บทที่ 524 งานเลี้ยงครอบครัวที่บ้านตระกูลฉิน
เธอจินตนาการภาพครอบครัวที่เนี้ยบและเป็นระเบียบกำลังมองดูตัวเอง แต่ละคนเคร่งขรึมและน่าเกรงขาม……
เห็นท่าทางเธอลำบากใจ จิ้นเฟิงเฉินก็ลูบไปที่มือเรียวเล็กของเธอ หัวเราะพลางกล่าวปลอบว่า “ไม่มีทาง พวกเขาจะต้องชอบคุณแน่ วางใจได้เลย อย่าเครียดเกินไปนัก”
พอได้ยินเจียงสื้อสื้อก็ทำปากยื่น กล่าวอย่างฉุนๆ ว่า “คนที่พบผู้ใหญ่ไม่ใช่คุณนี่ คุณก็ต้องไม่เครียดอยู่แล้วสิ”
“หากคุณไม่อยากไปพบ ผมไปหาคุณตาคนเดียวก็พอ” จิ้นเฟิงเฉินกล่าว
“แบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน!”
หลังเจียงสื้อสื้อได้ยิน ก็รีบกล่าวปฏิเสธทันที
เธอยืนกรานเสียงแข็งว่า “ยังไงก็ต้องไปค่ะ”
กลัวก็เรื่องหนึ่ง แต่ยังคงต้องไปพบหน้า เธอไม่อยากเหลือภาพจำแย่ๆ ให้แก่ญาติผู้ใหญ่ของจิ้นเฟิงเฉิน
หลังกล่าววาจากล้าหาญเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็ตกลงสู่ความกลัวเช่นเดิม
สองสามวันต่อมา เธอเริ่มถามถึงนิสัยและความชอบของคนในครอบครัวตระกูลฉินจากแม่จิ้นไม่หยุด
ช่วยเตรียมของขวัญอย่างละนิดอย่างละหน่อย
แม่จิ้นเห็นเจียงสื้อสื้อใส่ใจครอบครัวตระกูลฉินเช่นนี้ จึงรู้สึกเบาใจอย่างยิ่ง
บอกทุกเรื่องที่ตัวเองรู้แก่เธอ
เพียงพริบตา ก็ถึงวันงานเลี้ยงครอบครัว
รุ่งอรุณของวันนี้ เจียงสื้อสื้อตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่คนเดียว
เธออยู่หน้าตู้เสื้อผ้าเลือกเฟ้นเสื้อผ้าอย่างตั้งใจ ลองอยู่นาน ถึงได้ตามจิ้นเฟิงเฉินออกจากบ้าน
นั่งอยู่บนรถ เจียงสื้อสื้อก็เครียดจนถึงขีดสุด อดเอามือกุมไว้ด้วยกันไม่ได้
จิ้นเฟิงเฉินเห็นท่าทางของเธอ ก็เผลอหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้
มือใหญ่จับมือเล็กของเธอไว้ กล่าวเสียงค่อยว่า “ทำใจให้สบาย หนนี้เป็นแค่งานเลี้ยงครอบครัวเท่านั้นสื้อสื้อ ขอแค่คุณสนุกกับมันก็พอแล้ว”
เจียงสื้อสื้อพึมพำตอบรับ แต่ในใจยังคงกลัวไม่หาย
เพียงไม่นานรถก็มาจอดตรงสถานที่จัดงานเลี้ยงอย่างมั่นคง
คุณท่านฉินใคร่ครวญถึงปัญหาเรื่องผลกระทบ จึงจัดงานเลี้ยงครั้งนี้ที่วิลล่าของตระกูลฉิน
ทุกคนในตระกูลก็มารวมตัวกันที่นี่เช่นกัน
หลังลงจากรถ เจียงสื้อสื้อยืนอยู่ข้างกายจิ้นเฟิงเฉิน หัวใจเต้นเร็วอย่างมาก
เธอเกี่ยวแขนจิ้นเฟิงเฉินไว้ อดสูดหายใจเข้าลึกไม่ได้
ไม่ไกลนัก ประตูวิลล่าอันโอ่อ่าก็เปิดออก สามารถได้ยินเสียงหัวเราะพูดคุยมาจากด้านในได้อย่างลางๆ
ยืนอยู่ที่ด้านนอกสักพัก เจียงสื้อสื้อก็ปรับสีหน้าให้ดูดี ประดับรอยยิ้มอ่อนๆ บนใบหน้า พลางกล่าวกับจิ้นเฟิงเฉินว่า “ไปกันเถอะค่ะ”
จิ้นเฟิงเฉินตบๆ ที่หลังมือของเธอ เพื่อแสดงการปลอบโยน จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินเข้าไป
พอพ่อบ้านเห็นคนทั้งสอง ก็รีบก้าวขึ้นมาต้อนรับ “คุณมาแล้ว รีบไปแจ้งคุณท่านเร็ว ว่าคุณชายกับคุณนายน้อยมาถึงแล้ว”
พ่อบ้านพูดกำชับคนรับใช้ให้ไปบอกแก่คนในบ้าน
พอข่าวส่งมาถึงในบ้าน ทุกคนก็ลุกขึ้นอย่างพร้อมเพรียง พากันมองไปทางหน้าประตู
ในจำนวนนั้นมีหลายคนยังไม่เคยพบเจียงสื้อสื้อ จึงมองสังเกตเธอด้วยความประหลาดใจ
เมื่อเห็นเจียงสื้อสื้อจับมือจิ้นเฟิงเฉินเดินมาทางนี้อย่างเชื่องช้าภายใต้แสงอาทิตย์ บนใบหน้าก็ประดับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น
อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าของเธอช่างประณีตงดงาม สายตาจึงจับจ้องไปที่เธอเป็นตาเดียว
ขนคิ้วดกดำ ดวงตากระจ่างใส จมูกทั้งโด่งและเป็นสัน กลีบปากแดงสวย ประกอบกันขึ้นเป็นสาวงามคนหนึ่ง
ไม่ว่าจะยิ้มหรือขมวดคิ้ว กิริยามารยาทราวกับถูกบ่มเพาะมาจาก.คุณหนูตระกูลใหญ่
บนตัวเจียงสื้อสื้อสวมใส่ชุดเดรสสีม่วงเข้ม สไตล์เรียบง่าย
เมื่อไม่มีเครื่องประดับกระจุ๋มกระจิ๋มเหล่านั้น จึงขับผิวของเธอให้ยิ่งขาวผ่อง เมื่ออยู่ภายใต้แสงอาทิตย์จึงดูโปร่งแสงอยู่บ้าง
แม้เสื้อผ้าจะดูเรียบง่าย แต่เมื่อสวมอยู่บนตัวเธอ ก็แผ่กลิ่นอายสูงศักดิ์ที่อธิบายไม่ได้ออกมาสายหนึ่ง
ด้วยบุคลิกอันอ่อนโยนของเจียงสื้อสื้อ เมื่อยืนอยู่ข้างกายจิ้นเฟิงเฉินที่มีกลิ่นอายแข็งแกร่ง ก็เพียงทำให้คนรู้สึกเจริญหูเจริญตาขึ้นมา
ราวกับภาพวาดภาพหนึ่ง ดูลงตัวอย่างที่สุด
“คุณตา คุณลุง ป้าสะใภ้ ญาติผู้พี่……”
คนทั้งสองเดินมาถึงตรงกลางบ้านพอดี จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยปากทักทายคนอื่นๆ เจียงสื้อสื้อก็เรียกตามเขาเช่นกัน การพูดคุยดูสบายๆ และเป็นธรรมชาติ
ความเครียดที่อยู่ในใจไม่ได้แสดงออกมา เจียงสื้อสื้อหยิบของขวัญออกมามอบให้ผู้อาวุโสตามลำดับก่อน
“ดี ดีมาก ขอบคุณพวกเธอแล้ว”
คนที่ได้รับของขวัญต่างยิ้มจนตาหยี พยักหน้าตามๆ กัน
โดยเฉพาะคุณท่านฉิน พอมองเห็นเจียงสื้อสื้อ แล้วชื่นชอบอย่างมาก จากนั้นก็ดึงเธอมาอยู่ข้างๆ เพื่อสนทนาเรื่องทั่วไป
จิ้นเฟิงเหราในฐานะผู้ชายที่ยังไม่มีคู่ครองเพียงคนเดียวของบ้าน ย่อมจะไม่พ้นถูกเร่งให้แต่งงาน
เวลานี้จิ้นเฟิงเหราที่อยู่กลางวงล้อมของญาติผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่ง เริ่มถูกบีบให้แต่งงาน
“เฟิงเหราจ๊ะ เป็นยังไงบ้าง ตอนนี้มีคนที่ถูกใจแล้วหรือยัง พอดีป้าสะใภ้รู้จักหญิงสาวอยู่คนหนึ่ง รูปร่างหน้าตาสวยเชียวล่ะ หากเธอสนใจล่ะก็ ป้าจะแนะนำให้พวกเธอรู้จักกัน”
คนที่พูดคือพี่สะใภ้ของแม่จิ้น จิ้นเฟิงเหราจึงไม่อาจปฏิเสธเจ้าตัวโดยตรงได้ จึงได้แต่พูดว่า “ป้าสะใภ้ครับ เฟิงเหราขอบคุณไว้ตรงนี้แล้ว
ตอนนี้ผมมีแฟนแล้วครับ และความรักของเราก็กำลังไปได้สวย ดังนั้นเรื่องแต่งงานจึงยังไม่รีบครับ”
เดิมทีเขายังไม่อยากพูดเรื่องส้งหวั่นชีงออกมาเร็วขนาดนี้ แต่ตอนนี้คงจะไม่มีวิธีอื่นแล้ว
เป็นดังคาด พอได้ยินว่าจิ้นเฟิงเหรามีแฟนแล้ว ป้าสะใภ้และคนเหล่านั้นที่อยากจะแนะนำสาวให้เขา ต่างก็ปิดปากฉับ
เพราะแม่จิ้นไม่ได้กลับมานานแล้ว จึงคุยสัพเพเหระกับพวกพี่สะใภ้
เสี่ยวเป่าในฐานะเป็นที่รักของทุกคนจึงถูกอุ้มหยอกล้อมาตลอด ตั้งแต่เข้าประตูบ้านฉินมาก็ไม่ได้ถูกวางลงบนพื้นอีกเลย
ต่อมาก็ถูกพวกคุณลุงพาไปเดินเล่นข้างนอก เสี่ยวเป่าเองก็สนุกสนานไปกับพวกเขาเช่นกัน
จนถึงตอนเที่ยง งานเลี้ยงจึงได้เริ่มขึ้น
หลังอาหารทั้งหมดขึ้นโต๊ะหมดแล้ว คุณท่านฉินก็ยกแก้วยืนขึ้น กล่าวเสียงต่ำทรงพลังออกมา
“วันนี้นานๆ ครั้งที่ตระกูลฉินของเราจะได้มารวมตัวกัน ฉันดีใจมาก วันนี้ขอให้ทุกคนสนุกกันให้เต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจ”
คุณท่านฉินเพิ่งจะกล่าวคำจบ เสียงเล็กๆ ของเสี่ยวเป่าก็พูดออกมาว่า “ขออวยพรให้คุณตาทวดอายุยืนร้อยปี!”
พอพูดคำนี้ออกมา ก็ทำให้คุณท่านฉินแย้มรอยยิ้มกว้าง คนที่อยู่รอบๆ ก็ยิ้มตามเช่นกัน
รู้ว่าเจียงสื้อสื้อกำลังตั้งครรภ์ ร่างกายไม่สะดวกเท่าไหร่นัก ประกอบกับพักนี้เธอมีอาการแพ้ท้อง แม่จิ้นจึงรู้สึกไม่วางใจอยู่บ้าง
ตั้งใจนั่งอยู่ข้างกายเจียงสื้อสื้อ คอยคีบอาหารรสอ่อนวางไว้ในถ้วยของเธอ พลางกระซิบถามว่า “สื้อสื้อ หนูดูสิว่าหนูกินอะไรได้บ้าง แล้วมาบอกแม่นะ”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า จิ้นเฟิงเฉินที่อยู่ข้างกายสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเจียงสื้อสื้อซีดขาวอยู่บ้าง จึงถามด้วยความห่วงใยว่า “สื้อสื้อ รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
บางทีหลายวันมานี้ไปๆ มาๆ ที่โรงพยาบาล จึงทำให้ร่างกายเจียงสื้อสื้อรู้สึกกินอะไรไม่ลงอยู่บ้าง
เธอในตอนนี้ดูอ่อนแรงอย่างมาก
“เฟิงเฉินฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวลค่ะ” เจียงสื้อสื้อยิ้มแย้มตอบเขา บอกเป็นนัยว่าตนเองไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง
อันที่จริงตอนนี้ในกระเพาะเจียงสื้อสื้อกำลังปั่นป่วนอย่างหนัก รู้สึกย่ำแย่อย่างมาก
แต่เธอไม่อยากให้งานเลี้ยงหมดสนุกเพราะตัวเอง
หลังผ่านงานเลี้ยงไป ทุกคนในตระกูลฉินกำลังสนุกสนาน จึงพาเสี่ยวเป่าไปที่สนามยิงธนู เพื่อฝึกทักษะยิงธนู
เพราะอย่างไรคนตระกูลฉินส่วนใหญ่ล้วนเป็นบุคคลมีชื่อเสียงของเมืองเป่ย งานอดิเรกย่อมไม่เหมือนกับคนทั่วไป
และเพื่อเพิ่มทักษะการป้องกันตัวอีกอย่างให้กับคนตระกูลฉัน
พอได้ยินว่าจะไปสนามยิงธนู เสี่ยวเป่าก็วิ่งออกไปอย่างตื่นเต้นเป็นคนแรก
นี่ยังคงเป็นการยิงปืนครั้งแรกของเขา จำเป็นต้องยิงให้ดูก่อนเป็นลำดับแรก