บทที่ 526 เก็บเสียงได้ดีมาก
หลังเสร็จจากยิงธนู คนตระกูลฉินก็พาพวกเจียงสื้อสื้อสามคนครอบครัวไปเล่นอย่างอื่น
ที่แท้ตระกูลฉินยังมีสนามม้าส่วนตัวอีกแห่ง เนื้อที่กว้างมาก ข้างในสามารถให้ม้าวิ่งได้อย่างอิสระ
สิ่งที่ทำให้เจียงสื้อสื้อประหลาดใจคือ ทักษะขี่ม้าของจิ้นเฟิงเฉินก็ไม่เลวเช่นกัน
บุคลิกองอาจยามที่ชายหนุ่มขี่ม้าในสนามม้า ทำให้เจียงสื้อสื้อมองตาไม่กะพริบ
นี่มันจะสมบูรณ์แบบเกินไปแล้ว ยังมีอะไรที่คุณจิ้นทำไม่ได้อีกบ้าง ไม่ ไม่มี คุณจิ้นทำได้ทุกอย่าง! เจียงสื้อสื้อคิดอย่างแน่วแน่ ในดวงตามีดวงดาวเล็กๆ พุ่งออกมา
เห็นทุกคนขี่ม้าอยู่ในสนามม้า เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกสะเทือนใจ
ที่น่าเสียดายคือ เธอตั้งครรภ์ ไม่อาจขี่ม้าได้
ผ่านไปสักพัก จิ้นเฟิงเฉินก็ขี่ม้ากลับมา
เห็นเจียงสื้อสื้อมองม้าสีแดงพุทราน่าเกรงขามตาละห้อย ก็ถามอย่างฉุกคิดได้ว่า “อย่าลองลูบมันดูไหม?”
“ได้……ได้เหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อถามอย่างตื่นเต้น
จิ้นเฟิงเฉินในตาเปื้อนรอยยิ้ม ลูบหัวม้าไปมา กล่าวอย่างปลอบโยนว่า “ได้สิ มันเชื่องมาก”
ราวกับรับรู้คำพูดของเขา ม้าหันหน้ามา ถูไถกับมือของจิ้นเฟิงเฉินอย่างว่าง่าย เชื่อฟังราวกับเป็นสัตว์เลี้ยงตัวน้อยๆ
เจียงสื้อสื้อยังคงเกร็ง เอ่ยปากอย่างไม่สบายใจอยู่บ้าง
“ทำไมมันถึงเชื่องขนาดนั้นคะ?”
“เพราะมันคือม้าของผม ย่อมเชื่อฟังผม” จิ้นเฟิงเฉินกล่าวอย่างเป็นธรรมชาติ
เจียงสื้อสื้อมึนงง “ของคุณ? คุณมีม้าอยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะ?”
จิ้นเฟิงเฉินจับมือเธอวางลงบนขนแผงคออันเรียบลื่น กล่าวอย่างผ่อนคลายว่า “มีวันเกิดปีหนึ่ง คุณตามอบให้เป็นของขวัญวันเกิดของผม”
ให้ของขวัญวันเกิดเป็นม้า ส่วนเจ้าเครื่องสั่นสะเทือนตัวนี้ก็ใช้ได้ดีมากทีเดียว
เจียงสื้อสื้อลูบม้าไปมา รู้สึกเพียงว่าสัมผัสที่ใต้ฝ่ามือช่างดีเหลือเกิน
เธออดกล่าวกับจิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ว่า “รอฉันคลอดลูกก่อน พวกเราค่อยมากันใหม่ คุณสอนฉันขี่ม้าได้ไหมคะ?”
จิ้นเฟิงเฉินโค้งมุมปาก “ได้”
เสี่ยวเป่าที่อยู่อีกด้านมองอย่างอิจฉา อยากจะไปลูบม้าตัวโตบ้างเช่นกัน
แต่พ่อกับแม่ใจร้ายสนใจแต่ความสนุกของตัวเอง ราวกับลืมไปแล้วว่าพวกเขายังมีเจ้าตัวเล็กอยู่อีกคน
ดีที่คนตระกูลฉินใส่ใจเสี่ยวเป่าตลอดเวลา จึงรีบจูงลูกม้าน้อยตัวหนึ่งมาทันที
ให้เขานั่งอยู่บนนั้น จูงลูกม้าเดินไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ
ลูกม้านิสัยเชื่อง เดินไปอย่างมั่นคงทีละก้าง ราวกับกลัวว่าจะทำเสี่ยวเป่าตกลงมา
ส่วนทางด้านจิ้นเฟิงเฉินนั้นก็ควบม้าหนุ่มวิ่งมาตีคู่แล้วเช่นกัน ดูแล้วชวนให้ตลกขบขันอย่างยิ่ง
เที่ยวเล่นถึงช่วงบ่าย เจียงสื้อสื้อกับเสี่ยวเป่าก็ทั้งเหนื่อยทั้งสนุก ตระกูลฉินจึงให้พวกเขารั้งอยู่ที่นี่ และจิ้นเฟิงเฉินก็รับปาก
เห็นลูกกับเมียเหนื่อยจนมีสภาพเช่นนี้ เขาก็ไม่อยากไปไหนอีกเช่นกัน
ตกเย็น
ตอนที่เจียงสื้อสื้ออาบน้ำ ถึงค่อยพบว่าต้นขาด้านในถูกสีจนแตกหมดแล้ว
พอแตะดูก็สูดหายใจด้วยความเจ็บ เป็นดังคาดการเที่ยวเล่นยังคงมีราคาที่ต้องจ่าย
อาบเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็เดินปวกเปียกออกมาจากห้องน้ำ ล้มลงบนเตียงนอน ไม่อยากจะขยับตัวไปไหนอีก
เธอเหนื่อยสุดขีด วันนี้ได้เล่นของที่ไม่เคยได้สัมผัสมาตลอดยี่สิบกว่าปี ในสมองจึงยังตื่นเต้นไม่หาย
อย่างเดียวที่ไม่ต้องดีเลิศก็คือ อย่าให้ขาต้องล้าขนาดนั้นก็พอแล้ว
เจียงสื้อสื้อม้วนผ้าห่ม ราวกับดักแด้ตัวหนึ่ง จ้องมองที่ฝ้าเพดาน ปากพูดพึมพำอะไรสักอย่าง
จิ้นเฟิงเฉินผลักประตูเข้ามา มองเห็นภาพนี้เข้าพอดี
ดวงตาเขาหม่นแสง มุมปากกระตุกเล็กน้อย ถอดเสื้อนอกออก จากนั้นก็เดินมาข้างเตียง
กอดคนที่ห่อตัวในผ้าห่มเหมือนดักแด้ไว้ในอ้อมกอดอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว
เจียงสื้อสื้อตกใจจนสะดุ้งวาบ พอเห็นว่าเป็นเขา ก็บ่นว่า “คุณแกล้งฉันอีกแล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินยืนขึ้นแล้วกอดเธอไว้ในอ้อมแขน ประสานสายตากับเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำเจือแววหวานไหลรินช้าๆ ราวกับท่วงทำนองของเชลโล่
“สนุกไหน?”
“สนุกมากค่ะ” เจียงสื้อสื้อตอบตามตรง
จิ้นเฟิงเฉินยกมุมปากขึ้น วางเธอลง
แกะผ้าห่มออก ตลบชุดนอนเธอขึ้น แยกสองขาของเธอออก
รู้สึกถึงตุ่มแข็งที่ใต้ฝ่ามือ ดวงตาจิ้นเฟิงเฉินก็หม่นแสงลง
เจียงสื้อสื้อทำหน้างุนงง ออกแรงดิ้นโดยสัญชาตญาณ กล่าวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “คุณจะทำอะไร?”
สายตายังมองสำรวจไปทั่วทุกแห่งอย่างเคร่งเครียด เหมือนกลัวว่าจู่ๆ จะมีคนโผล่ออกมาที่มุมกำแพง
“อย่าขยับ” จิ้นเฟิงเฉินทำหน้าขรึม กดขาเธอไว้ ไม่ยอมให้เธอขยับวุ่นวาย
เจียงสื้อสื้อจวนจะร้องไห้แล้ว ถีบขาพลางร้องตะโกนว่า “ไม่เอาๆ นี่มันบ้านคุณตานะคะ หากคุณกล้าทำ ฉันจะสู้สุดชีวิตเลย”
จิ้นเฟิงเฉินไม่พูดอะไร จับฝ่าเท้าของเธอไว้
โดยเริ่มนวดจากข้อเท้า พลางเลิกคิ้วกล่าวว่า “กล้ามเนื้อแข็งจนเป็นแบบนี้แล้ว ไม่เจ็บเหรอ? ถีบเสียแรงขนาดนั้น”
เจียงสื้อสื้อตกตะลึงเป็นลำดับแรก จากนั้นแก้มก็แดงซ่าน เพราะในสมองตัวเองเต็มไปด้วยเรื่องลามกน่าอายเหล่านั้น
เธออายจนยกมือขึ้นมาปิดหน้า
พระเจ้า เธอกำลังคิดอะไรอยู่ ที่พื้นมีรอยแยกไหม เธอจะได้แทรกเข้าไปเสียเลย ไม่ต้องพบหน้าใครอีก
“คุณรู้ได้ยังไงคะว่าฉันเจ็บขา?” เจียงสื้อสื้อถามด้วยอาการสั่นเทา
จิ้นเฟิงเฉินมีความละอายวาบผ่านดวงตาแวบหนึ่ง “ตอนคุณกลับมาก็เดินไม่ค่อยมั่นคงนัก เป็นผมคิดไม่รอบคอบเอง”
แต่เจียงสื้อสื้อยังไม่ทันได้ตื้นตันใจ ก็ได้ยินจิ้นเฟิงเฉินกล่าวอีกว่า “เมื่อกี้คุณคิดอะไร คิดว่าผมจะทำแบบนั้นกับคุณ? อืม ถ้าคุณอยาก ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ นี่เป็นห้องของผม เก็บเสียงได้ดีมาก ไม่ต้องห่วงว่าข้างนอกจะ……”
“อย่าพูดนะ!” เจียงสื้อสื้อร้องเสียงต่ำ
เอาหัวซุกเข้าไปในผ้าห่ม ใบหน้าแทบจะหายไปหมดแล้ว
จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะเสียงต่ำ ไม่แกล้งเธออีก ตบลงไปที่ผ้าห่ม พลางกล่าวว่า “โผล่หน้าออกมา คุณไม่อึดอัดเหรอ?”
“ไม่อึดอัดๆ อึดอัดตายก็ช่างสิ”
ทะเลาะกันไปหนึ่งยก จิ้นเฟิงเฉินก็ทายาให้เธอเสร็จ
เดิมทีบรรยากาศควรจะน่าเคลิบเคลิ้ม แต่ถูกเจียงสื้อสื้อทำให้กลายเป็นบรรยากาศชวนกระอักกระอ่วน
จนท้ายที่สุดคนทั้งสองก็นอนลงบนเตียง ปิดไฟแล้ว ใบหน้าเจียงสื้อสื้อก็ยังคงเห่อร้อน
ในห้องเงียบมาก เจียงสื้อสื้อคิดจะนอนหลับ ไปๆ มาๆ กลับยิ่งนอนไม่หลับ
จิ้นเฟิงเฉินที่อยู่ด้านข้างหายใจสม่ำเสมอ เหมือนจะหลับไปแล้ว
เจียงสื้อสื้อพลิกตัว เหยียดตัวเล็กน้อย จ้องมองใบหน้าของจิ้นเฟิงเฉิน
คิดไม่ถึงว่าเขาจะหลับได้เร็วขนาดนี้ คิดแล้วก็รู้สึกขุ่นเคืองชะมัด
แต่พอมองดูอย่างละเอียด เขาดูเหมือนสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งเลย
จิ้นเฟิงเฉินที่หลับสนิทจู่ๆ ก็ลืมตา ประสานสายตากับเจียงสื้อสื้อ
ด้วยความตกใจ มือเธอจึงควบคุมไม่อยู่ ทุบไปบนแผ่นอกจิ้นเฟิงเฉินดังตุ้บ
ในความมืด ได้ยินเพียงเสียงร้องโอดโอยของจิ้นเฟิงเฉิน
เจียงสื้อสื้อร้อนใจอยู่บ้าง ลุกขึ้นมามองหน้าเขา ถามอย่างเป็นห่วงว่า “เจ็บมากไหม?”
มีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้น จิ้นเฟิงเฉินยื่นมือรั้งเธอเข้ามาในอ้อมกอด ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวพลางตบๆ ไปมา
“ไม่เป็นไร แรงคุณน้อยจะตายทำอะไรผมไม่ได้หรอก ทำไมไม่นอนล่ะ?”
เดิมเจียงสื้อสื้อคิดจะร้องประท้วง พอได้ยินประโยคหลังของเขา พลันรู้สึกว่าพลาดอีกแล้ว
“นิดหน่อยค่ะ ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม สงสัยฉันจะไม่ชินที่”
จิ้นเฟิงเฉินพูด “งั้นก็อยู่คุยเป็นเพื่อนผม ชอบบ้านคุณตาไหม”
เจียงสื้อสื้อกำลังหาท่าที่สบายในอ้อมแขนของเขา จากนั้นก็ซุกหน้ากับแผ่นอกของเขา ตอบอย่างจริงใจว่า
“ชอบค่ะ บ้านคุณตาคนเยอะดี ตั้งแต่เด็กฉันไม่เคยพบคุณตาคุณยายของฉันเลย และก็ไม่มีลูกพี่ลูกน้องด้วย ไม่รู้ว่าการมีพวกเขาเป็นยังไง”
จิ้นเฟิงเฉินคิดเล็กน้อย พลางกล่าวว่า “เหมือนว่าแม่ยายจะไม่เคยเอ่ยถึงบ้านทางฝั่งแม่ของท่านเลย”