน่ๆ
วันนี้จิ้นเฟิงเฉินไม่ยุ่งมาก ก็ได้กลับบ้านก่อนเวลา
ก็ได้ไปหาเจียงสื้อสื้อที่แผนกเธอโดยเฉพาะ เธอยังอยู่ที่นั่นตามคาด
“นี่มันเป็นอะไรเนี่ย วันนี้ไม่น่าที่จะยุ่งไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ยังไม่เลิกงาน”
จิ้นเฟิงเฉินก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรเลยทั้งนั้น ก็ได้ถามออกไปเบาๆ
เจียงสื้อสื้อก็ได้มองเขาสักพัก “เพราะคุณเลยนะ ตอนนี้ฉันได้วุ่นวายมากๆ”
เห็นเธอได้หงุดหงิดแบบนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ขำออกมา “ท่าทางแบบนี้ของคุณ เหมือนว่าผมกำลังบังคับให้คุณมาแต่งงาน”
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของจิ้นเฟิงเฉินดูผ่อนคลาย แต่เจียงสื้อสื้อเป็นคนที่ไวต่อความรู้สึก ก็ได้รีบพูดว่า “ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะคะ แต่ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป ฉันไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย”
ได้ยินแบบนั้นจิ้นเฟิงเฉินนั่งลงมองเธอแล้วพูด “คุณไม่ต้องเตรียมตัวอะไร รอนิ่งๆ ที่จะมาเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในงานแต่งก็พอแล้วครับ”
เจียงสื้อสื้อยิ้มแล้วก็ไปอยู่ในอ้อมกอดเขา
ที่เขาพูดก็ถูก พวกเขาได้จดทะเบียนกันแล้ว งานแต่งก็เป็นอะไรที่ต้องจัดอยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นการแต่งงานกับเขา ไม่ต้องเตรียมการอะไรจริงๆ
เห็นว่าระหว่างคิ้วของเธอได้ผ่อนคลาย จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ยื่นมือข้างหนึ่งไปให้เจียงสื้อสื้อ ยิ้มแล้วพูดว่า “ไปกันครับ กลับบ้านกัน”
ทั้งสองพอมาถึงบ้าน ก็เห็นแม่จิ้นที่ได้เอาปฏิทินออกมาดูอยู่ตรงนั้น
จิ้นเฟิงเฉินรู้ว่าเรื่องนี้นั้นตัวเองได้รีบร้อนไป ก็ได้แบนหน้าเดินเข้าไปพูด “แม่ครับ คือว่า……”
คิดไม่ถึงว่า แม่จิ้นไม่ได้กล่าวโทษเขาเลยแม้แต่นิด ก็ได้พูดออกมาอย่างมีความสุขว่า “ข่าวเรื่องงานแต่งของพวกลูกแม่ได้ฟังมาแล้ว แม่นั้น กำลังเลือกฤกษ์ดีให้พวกลูก”
จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกแปลกใจ ก็ได้รีบถามว่า “แม่ครับ แม่ไม่โทษที่พวกผมนั้นทำอะไรกะทันหันไปเหรอครับ?”
แม่จิ้นส่ายหน้า แล้วก็ตีจิ้นเฟิงเฉินเบาๆ
“นี่มันยังกะทันหันอะไรอีก แม่ยังคิดว่าลูกพูดช้าเกินไป อีกอย่างเรื่องนี้วันเวลายังไม่ได้กำหนดไม่ใช่เหรอ แม่ยังจะไม่เห็นด้วยอะไรอีก ยิ่งไปกว่านั้นพวกลูกจดทะเบียนกันก็นานแล้ว เรื่องจัดงานแต่งเป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว”
ตอนที่พูด แม่จิ้นก็ได้เลือกวันให้เรียบร้อยแล้ว แล้วก็ได้ชี้ไปที่วันนี้แล้วพูดว่า “แม่ว่าวันนี้ไม่เลว พวกลูกก็มาดูสิ”
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้พยักหน้า
“สามเดือน สามารถมีเวลามากพอที่จะเตรียมตัว แล้วก็ไม่ได้ยืดเวลานานไปคนที่ได้ข่าวก็ไม่ต้องรอนาน ได้พอดีเลยครับ”
ได้ยินที่จิ้นเฟิงเฉินพูดจบ แม่จิ้นก็ได้มองไปที่เจียงสื้อสื้อแล้วถามว่า “สื้อสื้อ ลูกว่าไง?”
เจียงสื้อสื้อหัวเราะ ก็ได้มองไปที่จิ้นเฟิงเฉินด้วยความรักแล้วพูดว่า “หนูไม่มีปัญหาอะไรคะ เฟิงเฉินว่าไงก็อย่างงั้น”
เห็นท่าทางที่เหมือนสาวน้อยของเจียงสื้อสื้อ จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ยิ้มออกมา
งานแต่งของเขากับเจียงสื้อสื้อ แน่นอนว่าต้องไม่เหมือนใคร เพราะงั้นเขาจะเตรียมการดีๆ มุ่งมั่นที่จะจัดงานแต่งงานที่สวยที่สุดออกมา
ในบรรยากาศที่คึกคักแบบนี้ รอบตัวของเจียงสื้อสื้อเหมือนได้เต็มไปด้วยฟองแห่งความสุข……
เสี่ยวเป่าได้เห็นข่าวแบบนี้ ก็แทบที่จะกระโดดตัวขึ้น ก็ได้วิ่งไปที่ห้องรับแขกแล้วพูด “แดดดี๊หม่ามี๊จะจัดงานแต่งงานพวกท่านไม่บอกผมเลย เกินไปแล้วนะ!”
เจียงสื้อสื้อก็ได้รีบไปกอดเขา กลัวว่าเขาจะล้ม แล้วอธิบายว่า “พวกเราบอกลูกแล้วก็ไม่ได้อะไรนี่คะ ถึงตอนนั้นลูกต้องไปโรงเรียน”
เสี่ยวเป่าได้ยินหน้าก็ได้บูดลง “วันที่สำคัญแบบนี้ผมทำไมยังต้องไปโรงเรียนอีก พวกท่านไม่เห็นใจคนอื่นซะเลย”
เห็นไปหน้าที่ขมเหมือนมะระของเขาแบบนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ทนต่อไม่ไหว
“หม่ามี๊ของลูกแหย่ลูกเล่น ทำไมยังจะให้ลูกไปโรงเรียนอีก ลูกอ่ะ ถึงเวลาก็มาเป็นพยานความสุขของแดดดี๊หม่ามี๊ก็พอ”
“ไม่เอา” จิ้นเฟิงเฉินพึ่งพูดจบ เสี่ยวเป่าก็ได้รีบปฏิเสธ
จิ้นเฟิงเฉินอึ้งไปสักพัก บรรยายก็ได้เกร็งอย่างเห็นได้ชัด ใครจะรู้ว่าเสี่ยวเป่าก็ได้พูดต่อว่า “ไม่เอาด้วยหรอกที่ให้ผมอยู่ข้างๆ ผมจะไปเป็นเด็กโปรยดอกไม้”
ได้ยินแบบนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ถอดหายใจอย่างโล่งอก ไปลูบหัวของเขา มองด้วยความเอ็นดูแล้วพูด “ครับ ลูกไปเป็นเด็กโปรยดอกไม้”
ในเวลาเดียวกัน จิ้นเฟิงเหราที่ได้ไปเช็คอาการที่โรงพยาบาลตามนัดก็นั่งไม่อยู่ เรื่องที่พี่ชายพี่สะใภ้จะจัดงานแต่งเขาไม่ได้รู้เป็นคนแรก
ยังไงก็ตอนที่ขอแต่งงานเขาเป็นคนเตรียมการ งานแต่งตอนนี้แน่นอนว่าเขาก็อยากช่วย
ส้งหวั่นชีงเห็นท่าทางของเขา ก็ได้ทนไม่ไหว ได้บอกอาการของเขาในตอนนี้กับเขา
“เมื่อวานฉันเจอกับผู้อำนวยการโรงพยาบาล ถามเรื่องอาการของนาย ผู้อำนวยการบอกว่าคืนนี้นายต้องนอนโรงพยาบาลเช็คอาการหน่อยก็พอ ถ้าเป็นแบบนั้น พรุ่งนี้นายน่าจะออกไปได้”
จิ้นเฟิงเหราได้ยินแบบนั้นก็ได้ดีใจมากๆ
ช่วงก่อนนั้นเขาก็ได้พักรักษาตัวที่บ้าน ก็ได้เบื่อกับการที่อยู่โดยไม่ทำอะไรแล้ว ตอนที่กลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งเอาเขาแทบจะบ้าตาย
วันต่อมา ผู้อำนวยการก็ได้มาบอกอาการของเขาให้จิ้นเฟิงเหรา พูดไปไม่กี่ประโยค ก็ได้ปล่อยเขากลับไป
คนที่มารับเขาก็เป็นสองสามีภรรยาจิ้นเฟิงเฉิน เห็นว่าจิ้นเฟิงเหราได้หายเหมือนปกติ สองสามีภรรยาก็ได้มีรอยยิ้มของความดีใจขึ้น
“ยินดีกับคุณชายรองจิ้นของพวกเราที่ได้ออกจากโรงพยาบาล” เจียงสื้อสื้อมองเขาแล้วก็ยิ้ม
จิ้นเฟิงเหราก็ได้ถอดหายใจออกมายาวๆ “ใช่ครับ ในที่สุดก็ได้ออกจากโรงพยาบาลสักที ตอนที่ประชุมผู้ถือหุ้นคราวก่อนผมกลับไปรอบนึง เกือบที่จะโดนผู้อำนวยการจับตัวกลับไปแล้ว อันตรายจริงๆ”
เรื่องนี้จิ้นเฟิงเฉินก็รู้สึกผิด ก็ได้ตบไปที่ไหล่ของจิ้นเฟิงเหราเบาๆ
“ผู้อำนวยการเขาเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของนาย เรื่องงานประชุมผู้ถือหุ้นคราวก่อนนายก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่ไป”
“พอแล้วพอแล้ว นี่ก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ก็ไม่ต้องพูดเรื่องอดีตพวกนั้น”
แน่นอนว่าจิ้นเฟิงเหรารู้ว่าเขาจะพูดอะไร ก็ได้ดักคำพูดของเขาซะเลย
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ยิ้มออกมาอย่างหมดหนทาง ทั้งสามคนก็ได้ไปที่บริษัทพร้อมกัน
พึ่งกลับมาถึงบริษัท จิ้นเฟิงเหราก็ได้ถูกพนักงานหญิงของบริษัทล้อมไว้ ได้ถามเขาไปต่างๆ นานา
ยังไงซะจิ้นเฟิงเหราก็ได้หยุดไปสองเดือน ในบริษัทก็เกิดเรื่องมากมายไม่น้อย
เพราะว่าจิ้นเฟิงเฉินได้ทำสีหน้าจริงจังในการจัดการงาน รวมกระทั่งกับพวกลูกน้อง เพราะงั้นมีหลายคนมากที่คิดถึงคุณชายรองสุดๆ
“ยินดีกลับบ้านค่ะคุณชายรอง”
“คุณชายรองพวกเราคิดถึงคุณมาก”
ไม่เหมือนกับความเย็นชาของจิ้นเฟิงเฉิน จิ้นเฟิงเหราเป็นกันเองมากๆ
ของขวัญทั้งหมด จิ้นเฟิงเหราก็ได้รับมาทั้งหมด ก็ได้พูดออกไปว่า “เพื่อที่จะขอบคุณความคิดถึงของทุกคน คนที่มารับผมวันนี้ ก็ไปทานข้าวกับผมทั้งหมด ผมเลี้ยง”
“ว้า คุณชายรองใจใหญ่จริงๆ”
“ใจกว้างมากๆ อยากแต่งด้วย”
……
คำชมพวกนี้จิ้นเฟิงเหราฟังแล้ว รู้สึกชอบใจมากๆ
เจียงสื้อสื้อกังวลไปสักพัก ก็ยังได้ถามออกไปว่า “นายแน่ใจนะว่าจะเลี้ยงทั้งหมด?”
จิ้นเฟิงเหราปัดมือ “ไม่ถึงขัดเลี้ยงทั้งหมด ก็แค่พาไปไม่กี่แผนกก็พอ แต่ว่าแผนกของพี่สะใภ้ผมนั้นต้องเรียกอยู่แล้ว เพราะงั้นพี่สะใภ้ต้องให้หน้าผมนะ”
ไหนๆ เขาก็ได้พูดถึงขนาดนี้แล้ว เจียงสื้อสื้อก็ไม่มีเหตุผลที่ไม่ไป ก็ได้พยักหน้า