บทที่ 809 คนหนีไปแล้วเหลือแต่ตึกว่างเปล่า
ฟ้าค่อยๆมืดลง เจียงสื้อสื้อก็ค่อยๆรู้สึกตัวตื่นขึ้น
การนอนครั้งนี้เธอนอนนานมากเป็นเวลาสิบสองชั่วโมงเต็มๆเลย ขยับต้นคอที่เมื่อยล้า เสียงท้องร้องหิวก็ดังขึ้นพร้อมกัน เธอยื่นมือไปลูบเบาๆ
ลุกขึ้นไปนั่งบนเตียง สายตาเหลือบไปเห็นถาดอาหารที่วางอยู่ไม่ไกล คิดว่าฝู้จิงเหวินน่าจะเคยเข้ามาตอนที่เธอกำลังหลับอยู่
ลังเลอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายแล้วเจียงสื้อสื้อก็เดินเข้าไป
อย่างไรก็ตาม ต้องกินให้อิ่มท้องก่อน มิเช่นนั้น ถึงแม้จะมีโอกาสหนีไปได้ เธอก็ไม่มีเรี่ยวแรงอยู่ดี
ขณะที่เธอกำลังหยิบขนมปังออกมา ประตูห้องก็ถูกเปิดออก ฝู้จิงเหวินเดินจากข้างนอกเข้ามา
เมื่อเห็นเขา เจียงสื้อสื้อก็วางสิ่งของในมือลงทันที จ้องมองฝู้จิงเหวินด้วยสายตาหวาดระแวง
“คุณมาทำอะไร”
ฝูจิงเหวินเดินเข้ามาใกล้ อยากจะยื่นมือมาสัมผัสใบหน้าเจียงสื้อสื้อ กลับถูกเธอเอียงหน้าหนี
เห็นเธอต่อต้านตัวเองเช่นนี้ ฝู้จิงเหวินทำได้เพียงถอนหายใจเฮือก
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่เขาสมควรจะได้รับ
“สื้อสื้อ อย่าโทษผม ผมหวังดีกับคุณ มา ดื่มนี่ลงไปซะ ”
ฝู้จิงเหวินพูดไปพร้อมกับหยิบขวดยาออกมาจากอกยื่นให้เธอ
รู้ว่าเขาจะทำอะไร เจียงสื้อสื้อรีบถอยกรุ แต่ก็ชนเข้ากับผนังห้อง จนไม่สามารถจะถอยไปได้อีก
“ฝู้จิงเหวิน อย่าทำให้ฉันต้องเกลียดคุณ”
ถึงแม้น้ำเสียงของเจียงสื้อสื้อจะแข็งกร้าว แต่ฝู้จิงเหวินก็ไม่สนใจการต่อต้านของเธอ ใช้แรงจับสองมือเธอไว้แน่นๆ
เจียงสื้อสื้อพยายามขัดขืน แต่ว่า แรงของเธอเทียบกับแรงของฝู้จิงเหวิน เหมือนกับหนอนเขย่าต้นไม้
ฝู้จิงเหวินกรอกยาน้ำในขวดแก้วเข้าไปในลำคอของเจียงสื้อสื้อ เธอหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง
หลังจากของเหลวหยดสุดท้ายเข้าไปในร่างกายแล้ว เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่าเรี่ยวแรงทั้งหมดในร่างกายได้หายไปในพริบตา
แสงสว่างตรงหน้าก็ถูกความมืดแทนที่
แต่คราวนี้เธอยังมีสติรับรู้ได้ แต่ไม่ได้ยินเสียงรอบๆตัว และก็พูดไม่ออก
อย่างไรก็ตาม เธอรับรู้ได้ว่าฝู้จิงเหวินอุ้มเธอขึ้นมา แล้วเดินออกจากห้องไป
เขาจะพาเธอไปไหน
อีกด้านหนึ่ง การค้นหาของกู้เนี่ยนได้ผลลัพธ์แล้ว เร็วกว่าชีซาหนึ่งก้าว
หลังจากที่จิ้นเฟิงเฉินรู้ข่าว ก็รีบเดินทางไปหาทันที
แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือ เมื่อเขาเข้าไปในคอนโด เห็นว่าคนได้หนีไปแล้วเหลือแต่ตึกว่างเปล่า
มองดูคอนโดที่ว่างเปล่า เขากำหมัดทุบไปแรงๆที่ผนังห้องสีขาวดั่งหิมะอย่างหมดหวัง
ข้อนิ้วจิ้นเฟิงเฉินเลือดกระซิบ บนผนังก็เปื้อนไปด้วยคราบเลือดสีแดงสด เหมือนดอกกุหลาบกำลังเบ่งบาน
เมื่อกู้เนี่ยนเห็น จึงรีบเข้ามาจะช่วยจิ้นเฟิงเฉินทำแผล แต่กลับถูกจิ้นเฟิงเฉินปัดออก
“หาต่อไป ฉันต้องการหาคนให้เจอ ”
ทิ้งท้ายด้วยประโยคเย็นชา แล้วจิ้นเฟิงเฉินก็จากไปโดยไม่หันหลังกลับมามอง ในกายเขาเต็มไปด้วยกลิ่นกระหายเลือดจากนรก
รถควบไปท้องถนนหลวง วิวทิวทัศน์นอกกระจกวิ่งผ่านอย่างรวดเร็ว เสียงลมแว่วเข้าหู พร้อมกับเสียงดังของแตรรถรอบข้างอย่างต่อเนื่อง แต่จิ้นเฟิงเฉินกลับเหมือนไม่รับรู้อะไร
กู้เนี่ยนที่ขับรถตามหลังมา รู้สึกประหม่า ที่เห็นเขาขับรถแบบนี้
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป หลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุไม่ได้อย่างแน่นอน
กู้เนี่ยนเห็นเช่นนี้ จึงรีบสปีดรถตัวเอง ตามขึ้นไป
สองวันที่ถึงอิตาลีมานี้ จิ้นเฟิงเฉินนอนไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง บวกกับความห่วงใยต่อคุณหญิง จิตใจของเขาเข้าขั้นใกล้สติแตกอยู่แล้ว ถึงแม้เขาไม่พูด แต่รู้เนี่ยนพอจะรับรู้ได้
ยังดี ที่ถนนในเวลานี้รถยังไม่ค่อยเยอะ กู้เนี่ยนเหยียบคันเร่ง ตามรถจิ้นเฟิงเฉินขึ้นไป แต่จิ้นเฟิงเฉินไม่คิดจะหยุดรถลง
กู้เนี่ยนรีบโทรศัพท์หาเขา “คุณชาย คุณจะไม่เอาชีวิตแบบนี้ไม่ได้ ตอนนี้คุณหญิงยังรอคุณอยู่นะ หากเกิดอะไรขึ้นกับคุณ เธอจะทำอย่างไร”
คำพูดของกู้เนี่ยนได้ผล จิ้นเฟิงเฉินค่อยๆผ่อนความเร็วรถลง แล้วหาที่จอดหยุดลง
เอาซองบุหรี่ออกมาจากคอลโซลหน้ารถ หยิบออกมาหนึ่งมวน ก้มหน้าสูบไป
กลิ่นนิโคตินอบอวลอยู่ในช่องปาก ดูเหมือนว่าอาการตึงเครียดสุดๆเริ่มได้รับการผ่อนคลายลงบ้างเล็กน้อย
หลังจากสูบบุหรี่ไปหนึ่งมวน จิ้นเฟิงเฉินก็ดึงสติคืนมา
พอดีกับที่กู้เนี่ยนกล่าวว่า “คุณชาย ให้ผมขับรถ คุณพักผ่อนเถอะ ”
“อืม”
จิ้นเฟิงเฉินปรับอารมณ์ของตัวเองแล้ว เปิดประตูรถลงมา แล้วไปนั่งด้านหลังคนขับ
เมื่อกู้เนี่ยนเห็นจิ้นเฟิงเฉินที่นั่งอยู่ด้านหลังแล้ว ก็โล่งออกไปที
“ออกรถ”
พูดจบ จิ้นเฟิงเฉินก็หลับตาลง
ก่อนจะออกรถไป กู้เนี่ยนได้โทรหาลูกน้องก่อน ให้พวกเขานำรถที่จอดอยู่ที่ทางหลวงกลับไปด้วย
เมื่อกลับถึงโรงแรมที่พัก จิ้นเฟิงเฉินก็ปิดตัวเองอยู่ในห้อง
เหลือบมองไปเห็นคอมพิวเตอร์บนโต๊ะมีเมล์ยังไม่ได้เปิดอ่าน เป็นเมล์ที่ King ส่งมา
เมื่อเปิดออก เห็นว่าเป็นตำแหน่งของสถาบันวิจัยของเบอร์เกนที่อยู่ในเมืองต่างๆที่เขาเคยพูดก่อนหน้านั้น
จดตำแหน่งไว้แล้ว จิ้งเฟิงเฉินก็พับโน๊ตบุ้คเก็บทันที
กู้เนี่ยนพูดถูกต้อง เขาจะลนลานไม่ได้ สื้อสื้อยังรอเขาอยู่
เวลานี้ ภายในสถาบันวิจัยแห่งหนึ่งในอิตาลี ข่ายสื้อลินกำลังรายงานข่าวสารที่เธอรู้มาโดยความเคารพยำเกรง
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เบอร์เกนพยักหน้าอย่างพอใจ
“เจ้านาย ท่านมีแผนจะพบกับฝู้จิงเหวินเมื่อไหร่ ”ข่ายสื้อลินถาม
เบอร์เกนกินผลไม้ที่สาวข้างกายป้อนมา แล้วกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “จัดไป ฉันก็อยากเห็นไอ้อัจฉริยะด้านการแพทย์คนนี้เหมือนกัน”
“ค่ะ เจ้านาย หากไม่มีเรื่องอะไรแล้วฉันขอตัวไปจัดการเรื่องนี้ก่อน”
เบอร์เกนโบกมืออย่างไม่แยแส
เมื่อปิดประตูห้องแล้ว สีหน้าเคารพยำเกรงบนใบหน้าข่ายสื้อลินไม่มีอีกต่อไป สิ่งที่แทนที่คือสีหน้าบึ้งตึงดุร้าย
หลังจากที่ฝู้จิงเหวินพาเจียงสื้อสื้อจากมาแล้ว เขาก็ได้มองหาสถานที่ที่ค่อนข้างจะลับมาเป็นที่พักอยู่ตลอด เพื่อความปลอดภัยของเจียงสื้อสื้อด้วย
ในที่สุดก็เลือกตึกสไตล์ยุโรปหลังเล็กๆ ใกล้กับใจกลางเมืองแออัด คิดว่าจิ้นเฟิงเฉินน่าจะหามาถึงนี่ไม่ได้ในขณะนี้
คำโบราณบอกว่าทุกๆอันตรายที่สุดก็คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ฝู้จิงเหวินเข้าใจสัจธรรมนี้ดี
เมื่อจัดการที่พักเรียบร้อยแล้ว ฝู้จิงเหวินก็ประคองเจียงสื้อสื้อขึ้นไปบนเตียง แล้วนำยาอีกชนิดหนึ่งป้อนไปในปากของเธอ
ร่างกายเจียงสื้อสื้อค่อยๆฟื้นขึ้น และสามารถออกเสียงได้แล้ว
เมื่อเธอมองฝู้จิงเหวินที่อยู่ตรงหน้าชัดเจนแล้ว ฝ่ามือก็ตบไปที่ใบหน้าเขาไปเต็มๆ
“คุณออกห่างจากตัวฉันหน่อย”
เพราะเพิ่งจะฟื้นจากการพูด เสียงเจียงสื้อสื้อยังแหบเล็กน้อย แต่ฝู้จิงเหวินยังคงรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเกลียดในน้ำเสียงของเธอ
สายตาของเธอก็เต็มไปด้วยความเย็นชาและอารมณ์โกรธ
ฝู้จิงเหวินรู้ว่าการที่ตัวเองทำแบบนี้ เป็นการทำร้ายจิตใจของเจียงสื้อสื้อ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ
“ คุณตบเลย ขอเพียงแค่ทำให้คลายความโกรธในใจคุณลงได้ คุณจะตบอย่างไรก็ได้ ”
เจียงสื้อสื้อยิ้มอย่างเย็นชา หันหน้าหนี แม้แต่ชายตามองเขาเธอก็ยังรู้สึกฟุ่มเฟือย
มองดูแผ่นหลังเธอที่ซูบผอม ในใจฝู้จิงเหวินรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก
เขาลังเลอยู่เนิ่นนาน แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “สื้อสื้อ ผมรู้ว่าคุณไม่อยากสนใจผม รู้สึกผิดหวังในตัวผม แต่คำพูดผมต่อไปนี้ขอให้คุณตั้งใจฟังนะ ”
ฝู้จิงเหวินกระแอมไอเบาๆ แล้วกล่าวต่อ “เชื้อโรคในร่างกายคุณผมไม่ได้ฉีดเข้าไป แต่ผมรู้แล้วว่ามันมีที่มาอย่างไร
ผมตัดสินใจจะแฝงตัวเข้าไปในสถาบันวิจัยของศัตรู ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อโรคในร่างกายคุณ ขอแค่รู้วิธีการขั้นตอนในการวิจัยและส่วนผสม เมื่อถึงเวลานั้น ผมจะช่วยคุณได้อย่างแน่นอน”