บทที่ 767 ให้จิ้นเฟิงเฉินลองดู
มือข้างหนึ่งของจิ้นเฟิงเฉินถูกกำเล่นอยู่ ครึ่งกายกำลังพิงหลังเก้าอีกอย่างสบายอกสบายใจ ถามอย่างไม่มีระเบียบวินัยมากว่า “เรื่องอะไร?”
แต่ว่า เผชิญหน้ากับจิ้นเฟิงเฉิน เขาก็ไม่กล้าที่จะบ่น จึงเลือกที่จะพูดสองสามเรื่องที่ต้องเซ็นชื่อโดยด่วน
“พรุ่งนี้เช้าส่งมาก็พอแล้ว”
ฟังน้ำเสียงของจิ้นเฟิงเฉินที่ไม่สนใจเช่นนี้ กู้เนี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะคิดไปเองว่า ตระกูลจิ้นเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นรึเปล่า
เหมือนจะเดาความคิดของกู้เนี่ยนออก จิ้นเฟิงเฉินพูดอย่างสบายๆว่า “ออกมาเที่ยวกับเสี่ยวเป่าและเถียนเถียนสองสามวัน ในบริษัทนายดูเพิ่มเติมให้หน่อย”
เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะมองจิ้นเฟิงเฉิน เดิมเขาก็มีเวลาที่เอาแต่ใจตัวเองแบบนี้
ทางด้านกู้เนี่ยนไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว ในสมองมีเพียงคำว่า “ทรราช” เท่านั้น
“ไม่มีอะไรวางแล้วนะ”
ยังไม่รอให้กู้เนี่ยนพูดอะไร จิ้นเฟิงเฉินก็วางสายไปเลย
จิ้นเฟิงเฉินในขณะนี้ ปรารถนาอย่างมากที่จะใช้ชีวิตอย่างเผด็จการต่อไป
เปรียบเทียบกันแล้ววันๆอยู่กับเอกสารที่จืดชืดและเจรจาการประชุม ลูกๆที่น่ารักและเจียงสื้อสื้อที่อ่อนนุ่ม สามารถทำให้เขามีความสุขมากกว่าเป็นธรรมชาติ
อีกทางด้านหนึ่ง ในใจของฝู้จิงเหวินเต็มไปด้วยความหึงหวงและโมโห
สองสามวันมานี้เธอไม่กลับบ้านเลยสักวัน เขารู้ว่าออกไปกับจิ้นเฟิงเฉิน
แต่ว่า ตอนนี้ก็ไม่สามารถทะเลาะกันเธอได้ ทำได้เพียงไปดื่มเหล้าอย่างกลัดกลุ้มใจ
ในบาร์ รินเหล้าเข้าไปในปากทีละคำทีละคำ โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว บนโต๊ะก็มีขวดเปล่ามากมายแล้ว
ในบาร์ที่มีแสงสีมากมาย ฝู้จิงเหวินที่ดื่มเหล้าอย่างกลัดกลุ้มใจอยู่ลำพังก็ได้รับความสนใจจากคนไม่น้อย
เขารูปหล่อดีเลิศ ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์อย่างชัดเจน แต่ยิ่งทำให้คนเตรียมพร้อมที่จะลงมือบุก
หญิงสาวไม่น้อยที่อยากจะลองดู พยายามที่จะเข้าใกล้
เพียงแต่ ทุกครั้งที่เข้าไปใกล้ ล้วนแต่โดนฝู้จิงเหวินไล่ไปอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย
ทุกคนไม่เต็มใจยอมรับ แต่ก็หมดปัญญา ค่อยๆกระจัดกระจายไป
ผ่านไปสักพัก เงามืดหยุดอยู่บนศีรษะ
กลิ่นน้ำหอมที่หอมหวนคลุ้งไปทั่วปลายจมูก ฝู้จิงเหวินไม่เงยหน้า ทิ้งคำเย็นๆออกมาหนึ่งคำ “ไสหัวไป!”
แต่คนที่มาไม่ได้ถูกทำให้ตกใจและถอยไป แต่กลับนั่งลงข้างๆตัวเขา หยิบแก้วเหล้าในมือเขามา เงยหน้าดื่มรวดเดียวหมด
ฝู้จิงเหวินเงยหน้าขึ้นอย่างโมโห ผลสุดท้ายก็เผชิญกับใบหน้าที่พราวเสน่ห์ของข่ายสื้อลิน
เขาขมวดคิ้ว และไม่อยากให้ความสนใจ
ข่ายสื้อลินเสยผมขึ้น มีเสน่ห์แพรวพราว “หนุ่มหล่อ ดื่มเหล้าคนเดียวมันน่าเบื่อ ฉันดื่มเป็นเพื่อนคุณเอง”
เธอนำแก้วเหล้าที่เมื่อกี้ดื่มจนหมดเทจนเต็มด้วยตัวเอง ส่งให้ริมปากของฝู้จิงเหวิน
ตั้งใจหันด้านที่มีรอยลิปสติกของตัวเอง ให้ตรงกับริมฝีปากของฝู้จิงเหวิน
ฝู้จิงเหวินดันมือของเธอออกไปอย่างรังเกียจ เรียกพนักงานให้เอาแก้วมาใหม่
ในดวงตาของข่ายสื้อลินมีความหดหู่ รีบเก็บมือไปในทันที ดื่มเข้าไปหนึ่งคำ ใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนดอกไม้
“ฉันเดาว่า คุณมาดื่มเหล้าที่นี่ ต้องเป็นเพราะความรักกับเจียงสื้อสื้อเกิดปัญหาอย่างแน่นอน”
ฝู้จิงเหวินชำเลืองมองเธออย่างเย็นชา พูดเตือนว่า “เรื่องของฉัน เธอยุ่งให้มันน้อยๆจะดีที่สุด”
ข่ายสื้อลินยักไหล่ พูดอย่างไม่สนใจแม้แต่น้อย “ฉันก็แค่อยากจะช่วยคุณก็เท่านั้น หรือว่าคุณไม่อยากแย่งคนที่รักกลับมา?”
ฝู้จิงเหวินแหงนตามองเธอ
เห็นอย่างนั้น ในใจของข่ายสื้อลินลำพองใจขึ้นมา ปากผู้ชายยิ่งกว่าผีหลอกคน ไม่ผิดจริงๆ
เธอยักคิ้ว มือหยิบแก้วในมือของฝู้จิงเหวินและพูดว่า “ฉันมีวิธีหนึ่ง สามารถช่วยให้คุณแย่งเธอกลับมาได้”
ฝู้จิงเหวินถามอย่างไม่สนใจ “อ่อ วิธีอะไร พูดมาให้ฟังสิ”
“คุณเอาอันนี้ให้เธอกิน รับรองว่าเธอจะให้ในสิ่งที่คุณต้องการ
ข่ายสื้อลินพูดและส่งของห่อหนึ่งให้เขา ยิ้มอย่างลึกลับ
ฝู้จิงเหวินเหลือบตา มองสิ่งนั้น แม้แต่ห่อยังไม่มี คิดแล้วว่าก็คงจะไม่ใช่ของที่ดีอะไร
ถึงแม้เขาจะไม่ยุ่งกับพวกนี้ แต่ตัวเองก็อยู่ในแวดวงนี้ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะได้ยินเรื่องทำนองนี้
ต่ำช้าและไร้คุณธรรม สกปรก
ฝู้จิงเหวินเหยีดหยาม
เขาหยิบของจากในมือข่ายสื้อลินมา ไม่แม้แต่จะมอง ทิ้งลงไปในถังขยะที่อยู่ข้างๆ
รอยยิ้มของข่ายสื้อลินค่อยๆหายไป กลิ่นอายบนร่างกายก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา
ไม่ให้ความสนใจการเปลี่ยนแปลงของลมหายใจเธอ ฝู้จิงเหวินเปิดเปลือกตาขึ้นมา พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ฉันไม่เคยคิดจะบีบบังคับเธอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวิธีการที่ต่ำช้าแบบนี้ เรื่องแบบนี้ หลังจากนี้พูดต่อหน้าฉันให้มันน้อยหน่อย!”
เห็นเขามีท่าทีโมโหอย่างรุนแรง ข่ายสื้อลินกลับยิ้ม
นิ้วมือที่ทาด้วยสีแดงสดจับแก้วเหล้า จรดไปที่ริมปากอย่างงดงามสง่า จิบเบาๆหนึ่งคำ
“คุณชายฝู้เป็นเหมือนกับข่าวลือที่ได้ยินจากสังคมภายนอกจริงๆ เป็นสุภาพบุรุษอย่างแท้จริง”
ฟังคำพูดของข่ายสื้อลิน ฝู้จิงเหวินรำคาญเป็นอย่างมาก อยากจะลุกออกไป
ในตอนที่ตัวเองไม่ได้สติเขาไม่อยาก จะทำการเสวนาสิ่งใดก็ตามกับผู้หญิงคนนี้
แต่ว่า ข่ายสื้อลินก็เข้าใจอย่างพอหอมปากหอมคอ พูดอย่างถูกเวลา “ฉันเคารพคุณ แต่ว่า ถ้าหากว่าคุณไม่เต็มใจ ฉันก็จำใจต้องให้จิ้นเฟิงเฉินลองดู”
“หมายความว่ายังไง?” ฝู้จิงเหวินขมวดคิ้ว
ข่ายสื้อลินยิ้มอย่างตราตรึงใจ ปีนขึ้นไปบนฝู้จิงเหวินเหมือนงู
หลังจากถูกเขาผลักออกมา ก็ไม่ถือสา พูดอย่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ไม่หมายความว่ายังไง ก็ให้เจียงสื้อสื้อดู ภาพที่งดงามของผู้ชายที่เขาชอบ มีเซ็กส์กับผู้หญิงคนอื่น คุณทาย เธอจะมีปฏิกิริยายังไง?”
แสงไฟที่กะพริบระยิบระยับในบาร์ ทำให้ใบหน้าที่สวยงามของข่ายสื้อลินแปลกประหลาดมาก
ฝู้จิงเหวินชะงักไป
“เป็นอย่างไร ให้ฉันช่วยคุณไหม?”
ข่ายสื้อลินพูดและเอามือดันคาง เข้าใกล้ฝู้จิงเหวินอย่างไม่หยุด
ในตาของเธอมีเสน่ห์มาก มองฝู้จิงเหวินด้วยสายตาหยาดเยิ้ม กลิ่นอายหอมเหมือนดอกกล้วยไม้
ลมหายใจที่มีกลิ่นเหล้ายั่วเย้าปลุกปั่นประสาทของฝู้จิงเหวิน ครั้งนี้เขาไม่ได้หลบ และยังมองข่ายสื้อลินอย่างไม่ละสายตา
สองคนจ้องตากันอยู่ใต้แสงไฟ คนหนึ่งสีหน้าจริงจัง คนหนึ่งยิ้มอย่างพราวเสน่ห์
คนที่ยิ้มนั้นมีการวางแผนไว้เป็นดีแล้ว คนที่จริงจังนั้น คิ้วขมวด สีหน้าเย็นชาที่แสดงออกมาทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้
เห็นเขาลังเลข่ายสื้อลินก็ไม่รีบร้อน
เธอรออย่างสมาธิแน่วแน่ เพลิดเพลินกับการชื่นชมใบหน้าที่หล่อเหลาของ
ฝู้จิงเหวินอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา
หน้าตาของผู้ชายคนนี้ ไม่มีตรงไหนที่ไม่ตรงกับรสนิยมของเธอ
แต่การทำงานแบบพวกเขา ถ้าหากว่ารู้สึกชอบขึ้นมาจริงๆ ไม่กล้าจะจินตนาการถึงจุดจบเลยจริงๆ
ในตอนนี้ มีความคิดนับไม่ถ้วนผลผ่านไปในหัวของฝู้จิงเหวิน สับสนวุ่นวายไปหมด จับไม่ได้สักอันเดียว
สุดท้ายที่หยุดอยู่ในสมองของเขา มีเพียงใบหน้าที่งดงามละเอียดอ่อนของเจียงสื้อสื้อ
หน้าตาที่เธอยิ้มให้เขา หน้าตาที่เธอโกรธจนขมวดคิ้ว หน้าตาที่เธออ้อนวอนเสียงอ่อน หน้าตาที่เธอดื้อรั้นในใจ……
ลำคอของฝู้จิงเหวินแห้งเหือด คว้าแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมด ยังคงระงับความคอแห้งในใจไม่ได้
หลังจากนั้น เขาก็ปลดกระดุมด้านหน้าสองเม็ดออก เหมือนกับว่าตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว หลี่ตาพูด “คุณจะช่วยยังไง?”
ข่ายสื้อลินไม่ได้ส่งเสียง แต่จับตาดูการกระทำของเขา
รู้สึกได้ถึงสายตาของข่ายสื้อลิน ฝู้จิงเหวินมองเธออย่างเย็นชา ดึงเสื้อเชิ้ตของตัวเองแน่น น้ำเสียงมืดทึบน่ากลัวอย่างอธิบายไม่ถูก
“คุณกำลังมองอะไร?”
ข่ายสื้อลินตั้งสติได้ ทิ้งสายตาหยาดเยิ้มไป
“หนุ่มหล่อในขณะนี้ ควบคุมไม่อยู่ เป็นความรู้สึกนึกคิดของคนธรรมดาทั่วไปนั่นแหละ”