บทที่ 758 พาคุณไปพบคนคนหนึ่ง
แต่ว่า ทุกคนในที่ประชุมล้วนเป็นคนฉลาด รู้ว่าฝู้จิงเหวินอารมณ์เสียเพราะอะไร
เรื่องงานอะไรเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น ที่สำคัญคือวันนี้เจียงสื้อสื้อไม่มา
“ยอดขายโรงกลั่นเหล้าของเราในเดือนนี้ ต่ำกว่าเดือนที่แล้ว 3% เต็มๆ เดือนหน้า ผมต้องเห็นยอด ถ้าทำไม่ได้ พวกคุณทุกคนม้วนเสื่อกลับบ้านไป”
พูดจบ ฝู้จิงเหวินก็หยิบเอกสารตรงหน้าโยนลงกลางโต๊ะ ออร่ามืดมนไร้ผู้เปรียบ
ตอนนี้โรงกลั่นเหล้าของฝู้ซื่อกรุ๊ปยุติความร่วมมือกับJSกรุ๊ปแล้ว ออเดอร์ก็น้อยลงครึ่งหนึ่งเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
ฝู้ซื่อกรุ๊ปไม่ได้เจิดจรัสเหมือนเมื่อก่อน ถ้าเทียบกันแล้ว ธุรกิจของJSกรุ๊ปจะดีกว่าของฝู้ซื่อกรุ๊ปมาก
นี่ก็คือสาเหตุที่ทำไมฝู้จิงเหวินถึงโมโห
ตอนแรกเขาคิดว่า หลังจากผ่านเรื่องไวน์แดง JSกรุ๊ปจะอยู่ใต้เขา แต่สถานการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้เลย
เมื่อเวลาผ่านไปอีกยี่สิบนาที การประชุมที่น่าเบื่อก็สิ้นสุดลง ฝู้จิงเหวินก้าวเดินอย่างเร่งรีบ ออกจากห้องไปด้วยท่าทางไม่เป็นมิตร เหลือไว้แต่กลุ่มพนักงานที่เหลือก็พาซุบซิบนินทากันลับหลัง
“วันนี้ท่านประธานฝู้อารมณ์เสียขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนยกก้อนหินทุบขาตัวเองเหรอ ถ้าให้ฉันพูดนะ ไม่ควรจะแยกความสัมพันธ์กับJSกรุ๊ปตั้งแต่แรก ไม่ว่าอย่างไงชื่อเสียงของ JSกรุ๊ปก็แกร่งกว่าโรงกลั่นเหล้าของเราไม่น้อย ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป พวกเราไม่มีทางพัฒนาแน่นอน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อีกคนหนึ่งก็พูดต่อทันที “พวกเธอยังไม่รู้ไหม ว่าประธานเจียงของเรากับประธานJSกรุ๊ปมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน ”
เมื่อทุกคนได้ยินต่างก็รู้สึกสนใจ คนคนนั้นเหลียวมองดูข้างหลังแล้วกล่าว “ตอนนั้น………”
อีกด้านหนึ่ง ร่างกายเจียงสื้อสื้อเกือบฟื้นตัวดีแล้ว ดูมีชีวิตชีวากว่าแต่ก่อนเล็กน้อย
หลังจากที่นอนกลางวันแล้ว เถียนเถียนก็กวนเธออยู่ตลอดเวลา
“หม่ามี๊ เราไม่ได้ไปหาแดดี๊มานานแล้ว หนูคิดถึงพี่เสี่ยวเป่า”
เมื่อได้ยินคำพูดของเถียนเถียน นัยน์ตาเจียงสื้อสื้อก็หมองลงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เธอไม่อยากให้เถียนเถียนผิดหวัง ได้แต่เกลี้ยกล่อมเธอว่า “เถียนเถียนเป็นเด็กดี ตอนนี้พี่เสี่ยวเป่ายังเรียนอยู่ เราจะไปรบกวนเขาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะกระทบต่อผลการเรียนของพี่ได้”
ทุกครั้งที่เธอพูดแบบนี้ เถียนเถียนก็จะเชื่อฟัง
แต่คราวนี้เถียนเถียนกลับวิ่งไปเอาปฏิทินมาแล้วพูดว่า “หม่ามี๊ดู วันนี้วันที่7แล้ว พี่ชายบอกว่าหลังวันที่ 7ก็จะปิดเทอมแล้ว ท่านเองต่างหากที่ไม่อยากพาหนูไปเจอพี่ชาย”
หนูน้อยพูดไปพร้อมกับหันหลังกลับด้วยความโกรธ โดยไม่สนใจเจียงสื้อสื้ออีก
มองดูท่าทางโกรธของเธอแล้วเจียงสื้อสื้อก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
หนูน้อยคนนี้ไหวพริบดีจริงๆ รู้จักจำวันที่ด้วย
หลังจากตั้งแต่วันที่ถูกแม่ฝู้เรียกลับบ้านแล้ว เธอก็ขาดการติดต่อกับทางจิ้นเฟิงเฉินไปจริงๆ
ตอนที่เธอกำลังคิดอยู่ว่าจะหาข้ออ้างอะไรมาเกลี้ยกล่อมเถียนเถียนอยู่นั้น เสียงเรียกเข้ามือถือก็ดังขึ้นจนดับความคิดเธอไป
จิ้นเฟิงเฉินโทรมา
ในใจเจียงสื้อสื้อตื่นเต้นเล็กน้อย เขาโทรมาเวลานี้มีเรื่องอะไรหรือ
หลังจากเก็บอาการแล้ว เจียงสื้อสื้อก็รับสายขึ้นมา “มีอะไรหรือ”
หลังจากได้ยินเสียงเธอ จิ้นเฟิงเฉินพูดพร้อมรอยยิ้ม “สื้อสื้อ ผมใกล้จะถึงตระกูลฝู้แล้ว วันนี้ผมจะพาคุณไปพบคนคนหนึ่ง คุณกับเถียนเถียนเก็บข้าวของเสร็จแล้วก็ลงมาเลยนะ”
ได้ยินเช่นนั้น เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อย เขายังดีๆอยู่ทำไมถึง……….
หนูน้อยที่อยู่ข้างๆได้ยินเสียงจิ้นเฟิงเฉิน รีบแย่งโทรศัพท์ไป พูดเสียงออดอ้อน “แด๊ดดี้ มารับเถียนเถียนเร็วๆ หม่ามี๊โกหก ”
ทันทีที่เธอพูดจบ เจียงสื้อสื้อก็เอาโทรศัพท์กลับมา พูดด้วยความเกรงใจ “เถียนเถียนพูดมั่ว คุณไม่ต้องไปใส่ใจ คุณจะพาฉันไปพบคนคนหนึ่ง ใครหรือ”
“เดี๋ยวคุณก็รู้เอง”จิ้นเฟิงเฉินลับลมคมในเล็กน้อย
จากนั้นก็วางสายไปทันที
ฝั่งตรงข้ามวางสายไปแล้ว เจียงสื้อสื้อกลับรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาจะพาตัวเองไปพบใครกันแน่
ไม่ว่าอย่างไร เธอก็รีรอให้เสียเวลา ลงจากที่นอนล้างทำความสะอาดและมัดผมให้หนูน้อยทันที
เมื่อเธอเตรียมตัวเสร็จกำลังจะเดินลงมาชั้นล่าง มองออกไปหน้าต่างก็เห็นรถมาจอดรอที่ชั้นล่างแล้ว
จิ้นเฟิงเฉินยืนโบกมือให้เธออยู่ข้างรถ
เจียงสื้อสื้อก็พาเถียนเถียนลงมาชั้นล่างทันที
แม่ฝู้เห็นสีหน้าเจียงสื้อสื้อเร่งรีบ ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ สื้อสื้อ จะไปข้างนอกหรือ”
ได้ยินเช่นนั้น เจียงสื้อสื้อพยักหน้ารับ “อืม ฉันมีธุระนิดหนึ่ง จะพาเถียนเถียนไปด้วย ”
พูดจบ เจียงสื้อสื้อก็หายไปจากสายตาแม่ฝู้ทันที
แม่ฝู้สังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติ ก็มองตามหลังเจียงสื้อสื้อที่เดินจากไป
เหลือบไปเห็นผู้ชายที่รออยู่นอกประตู รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
เห็นเธอออกมา จิ้นเฟิงเฉินก็รับเถียนเถียนจากอ้อมกอดเธอไป และเปิดประตูรถให้อย่างสุภาพบุรุษ
เจียงสื้อสื้อมองจิ้นเฟิงเฉินด้วยสายตาสงสัย เธอรู้สึกว่าวันนี้จิ้นเฟิงเฉินผิดปกติเล็กน้อย
ไม่รอให้เธอถามอะไร จิ้นเฟิงเฉินก็สตาร์ทรถทันที
ครู่หนึ่งผ่านไป รถก็มาจอดหน้าวิลล่าจิ้น
เมื่อเห็นคฤหาสน์ที่คุ้นเคยตรงหน้า เจียงสื้อสื้อขมวดคิดถาม “คุณพาฉันมาบ้านคุณทำไม ไม่ใช่ว่าจะพาฉันไปพบคนคนหนึ่งหรือ”
อุ้มเถียนเถียนไว้ในอ้อมกอดแล้วจิ้นเฟิงเฉินก็พูดพร้อมรอยยิ้ม “คนคนนี้อยู่ในบ้านแล้ว ตามผมมาซิ”
พูดจบ จิ้นเฟิงเฉินก้าวนำหน้าไปทันที
เจียงสื้อสื้อได้เพียงแต่เดินตามหลังไป ไม่รู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินกำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อเข้าไปในวิลล่าแล้ว เจียงสื้อสื้อก็เห็นหญิงร่างผอมวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งอยู่ในห้องรับแขก
ดวงตาของหญิงคนนี้มีเต็มไปด้วยความโศกเศร้า แต่ก็ดูออกว่าตอนสาวเธอต้องเป็นคนสวยคนหนึ่งอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นหญิงคนนี้ในแวบแรก ในใจเจียงสื้อสื้อก็มีความรู้สึกที่ไม่เหมือนกันผุดขึ้น
เป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน
เมื่อผู้หญิงเห็นเจียงสื้อสื้อเข้าประตูมา น้ำตาก็ร่วงหล่นลงมาจากหางตาของเธอ
ในสายตาเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความคาดหวังและความดีใจ
ถูกอารมณ์ของเธอกระทบจนเจียงสื้อสื้อก็รู้สึกน้ำเหลวอุ่นๆไหลจากขอบตาตัวเองโดยไม่รู้ตัว
จิ้นเฟิงเฉินพาเจียงสื้อสื้อมาถึงตรงหน้าผู้หญิง พูดอย่างอ่อนโยน “แม่ ผมได้พาสื้อสื้อมาหาท่านแล้ว”
เมื่อหญิงวัยกลางคนได้ยินเช่นนั้น พยักหน้าอย่างตื่นเต้น จับเจียงสื้อสื้อด้วยสองมือที่สั่นเทา
ผู้หญิงที่กุมมือเจียงสื้อสื้ออยู่ตอนนี้ก็คือ ฟางเสว่มั่น
เมื่อสามปีก่อน หลังจากที่เกิดเรื่องกับเจียงสื้อสื้อ ฟางเสว่มั่นได้รับผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจอย่างหนัก
ร่างกายที่เกือบจะฟื้นฟูเต็มร้อยแล้ว ก็กลับกลายเป็นสภาพเก่าภายในชั่วค่ำคืน
อย่างไรก็ตาม รอบนี้เธอกลับไม่ได้หมดสติไป แต่ระบบการทำงานของร่างกายแย่ลงมาก
เพื่อสุขภาพร่างกายของเธอ จิ้นเฟิงเฉินจึงส่งเธอไปทำการรักษาตัวที่สวิตเซอร์แลนด์
พอดีได้ยินมาว่าเจียงสื้อสื้อยังมีชีวิตอยู่ เธอถึงขอร้องให้จิ้นเฟิงเฉินรับเธอมา
วันนี้เห็นลูกสาวตัวเองตัวเป็นๆยืนอยู่ข้างหน้า เป็นธรรมดาที่จะดีใจจนร้องไห้
มองดูใบหน้าค่อนข้างซูบผอมของเจียงสื้อสื้อแล้ว ฟางเสว่มั่นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย จับแก้มเธอไว้ และพูดเสียงสั่นเครือ “กลับมาแล้ว ในทุกสุดก็กลับมาแล้ว………”
แต่การเผชิญกับความตื่นเต้นของฟางเซว่มั่น เจียงสื้อสื้อกลับคิดอะไรไม่ออก
เธอจำหญิงตรงหน้าคนนี้ไม่ได้ และก็ไม่รู้ว่าหญิงคนนี้เป็นใคร
มีแต่ความรู้สึกอบอุ่นแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน