บทที่ 594 การดำเนินการอย่างระมัดระวังรอบคอบทุกย่างก้าว
“แด๊ดดี้ ผมออกไปแล้วนะ บ๊ายบาย!”
วันรุ่งขึ้นเนื่องเพราะตอนกลางคืนเสี่ยวเป่าได้วิดีโอคอลกับเจียงสื้อสื้อเถียนเถียนมาก่อน ทั้งล้วนหลับสนิทเป็นพิเศษ ตอนนี้สติแจ่มใส
ตอนเช้าไม่ได้รอให้จิ้นเฟิงเฉินเรียกก็ลุกจากเตียงโดยอัตโนมัติแล้ว พายกระเป๋าหนังสือเล็กๆของตนเองลงไปข้างล่าง
กินอาหารเช้าเสร็จ หลังจากร้องพูดกับจิ้นเฟิงเฉินประโยคหนึ่งอย่างเต็มพลัง ก็ตามคนขับรถไปโรงเรียนอย่างเป็นเด็กดี
“นี่ก็ยังเป็นครั้งแรก ที่คุณชายน้อยไปโรงเรียนอย่างกระตือรือร้นขนาดนี้ล่ะ พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วหรือ”
พ่อบ้านจ้องมองภาพด้านหลังที่กระโดดโลดเต้นและไกลจากไปของเสี่ยวเป่า ขยี้สายตายาวของตนเองอย่างไม่กล้าเชื่อ คิดว่าตนเองเกิดภาพลวงตาแล้ว
ตามปกติ เสี่ยวเป่าถ้าไม่ขี้เซาสามสิบนาทีล้วนจะไม่ลุกจากเตียง ออดอ้อนกลิ้งไปมาหลายรูปแบบ ไม่ยอมไปโรงเรียน
เหมือนดั่งปีศาจร้ายใหญ่ที่ก่อความวุ่นวายคนหนึ่ง ใครเกลี้ยกล่อมก็ไม่มีประโยชน์ นานๆเข้า ทุกคนก็ล้วนตามนิสัยของเขาไปแล้ว
ดังนั้นมักจะลุกขึ้นจากเตียงแล้ว ก็ใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนแล้วอย่างมาก อาหารเช้าก็ไม่สามารถนั่งกินดีๆ กัดขนมปังคำเดียวก็วิ่งไปเลย
วันนี้ผิดปกติเป็นพิเศษ ทำให้คนอดไม่ได้รู้สึกผิดปกติอย่างมาก
แต่ว่าบนใบหน้าของจิ้นเฟิงเฉินกลับไม่มีความงงงวยสักนิด ริมฝีปากที่บางๆของเขายกขึ้นเป็นโค้ง เดาได้ว่าเนื่องเพราะอะไรอย่างคร่าวๆ
เสี่ยวเป่าเด็กคนนี้บางทีอารมณ์ขึ้นมาแล้ว แม้แต่คำพูดของเขาก็ใช้ไม่ได้ผล
แต่เชื่อฟังคำพูดของหม่ามี๊เขาเป็นพิเศษ พูดออกจากปากคำเดียว เขาล้วนสามารถทำเหมือนดั่งรับราชโองการ ปฏิบัติอย่างเข้มงวด
คิดว่าน่าจะเมื่อคืนตอนที่คุยโทรศัพท์ เจียงสื้อสื้อพูดอะไรออกจากปากไปแล้ว ถูกเด็กคนนี้จำไว้เลย ส่ายหัวต่อๆกันอย่างน่าขำ
นึกถึงเจียงสื้อสื้อ นัยน์ตาของจิ้นเฟิงเฉินย้อนแสงแวววาวเป็นจุดๆ
ผ่านไปไม่นาน เขาก็เคลื่อนตัวไปยังบริษัทเช่นกัน
ช่วงบ่าย แสงอาทิตย์ผ่านช่องของหน้าต่างบานเกล็ด สาดเข้ามาเลย ค่อยๆตกอยู่ข้อกระดูกนิ้วมือที่เห็นอย่างชัดเจนของจิ้นเฟิงเฉิน
อาบอยู่ภายใต้แสงเหลืองทอง ริมฝีปากบางๆของจิ้นเฟิงเฉินเม้มแน่น
เส้นผมดำที่เล็กขยับเบาๆอยู่ในลมบางๆ หน้าตาสวยสดงดงามหล่อเหลา เขาก้มหน้าสลักหลังเช็กบนเอกสารอย่างใจจดใจจ่อ
ในออฟฟิศ มีเพียงแค่เสียง ซ่า ซ่า เสียงปากกาหมึกซึมที่เสียดสีกับกระดาษซวนจื่อ
ในเวลานี้มือถือที่วางไว้อยู่ข้างโต๊ะสั่นไปหนึ่งที ติ๊ง เสียงหนึ่ง เสียงเตือนของข้อความมีแต่ความเงียบสนิทของหลังเที่ยง
จิ้นเฟิงเฉินวางปากกาลง ขยี้คิ้วตาหนึ่งที หยิบมือถือขึ้นมา เปิดอ่านข้อความที่เพิ่งส่งเข้ามานั้น
เป็นข้อความที่ครูประจำชั้นของเสี่ยวเป่าส่งมา
“คุณจิ้น บอกข่าวดีกับท่านเรื่องหนึ่ง! นักเรียนจิ้นเป่ยเฉินวันนี้อยู่โรงเรียนทำตัวอย่างดีมากจริงๆ ตอนเรียนตั้งใจเหลือเกิน ยังช่วยเพื่อนร่วมชั้นทำเวร หวังว่าเมื่อท่านกลับถึงบ้านสามารถชื่นชมเขาสักหน่อย ให้เขามุมานะบากบั่นต่อไป……”
จากข้อความนี้ จิ้นเฟิงเฉินสามารถจินตนาการถึงอารมณ์ความตื่นเต้นของคุณครูตอนส่งข้อความนี้อย่างตะคุ่มๆ
ปีศาจร้ายใหญ่ในยามปกติกลายเป็นเด็กดีขนาดนี้ ในเวลาเดียวกันที่ทำให้คนตื่นตะลึงตกใจยังมีความรู้สึกที่ไม่เกิดความหวาดกลัวแบบนั้น
เขาอดไม่ได้เผลอยิ้มออกมาหนึ่งที ตอบกลับไปคำหนึ่งว่าได้ครับอย่างราบรื่น
เกิดอารมณ์ที่ปลื้มใจขึ้นจากใจ
ไม่ว่าเป็นยังไง เสี่ยวเป่าเด็กคนนี้เห็นลักษณะแล้วน่าจะมีจิตใจแห่งการต่อสู้ลุกไหม้ขึ้นแล้ว
เนื่องเพราะว่าเจียงสื้อสื้อ ช่วงนี้เขาเชื่อฟังเป็นพิเศษล่ะ
ตอนเย็น เสี่ยวเป่ากลับมาจากโรงเรียน
จิ้นเฟิงเฉินก็เลิกงานแต่วันเช่นกัน ทันทีที่เสี่ยวเป่าเข้าประตูจิ้นเฟิงเฉินก็อยู่ห้องรับแขก
ปฏิกิริยาแรกก็คือขวัญอ่อน หมุนตัวคิดจะวิ่งหนี
กลับเปลี่ยนความคิด ครุ่นคิดว่าตนเองได้ทำผิดอะไรอยู่ในโรงเรียนไหม ก็เลยลูบคอเดินเข้ามา
พูดกับจิ้นเฟิงเฉินว่า “แด๊ดดี้ วันนี้ทำไมกลับมาเร็วขนาดนี้ล่ะ?”
อยู่ภายใต้ฉากแบบนี้ตามปกติ ถ้าแด๊ดดี้กลับมาบ้านก่อนเขาล้วนเป็นเพราะว่าเขาทำผิดอยู่ในโรงเรียน
รอสั่งสอนเขาอยู่ในบ้าน…….
จิ้นเฟิงเฉินยังไม่ได้ตอบคำถามของเสี่ยวเป่า รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของเสี่ยวเป่าหายไปทันที กลืนน้ำลายหนึ่งที
และถามไปประโยคหนึ่งอย่างงงๆ “ผมทำผิดอะไรอีกแล้วหรือ?”
จิ้นเฟิงเฉินเงยหน้าขึ้น ส่ายหัวเบาๆส่ายแล้วส่ายอีก “ไม่มี เข้ามานั่ง”
เขาตบที่นั่งที่อยู่ข้างๆตบแล้วตบอีก บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อย
เห็นสภาพนั้น เสี่ยวเป่าจึงวางใจ เดินเข้าไปและนั่งลง
ลูบเส้นผมที่ดำเหมือนหมึกของเสี่ยวเป่า จิ้นเฟิงเฉินพูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “คุณครูของพวกแกบอกว่าวันนี้แกทำตัวดีมาก”
เสี่ยวเป่าได้ยินคำพูด กลับรู้สึกเขินแล้ว “แท้ที่จริงแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเลย”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มพูดว่า “ไม่ได้ทำอะไรสำหรับคุณครูของพวกแกมากล่าวแล้วก็คือขอบคุณฟ้าขอบคุณดินล่ะ”
เสี่ยวเป่าเบิกตาโพลง ฟังออกถึงความรู้สึกที่ถูกแซวแบบนั้น เบ้ปากต่อๆกันอย่างไม่พอใจ
จิ้นเฟิงเฉินเปลี่ยนคำพูดทันที ไต่ถามว่า “เนื่องเพราะหม่ามี๊หรือ? ช่วงนี้แกทำตัวเป็นเด็กดีขนาดนี้”
ตาของเสี่ยวเป่าเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังผ่านไปสักพัก พยักหน้าต่อๆกันอย่างหนัก
เขาเปิดริมฝีปากอยากคุยแต่ลังเลเสียงเบาพูดไปประโยคหนึ่ง “หม่ามี๊ชอบเด็กดี ดังนั้นเสี่ยวเป่าจะดื้อไม่ได้”
ในน้ำเสียงปรากฏความหวาดกลัวบางๆ มีความรู้สึกกลัวที่จะถูกเจียงสื้อสื้อโยนทิ้งอย่างนั้น เป็นเด็กดีจนทำให้คนรักสุดหัวใจ
หัวใจของจิ้นเฟิงเฉินอึ้งชะงักเล็กน้อย จับมือเสี่ยวเป่าไว้อย่างรักสุดหัวใจ
เสียงเข้มพูดว่า “ไม่ว่าแกจะเป็นยังไง หม่ามี๊ล้วนจะชอบแกมาก แด๊ดดี้รับรองกับแก แด๊ดดี้กับหม่ามี๊รักแกตลอดไป ดังนั้นพวกเรามีความอดทนหน่อยดีไหม หม่ามี๊จะกลับมาอย่างแน่นอน”
“ได้ครับ”
ขอบตาของเสี่ยวเป่าแดงเล็กน้อย เขาพยักหน้าต่อๆกัน พักพิงเข้าไปในอ้อมอกของจิ้นเฟิงเฉิน
ใจที่สับสนวุ่นวายดวงหนึ่งหาพบอ่าวท่าเรือทะเลแล้ว ค่อยๆสงบสุขลงมา
พ่อลูกทั้งสองยากที่จะนั่งลงมาเปิดใจคุยกัน ในลมกลางคืนพัดผ่านเสียงที่อ่อนโยนของพวกเขา
ความกังวลในใจถูกกล่อมราบเรียบ บาดแผลแต่เก่านั้นเหมือนถูกรักษาทีละจุดแล้ว……
เข้าสู่กลางคืน หลังจากจิ้นเฟิงเฉินกล่อมเสี่ยวเป่านอนแล้ว กู้เนี่ยนก็เข้ามาเคาะประตูเลย
ก่อนหน้านั้นเขาให้กู้เนี่ยนไปสืบภูมิหลังของฝู้จิงเหวิน คราวนี้ได้เบาะแสแล้ว
“คุณชาย พวกเราสืบได้ว่าบิดาของฝู้จิงเหวินคนนี้ เป็นพ่อค้าขายไวน์ที่มีชื่อเสียงเล็กน้อยอยู่ประเทศฝรั่งเศส” กู้เนี่ยนพูดอยู่เอารูปถ่ายไร่ใหญ่ที่รวบรวมมาวางอยู่ข้างหน้าจิ้นเฟิงเฉิน
“ตอนนี้คุณหญิงก็ทำงานอยู่ที่โรงไวน์ของบิดาฝู้จิงเหวินด้วย ช่วยวางแผนและจัดการบริหาร มักจะปรากฏตัวอยู่ในไร่องุ่นใหญ่ของบ้านพวกเขา”
กู้เนี่ยนยื่นรูปถ่ายของเจียงสื้อสื้อที่เข้าออกสวนองุ่นไปด้วย
จิ้นเฟิงเฉินจ้องมองเงากายของเจียงสื้อสื้อที่อยู่บนรูปถ่าย ลูกกระเดือกขยับเล็กน้อย
นิ้วที่บางๆ จับมุมหนึ่งของรูปถ่าย ออกแรงเล็กน้อย
“โรงไวน์”
ริมฝีปากบางๆของเขาอ้านิดๆ ไตร่ตรองอย่างละเอียดอะไรอยู่
หลังจากผ่านไปสักพัก นัยน์ตาเกิดแสงแวววาวขึ้น
เขาเงยหน้าจ้องมองไปยังกู้เนี่ยน ใช้นิ้วชี้ไปที่โรงไวน์ของพ่อฝู้วางแผนและจัดการบริหารแห่งนั้นชี้แล้วชี้อีก เสียงเข้มสั่งว่า “ให้คนของพวกเราไปติดต่อพวกเขาสักหน่อย
คุยกันเกี่ยวกับการร่วมงานโครงการค้าขายไวน์แดงสักหน่อย สั่งลงไป ฝั่งตรงข้ามมีข้อเรียกร้องอะไร ล้วนเปิดโปงให้หมดจำเป็นต้องทำให้ร่วมงานได้อย่างสำเร็จ”
กู้เนี่ยนได้ยินคำพูด อึ้งชะงักเล็กน้อยหนึ่งที
แต่มีปฏิกิริยากลับคืนมาในทันทีรู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินจะทำอะไร
เขาอยากจะอาศัยจิ้นกรุ๊ปตีเข้าไปภายในตระกูลฝู้ก่อน หลังจากนี้ยิ่งง่ายที่จะใกล้กับเจียงสื้อสื้อ สมเหตุสมผลยังถูกกฎหมายด้วย
“ได้ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
กู้เนี่ยนไม่กล้าเฉยชาแม้แต่น้อย พยักหน้าตอบรับทันที
จ้องมองกาแล็กซี่กว้างใหญ่ที่จุดแสงสว่างขึ้นในตาของประธานบ้านตนเอง ในใจทอดถอนใจอย่างใจหายเหลือเกิน
ผู้ชายที่จิตใจฮึกเหิมที่เขารู้จักคนนั้นดูเหมือนกลับมาอีกแล้ว
ท่าทางที่โอหังอวดดีเป็นธรรมชาติโดยสิ้นเชิงนั้นทำให้คนข้างๆเลียนแบบไม่ได้
จิ้นเฟิงเฉินเป็นกษัตริย์องค์หนึ่งโดยกำเนิด กับเรื่องทั้งหมดล้วนมุ่งมั่นที่จะเอาให้ได้ การดำเนินการอย่างระมัดระวังรอบคอบทุกย่างก้าว
บุคคลและเรื่องราวที่ถูกเขาจับตาไว้ ไม่สามารถหนีพ้นสักนิด