บทที่ 634 คุณมาก็มีแต่จะก่อปัญหาเพิ่ม
กู้เนี่ยนทำได้เพียงมองด้านหลังของเขาที่รีบออกไป จะตามก็ตามไม่ทัน
จิ้นเฟิงเฉินขับรถไปด้วยรวดเร็ว มาถึงบ้านตระกูลฝู้แล้ว
ประตูทางเข้าใหญ่ของบ้านตระกูลฝู้ล็อกอยู่อย่างแน่นหนา เขาทุบอย่างรุนแรง “สื้อสื้อ คุณอยู่ข้างในไหม?”
ตะโกนอยู่นานก็ไม่มีใครมาเปิดประตู จิ้นเฟิงเฉินร้อนใจจนดวงตาสองข้างแดงไปหมด
สายตาของเขากวาดมองขึ้นไปข้างบน ดวงตาจับจ้องไปที่หน้าต่างบานหนึ่งที่ชั้นสอง
ข้างนอกหน้าต่างมีระเบียงกว้างๆอยู่ นับว่าอยู่ห่างไม่สูงมาก
หน้าต่างข้างๆก็ใหญ่มาก หากหน้าต่างไม่ได้ล็อก ก็ขึ้นไปที่ชั้นสองได้
หากหน้าต่างล็อกอยู่ ก็ทุบมันให้แตก!
ดวงตาของเขาหรี่ลง ในเวลาเพียงครู่เดียว จิ้นเฟิงเฉินก็ลงมือ
ผ่านไปไม่กี่นาที บ้านตระกูลจิ้นก็มีเสียงแตกละเอียดดังขึ้น สองแม่ลูกที่อยู่ในห้องสะดุ้งขึ้น
เด็กหญิงตัวน้อยตกใจมากจนหยุดร้องไห้
ไม่นานจิ้นเฟิงเฉินก็ปรากฏตัวขึ้นในสายตาของพวกเธอ
มีฝุ่นเกาะอยู่บนสูทที่เรียบของเขา มือข้างหนึ่งอยู่ข้างหลัง บนใบหน้าอันหล่อเหลามีความกังวลประดับอยู่ลึกๆ
ท่ามกลางสติที่เลอะเลือน เจียงสื้อสื้อเห็นเพียงแค่เงาที่สูง แสงสะท้อนกลับ ที่ร่างกายของคนตัวสูง
เธอถอนหายใจออกมาทันที
ได้รับการช่วยเหลือแล้ว
เธอคิดอย่างเงียบๆ
“แดดดี๊!”
เด็กหญิงตัวน้อยตะลึงไปครู่หนึ่ง เมื่อตั้งสติได้ เธอก็วิ่งไปกอดขาของจิ้นเฟิงเฉิน ร้องไห้จนแทบจะไม่มีเสียงออกมา
“แดดดี๊ เร็ว…… แดดดี๊ไปดูหม่ามี๊เร็ว……”
จิ้นเฟิงเฉินเดินไป ลูบหน้าผากของเจียงสื้อสื้อ หัวใจเต้นตึกตักๆทันที
อุณหภูมิสูงจนน่ากลัว
ไม่กล้าที่จะลังเลอะไร จิ้นเฟิงเฉินอุ้มเจียงสื้อสื้อไว้และวิ่งลงไปข้างล่าง ไม่ลืมกำชับให้เถียนเถียนตามเขามาด้วย
ขับรถมาถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
จิ้นเฟิงเฉินคว้าหมอคนหนึ่งเอาไว้ ดวงตาแดงฉาน
“ดูเร็วๆว่าเธอเป็นยังไงบ้าง!”
หมอตกใจกับท่าทีคำรามของเขา ลนลานตรวจเช็คให้เจียงสื้อสื้อ
“มีไข้สูงตั้งสามสิบเก้าองศา”
มองอุณหภูมิที่แสดงอยู่บนที่วัดไข้ หมอเองก็ยังตกใจ
ถ้ามาช้ากว่านี้ เจียงสื้อสื้ออาจมีอาการแทรกซ้อนจากการเป็นไข้ได้
รีบสั่งให้พยาบาลทำให้อุณหภูมิร่างกายของเจียงสื้อสื้อลดลง
จากนั้นก็ป้อนยาลดไข้ให้เธอ
เพื่อกันไว้ก่อน ยังต้องเก็บเลือดของเจียงสื้อสื้อไปตรวจ
หลังจากทำทุกอย่างต่อเนื่องกันจนจบ หมอก็เดินจากไป
จิ้นเฟิงเฉินยืนเฝ้าอยู่ข้างๆ มองท่าทีอ่อนแรงของเจียงสื้อสื้อ หัวใจของเขาก็เจ็บปวดอย่างมาก
ที่แขนของเธอมีสายให้ยาอยู่ ยาก็ค่อยๆซึมเข้าไป
รอบๆดวงตาของเด็กหญิงตัวน้อยเป็นสีแดง จับมือของเจียงสื้อสื้อไว้แน่น ไม่ห่าง
เจียงสื้อสื้อนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย สงบจนเกินไป จนทำให้เป็นกังวล
จิ้นเฟิงเฉินจ้องมองใบหน้าขาวซีดของเจียงสื้อสื้ออยู่สักพัก ช่วยเปลี่ยนผ้าขนหนูที่เปลี่ยนเป็นร้อนบนหน้าผากออกมา หลังจากชุบน้ำเย็นแล้ว ก็ช่วยวางให้เธอใหม่
ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ผ่านไปสักพัก พยาบาลก็มาเปลี่ยนยาให้กับเจียงสื้อสื้อ ก็พบรอยขีดข่วนบนแขนของจิ้นเฟิงเฉิน
พูดด้วยน้ำเสียงตกใจเล็กน้อย “คุณผู้ชายคะ ที่แขนของคุณโดนกระจกบาดใช่ไหมคะ ทำไมไม่ไปทำแผลสักหน่อย? ฉันดูแล้วแผลน่าจะลึกอยู่นะคะ”
จิ้นเฟิงเฉินมองอย่างไม่ค่อยสนใจ มองแผลที่เลือดหยุดไหลไปแล้ว และพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า “ไม่เห็น”
เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย
มุมปากของพยาบาลกระตุกเล็กน้อย คนคนนี้ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดหรือยังไง?
แต่เพราะท่าทีไม่ต้องการให้คนแปลกหน้าเข้าใกล้ของจิ้นเฟิงเฉิน ก็ทำให้ไม่กล้าพูดอะไรมาก
หลังจากที่เธอเปลี่ยนสายให้ยาให้เจียงสื้อสื้อเสร็จ จิ้นเฟิงเฉินก็เรียกเธอ
“ที่นี่มียาฆ่าเชื้อและผ้าพันแผลไหม? ผมขอยืมหน่อย”
ตอนแรกพยาบาลก็ชะงักไป แต่ไม่นานก็มีปฏิกิริยากลับมา พูดต่อว่า “มีค่ะ มีค่ะ เดี๋ยวฉันไปหยิบมาให้”
ไม่ถึง5นาที พยาบาลก็เข้ามาจากข้างนอก ในมือถือชุดทำแผลไว้
เดินเข้ามาใกล้จิ้นเฟิงเฉิน ในตอนที่กำลังจะตัดเสื้อออก กลับถูกจิ้นเฟิงเฉินขวางเอาไว้
“ผมทำเอง”
น้ำเสียงเย็นๆของผู้ชายคนนี้ไม่ยินยอมให้เธอพูดสงสัยอะไร พยาบาลจึงทำได้เพียงแค่ปฏิบัติตามอย่างเชื่อฟัง
หลังจากวางของลง ก็รีบเดินออกจากห้องผู้ป่วยไป
แววตาของผู้ชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะหน้าตาหล่อเหลา แต่กลิ่นอายรอบตัวเหมือนจะกลืนคนลงไป แม้ว่าจะเดินออกมาแล้ว แต่หลังรู้สึกหนาวเย็นที่หลังอยู่เลย
เมื่อเห็นจิ้นเฟิงเฉินตัดแขนเสื้อ เถียนเถียนก็อดไม่ได้ที่จะปิดปาก
“แดดดี๊ แผลของแดดดี๊ลึกจังเลย”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มและลูบหัวของเถียนเถียนไปมา ให้เธอหันไปอีกทางหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงการมองเห็นแผลที่มีเลือดออกนี้
“ไม่เป็นไร พวกนี้เป็นแค่แผลเล็กๆ เดี๋ยวแค่แดดดี๊ปิดแผลเสร็จก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว”
หลังจากทำแผลบนแขนเสร็จ จิ้นเฟิงเฉินก็หยิบผ้าขนหนูที่ชื้น เช็ดผิวที่ร้อนของเจียงสื้อสื้ออย่างไม่หยุด
เพื่อช่วยให้ตัวของเธอเย็นลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
กลางวันผ่านมาถึงอย่างรวดเร็ว จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้นอนเลยทั้งคืน
ในตอนเช้าหมอเข้ามาดูอาการของเจียงสื้อสื้อ พบว่าไข้ของเธอได้ลดลงแล้ว พูดกับจิ้นเฟิงเฉินว่า “คุณผู้ชายครับ ตอนนี้ภรรยาของคุณพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ว่าร่างกายของเธอยังอ่อนแอมาก ง่ายต่อการติดเชื้อ ดังนั้นกลับไปแล้วก็ยังต้องระวัง พักสักระยะ แล้วจะหายเป็นปกติครับ”
ฟังจบ จิ้นเฟิงเฉินก็โล่งใจ
มองดูแก้วตาดวงใจที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เขาอยากให้เป็นตัวเองที่นอนอยู่บนนั้นแทน
ในตอนนี้เสียงกริ่งดังขึ้น ปลุกเถียนเถียนขึ้นมาจากความฝัน
เถียนเถียนร้องไห้และยืดแขนออกมาทางจิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินเดินไป ก็พบว่าเป็นโทรศัพท์ของสื้อสื้อที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของเถียนเถียน
หลังจากมองชื่อคนที่แสดงอยู่บนนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้
“ฮัลโหล”
เสียงเย็นชาของผู้ชายทำให้ฝู้จิงเหวินตกใจ และถามว่า “จิ้นเฟิงเฉิน? ทำไมคุณถึงมารับโทรศัพท์ของเจียงสื้อสื้อ? แล้วเธอล่ะ?”
เช้าวันนี้ฝู้จิงเหวินกลับมา จะมารับเจียงสื้อสื้อไปหาแม่ฝู้ ตอนนี้แม่ฝู้ได้สติแล้ว
แต่หารอบๆบ้านตระกูลจิ้นแล้วไม่พบเจียงสื้อสื้อ ทำให้เขากังวลเป็นอย่างมาก
จิ้นเฟิงเฉินตอบกลับไปอย่างเย็นๆ “ตอนนี้สื้อสื้ออยู่ที่โรงพยาบาล เป็นเพราะดูแลแม่ของคุณ จึงทำให้เธอหมดแรงและเป็นลมไป”
ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
หากไม่ใช่เพราะคนของตระกูลฝู้ สื้อสื้อก็คงไม่กลายเป็นแบบนี้
ฝู้จิงเหวินพูดทันทีที่ได้ยิน “ตอนนี้สื้อสื้ออยู่ที่โรงพยาบาลไหน? ฉันจะรีบไปทันที”
ฟังจบ จิ้นเฟิงเฉินก็ส่งเสียงไม่พอใจ และพูดปฏิเสธออกไปตรงๆว่า “คุณไม่ต้องมา ผมดูแลสื้อสื้อคนเดียวได้ คุณมาก็มีแต่จะก่อปัญหาเพิ่ม ดูแลแม่ของคุณให้ดีก่อนจะดีกว่า ให้แม่ของคุณแข็งแรงไวๆ เป็นแบบนั้นสื้อสื้อจะได้ไม่ต้องลำบาก”
คำพูดของเขาไร้ความปรานี ฝู้จิงเหวินที่อยู่อีกด้านหนึ่งสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
คำพูดของจิ้นเฟิงเฉินแท้จริงแล้วไม่ผิด ทุกวันนี้แค่เขาดูแลแม่ฝู้ก็ไม่มีเวลาจะดูแลตัวเองแล้ว ไม่มีแรงจะไปดูแลเจียงสื้อสื้อได้อีก
หลังจากวางสาย ฝู้จิงเหวินทรุดตัวลงนั่งที่พื้น พร้อมกับความรู้สึกที่หลากหลายเกิดขึ้นในใจเขา
ครั้งนี้เป็นเขาที่ส่งคนให้ไปอยู่ในมือจิ้นเฟิงเฉินด้วยมือของตัวเอง
แต่ที่เขาไม่รู้ก็คือ ตอนนี้ในใจของจิ้นเฟิงเฉินเจ็บปวดมากเพียงใด
เจียงสื้อสื้อเป็นผู้หญิงที่เขาประคบประหงมไว้ในหัวใจมาตลอด กลายมาเป็นแบบนี้ เจ็บซะยิ่งกว่าฆ่าเขาไปเลยเสียอีก