ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 571 สัญญาแล้วนะ

บทที่ 571 สัญญาแล้วนะ

บทที่ 571 สัญญาแล้วนะ

“คุณจิ้น บังเอิญจัง” ฝู้จิงเหวินยิ้มทักทาย หลังเห็นคนเต็มที่นั่งพิเศษ ก็ชะงักไปเล็กน้อย

ตระกูลจิ้นทั้งตระกูลต่างอยู่ที่นั่นกันหมด จึงอดรู้สึกว่าตนเองบุ่มบ่ามเกินไปไม่ได้

“แด๊ดดี้!” เถียนเถียนร้องขึ้นอย่างดีใจ แต่ที่นั่งสำหรับเด็กจำกัดการกระทำของเธอไว้ เธอจึงทำได้เพียงนั่งลงแต่โดยดี

เห็นฝู้จิงเหวินมาถึง ทุกคนก็วางตะเกียบลง

จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า “นั่นสิ บังเอิญมากเลย ผมเพิ่งกลับจากต่างประเทศพอดี”

“งั้นหรือ พวกเราก็เพิ่งกลับมาเหมือนกัน” ฝู้จิงเหวินกล่าวอย่างทอดถอนใจ

นี่ช่างเป็นวาสนาเสียจริง

ทักทายอยู่สองสามคำ ฝู้จิงเหวินก็เดินไปหยุดอยู่ข้างกายเถียนเถียน สัมผัสที่แก้มเธอแผ่วเบา กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ลูกรัก กลับบ้านกับแด๊ดดี้เถอะ!”

เถียนเถียนกำลังเคี้ยวกุ้งตัวหนึ่งที่เสี่ยวเป่าป้อนอยู่ในปาก ปากเล็กๆ ยัดอาหารจนแก้มตุ่ย

พูดอะไรไม่ได้ จึงใช้สายตามองฝู้จิงเหวินแทน

เห็นเธอกินจนปากมันแผลบ ฝู้จิงเหวินก็อยากจะหาอะไรมาเช็ดปากให้เธอ

เสี่ยวเป่าหยิบกระดาษทิชชูมาแล้ว เช็ดให้เถียนเถียนอย่างตั้งใจจนสะอาด ไม่มีทีท่ารังเกียจเลยแม้แต่น้อย

ฝู้จิงเหวินมองอย่างแปลกใจเกินบรรยาย เด็กสองคนถึงกับสนิทกันขนาดนี้เชียว แต่พวกเขาน่าจะเพิ่งเคยพบหน้ากันเพียงสองครั้งเองนะ

เขามองออกได้ว่า เสี่ยวเป่าถูกอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดี เป็นสุภาพบุรุษตัวน้อยเต็มเปี่ยมคนหนึ่ง

เห็นฝู้จิงเหวินทำสีหน้าประหลาดใจ จิ้นเฟิงเฉินก็พูดอยู่ด้านข้างว่า “เด็กสองคนเข้ากันได้ดีมาก เสี่ยวเป่าชอบเถียนเถียนมาก”

“เสี่ยวเป่ารู้ความมาก” ฝู้จิงเหวินยิ้มกล่าวชมเชย

เด็กผู้ชายทั่วไปที่อายุเท่าเสี่ยวเป่า ล้วนเอาแต่ซุกซนก่อเรื่องทั้งสิ้น

จะยอมคบค้ากับเด็กผู้หญิงที่ถูกเก็บมาคนหนึ่งแต่โดยดีได้อย่างไรกัน แสดงว่าเสี่ยวเป่านิสัยไม่เลว

“ขอบคุณค่ะพี่ชาย” สุดท้ายเถียนเถียนก็กลืนกุ้งลงไปจนหมด กล่าวด้วยน้ำเสียงน่ารัก

เสี่ยวเป่าป้อนน้ำให้เธอดื่ม ขณะที่ป้อนก็เอามือวางรองใต้คางเธออย่างใส่ใจ เพื่อกันไม่ให้น้ำไหลเข้าไปในคอ

พูดได้ว่าเหมือนพี่ชายที่เป็นห่วงเป็นใยน้องสาวทั่วไป คอยใส่ใจไปทุกๆ ด้าน

แต่ฝู้จิงเหวินกลับรู้สึกว่าการรบกวนผู้อื่นเช่นนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก จึงส่งเสียงกล่าวว่า “เถียนเถียน พี่ชายก็ต้องกินข้าวเหมือนกันนะ ดังนั้นหนูกินเองได้ไหม?”

ไม่รอให้เถียนเถียนพูด เสี่ยวเป่าก็กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “คุณลุงครับ ไม่เป็นไร เถียนเถียนยังเล็ก ผมดูแลเธอก็สมควรแล้ว”

“รู้ความจริงๆ หนูเองก็เป็นเด็กเหมือนกันนะ งั้นพวกเราก็ไม่รบกวนพวกคุณแล้ว เถียนเถียน พวกเราควรกลับได้แล้ว”

สิ้นคำ ฝู้จิงเหวินก็ยื่นมือไปหาเถียนเถียน

แม้เถียนเถียนจะยังตัดใจไม่ลงอยู่บ้าง แต่ก็วางตะเกียบลงอย่างรู้ความ ยอมให้ฝู้จิงเหวินอุ้มเข้าไปในอ้อมแขน

โอบที่คอของเขา กล่าวอย่างเจื้อยแจ้วว่า “ได้ค่ะ แด๊ดดี้”

เจ้าตัวน้อยแม้จะตัดใจไม่ลงแต่ก็ยังคงเชื่อฟัง ดูแล้วน่ารักอย่างยิ่ง

เห็นเถียนเถียนจะไปแล้ว เสี่ยวเป่าก็เงยหน้าเล็กกล่าวว่า “คุณลุงครับ เถียนเถียนยังกินไม่อิ่มเลย”

เขายังมีกุ้งอีกตั้งหลายตัวที่อยากจะแกะให้เถียนเถียนกิน พอจะไปทั้งอย่างนี้จึงยิ่งตัดใจไม่ลง

อันที่จริงเถียนเถียนกินอิ่มแล้ว พุงเล็กๆ ล้นไปหมดแล้ว

เธอก็แค่อยากเล่นกับเสี่ยวเป่า เพราะพี่ชายคนนี้ทำให้เธออยากกินอาหารมากขึ้น เธออยากแอบพาเขากลับไปซ่อนไว้ที่บ้านเหลือเกิน

“ขอบใจนะ เสี่ยวเป่า เถียนเถียนต้องกลับบ้านไปหาหม่ามี้ คราวหลังหนูมาที่นี่ ลุงจะเรียกหนูเอง ดีไหม?”

ฝู้จิงเหวินยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าว

เสี่ยวเป่าเองก็เป็นเด็กที่เชื่อฟังคนหนึ่ง พอได้ยินก็กล่าวอย่างเฉลียวฉลาดว่า “งั้นก็ได้ครับ คราวหน้าคุณลุงต้องพาเถียนเถียนมาให้ได้นะครับ”

“คุณฝู้ นั่งกินข้าวด้วยกันก่อนเถอะ” จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยปากเชิญ

แม่จิ้นพ่อจิ้นก็เอ่ยปากสำทับเช่นกัน บอกว่าได้มาพบกันถือเป็นวาสนา อีกทั้งเด็กสองคนยังถูกชะตากันขนาดนี้ ไม่แน่ว่าต่อไปยังจะได้พบกันอีก

ที่สำคัญกว่านั้นคือ พวกเขาเองก็ชอบเถียนเถียนเช่นกัน

เห็นเสี่ยวเป่าเล่นกับเธออย่างมีความสุขขนาดนั้น พวกเขาย่อมอยากให้หลานมีความสุขมากขึ้นไปอีก

ต้องรู้ว่า นับตั้งแต่เจียงสื้อสื้อหายตัวไป เสี่ยวเป่าก็ไม่มีความสุขมากขนาดนั้นมานานแล้ว

การปรากฏตัวของเถียนเถียน ได้เติมเต็มภาพฝันที่เขามีต่อน้องสาวพอดี

ครอบครัวจิ้นรู้สึกว่า เป็นอย่างนี้ช่างดีเหลือเกิน ขอเพียงทำให้เสี่ยวเป่ามีความสุขได้ ก็คือความปรารถนาที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาแล้ว

ยังไม่ทันที่ฝู้จิงเหวินจะตอบตกลง จิ้นเฟิงเหราก็ตัดสินใจเรียกบริกรเข้ามาสั่งอาหารแล้ว

ฝู้จิงเหวินยิ้มกล่าวปฏิเสธ “ขอบคุณในความหวังดีของทุกคน เถียนเถียนของผมรบกวนทุกคนมามากแล้ว ข้าวคงกินไม่ได้แล้ว ภรรยาผมยังอยู่โรงพยาบาล ต้องรีบกลับไปดูแลเธอ ไว้วันหลังจะต้องไปเยี่ยมขอบคุณถึงบ้านแน่”

ตามมารยาท ครอบครัวจิ้นจึงถามถึงสุขภาพของภรรยาฝู้จิงเหวินส้กหน่อย

“สุขภาพเธอไม่ค่อยดีมาแต่ไหนแต่ไร แต่ครั้งนี้เพียงหมดสติไปกะทันหันเท่านั้น ไม่มีอะไรร้ายแรง” ฝู้จิงเหวินตอบอย่างเกรงใจ

ครั้งนี้ครอบครัวจิ้นจึงรู้ว่า ด้วยสถานการณ์พิเศษ ใช่ว่าผู้ใหญ่จะใจกว้างทุกคน

แต่เห็นเสี่ยวเป่าตัดใจไม่ลง ครอบครัวจิ้นก็ไม่อยากให้เถียนเถียนจากไปเลยจริงๆ

แต่ฝู้จิงเหวินยืนกรานไม่รั้งอยู่ พูดเพียงว่าคราวหน้าจะพาภรรยาไปเยี่ยมหา

ครอบครัวจิ้นเองก็ไม่อยากฝืนใจเช่นกัน เกรงใจกันรอบหนึ่งแล้ว ก็ถือว่าพอแล้วเช่นกัน

เห็นภาพเสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนอาลัยอาวรณ์ไม่อยากแยกจาก จิ้นเฟิงเหราก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้พลางกล่าวว่า “ในเมื่อทุกคนมีวาสนาต่อกันเช่นนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องเลือกวันแล้ว สัปดาห์หน้าเป็นวันหมั้นของผมพอดี ทำไมคุณฝู้ไม่พาเถียนเถียนมาร่วมงานด้วยล่ะ จัดที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมกรีน”

จิ้นเฟิงเหราอัธยาศัยดี ทั้งยังเจิดจ้าเป็นพิเศษ พูดอะไรก็ไม่ทำให้คนรู้สึกติดขัด

อีกทั้งท่าทางเชื้อเชิญยังเต็มไปด้วยความจริงใจ จึงทำให้คนรู้สึกถึงความบริสุทธิ์ใจ

หลังฝู้จิงเหวินชะงักไปเล็กน้อย ก็ยิ้มจริงใจกล่าวว่า “ยินดีๆ นั่นยอดเยี่ยมไปเลย ถึงเวลาจะต้องพาภรรยากับลูกไปร่วมแสดงความยินดีแน่”

“ดี สัญญาแล้วนะ” จิ้นเฟิงเหรากล่าวอย่างดีใจ

เขาชอบความครึกครื้น คนยิ่งเยอะยิ่งสนุก หวังให้ทุกคนเป็นประจักษ์พยานในความดีงามของเขากับส้งหวั่นชีง

ส้งหวั่นชีงเห็นเขามีท่าทางเปี่ยมไปด้วยความสุข ก็เม้มปากอย่างเงียบๆ

สองคนชราเห็น ก็ยิ้มอย่างเข้าใจ

ก่อนจากไป เถียนเถียนได้กล่าวอำลากับทุกคน

“คุณปู่คุณย่าไว้พบกันใหม่ค่ะ คุณน้าคุณอาค่อยพบกันใหม่ค่ะ พี่ชายค่อยพบกันใหม่ค่ะ แด๊ดดี้ค่อยพบกันใหม่ค่ะ”

น้ำเสียงเล็กเจื้อยแจ้ว เต็มไปด้วยความไร้เดียงสา

ครอบครัวจิ้นทำท่าทางเหมือนเห็นบ่อยจนชินตา ภายในเวลาสั้นๆ พวกเขาต่างคุ้นเคยกันหมดแล้ว

กลับเป็นฝู้จิงเหวิน ที่รู้สึกเก้อเขินอยู่บ้าง

แต่เด็กคนนี้แก้นิสัยไปก็ปวดหัว

คนอื่นที่ไม่รู้ ยังคิดว่าเธอเป็นลูกของบ้านนี้ด้วยซ้ำ

ครอบครัวจิ้นเองก็กล่าวอำลากับเถียนเถียนเช่นกัน โดยเฉพาะเสี่ยวเป่า พูดไล่ตามหลังว่า “น้องสาว สัปดาห์หน้าเจอกัน”

เถียนเถียนพยักหน้า “พี่ชายไว้พบกันใหม่ สัปดาห์หน้าเจอกัน”

ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน เสี่ยวเป่ารู้ว่ายังได้พบหน้ากันอีก ในใจจึงไม่รู้สึกหดหู่

ขอเพียงผ่านสัปดาห์นี้ไป ในงานหมั้นของอาเล็กเขาก็จะได้พบเถียนเถียนอีกครั้ง จึงเฝ้ารออย่างห้ามใจไม่ไหวอยู่บ้าง

ฝู้จิงเหวินพาเถียนเถียนจากไปแล้ว ตระกูลจิ้นก็กินข้าวกันต่อ

ก่อนจากไปฝู้จิงเหวินคิดในใจ ครอบครัวนี้ช่างน่าสนใจนัก

สองพี่น้องนิสัยคนละอย่าง ดูไปแล้วก็เหมือนน้ำแข็งกับไฟ แต่บรรยากาศกลับกลมเกลียวอย่างมาก

พ่อแม่เองก็ยังแข็งแรง ยังมีเด็กที่น่ารักอีกคน เห็นแล้วช่างเป็นครอบครัวที่แสนมีความสุข

แต่ เขามองไปมองมา มักรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่าง

หลังออกพ้นประตูไป ถึงได้สติขึ้นมา ที่แท้ภรรยาของคุณจิ้นคนนั้นก็ไม่อยู่นี่เอง

มิน่าเขามักรู้สึกอยู่ตลอดว่าที่ข้างกายเขาว่างเปล่า ราวกับจะเว้นที่ว่างไว้ที่หนึ่ง?

แต่ไม่มีชามกับตะเกียบ มองไปแล้วก็รู้สึกแปลกๆ

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท