บทที่ 835 จูงมือผมไว้ก็พอ
วันถัดมา หลังจากที่จิ้นเฟิงเฉินสั่งงานเรียบร้อยแล้ว ตั้งใจจะพาเจียงสื้อสื้อกลับฝรั่งเศส
ลูกสองคนในบ้านกับแม่เจียงยังรอคอยอยู่ทุกวัน อีกอย่าง ทางอิตาลีนี้ ยังมีKingอยู่
เบอร์เกนเสียเปรียบแล้ว จะต้องจัดคนไปจับตาดูความเคลื่อนไหวของจิ้นเฟิงเฉินอย่างแน่นอน เมื่อรู้ข่าวว่าเขากำลังจะจากไป ก็กลั้นอารมณ์ไว้ไม่อยู่ทันที
เมื่อถึงสนามบิน จิ้นเฟิงเฉินก็รู้สึกถึงข้างหลังมีสายตาที่มีจุดมุ่งหมายกำลังจับจ้องอยู่
เมื่อหันไปมองข้างหลัง เห็นคนสองสามคนที่ผิดปกติ จ้องมองมายังทิศทางของพวกเขาอย่างจงใจ
เมื่อประสานสายตากับจิ้นเฟิงเฉิน สองสามคนนั้นก็ก้มหัวต่ำลง
เจียงสื้อสื้อที่ถูกจิ้นเฟิงเฉินตรึงไว้ในอ้อมกอด ก็รู้สึกถึงบางอย่างที่แตกต่างไป แล้วถามเสียงเบา“เฟิงเฉิน เป็นอะไรหรือ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”
จิ้นเฟิงเฉินส่ายหัว กล่าวเสียงต่ำ “สื้อสื้อ ไม่ว่าเดี๋ยวจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่ต้องหันกลับมามองนะ จูงมือผมไว้ก็พอ ”
พูดจบ จิ้นเฟิงเฉินพาเจียงสื้อสื้อเร่งฝีเท้าขึ้น
สองสามคนข้างหลังก็เร่งฝีเท้าตาม
ตอนแรกคิดว่า เมื่อขึ้นเครื่องแล้วก็จะสามารถละทิ้งพวกเขาได้ ไม่เคยคิดว่า พวกเขาจะเตรียมตั๋วเครื่องบินพร้อม และตามขึ้นมาทันที
หลังจากขึ้นเครื่องบินเข้าชั้นเฟิร์สคลาสแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็รีบจัดแจงเจียงสื้อสื้อให้เรียบร้อย
พวกกู้เนี่ยนหลายคนอยู่ข้างหลัง ยังไม่มา
ตอนที่จิ้นเฟิงเฉินลุกขึ้น จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกถึงลำแสงสีขาวพุ่งมาที่เขา เขาเอียงหัวหลบหลีกอย่างระมัดระวัง
เส้นผมหนึ่งกระจุกร่วงหล่นตามคมมีด
เมื่อเห็นมีดเฉือนผ่านหน้าจิ้นเฟิงเฉิน หัวใจของเจียงสื้อสื้อตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที
เธอปิดปากไว้แน่นๆ หากเธออุทานเสียงออกมา จะทำให้จิ้นเฟิงเฉินเสียสมาธิได้
เนื่องจากยังเป็นเวลาเช็คอินอยู่ แอร์โฮสเตสก็ยังไม่มา เจียงสื้อสื้ออยากหาคนขอความช่วยเหลือ กลับหาไม่เจอ
หลังจากที่จิ้นเฟิงเฉินหลบพ้นการโจมตีของคนก่อนหน้า แล้วอีกสองคนก็เข้ามาล้อมจิ้นเฟิงเฉินไว้
คนนั้นลงมือไม่สำเร็จในครั้งแรก จึงสบถหนึ่งคำ ทำท่ามือ แล้วอีกสามคนก็พุ่งเข้ามาหาจิ้นเฟิงเฉินทันที
ฝีมือของสองสามคนนั้นดีมาก มากจนจิ้นเฟิงเฉินก็เกือบจะรับไม่ไหว
ความร่วมมือของพวกเขาทำให้จิ้นเฟิงเฉินยุ่งเหยิงพัวพัน จนไม่ให้เขามีโอกาสได้หายใจเลย
ผ่านไปสองสามรอบ เม็ดเหงื่อจางๆก็ปรากฏบนหน้าผากจิ้นเฟิงเฉิน
ในพื้นที่จำกัดแบบนี้ หลบอย่างสุ่มสี่สุ่มห้ามีแต่จะทำให้ตัวเองตกอยู่ในภาวะชะงักงัน
จิ้นเฟิงเฉินรู้เหตุผลนี้ดี ดังนั้นหาเวลาเหมาะสม เขาถือโอกาสเปลี่ยนวิธีการโจมตีทันที
เมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของจิ้นเฟิงเฉิน เห็นได้ชัดว่าทั้งสามที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ได้เตรียมพร้อม ถูกจิ้นเฟิงเฉินทำลายค่ายกลก่อตัวลงโดยตรง และก็ใช้พลังงานไปมาก จนต้องถอยออกไปพักหายใจกัน
หลังจากผ่านช่วงช่องว่างสั้นๆ แรงในร่างกายจิ้นเฟิงเฉินก็ฟื้นฟูขึ้นมาบ้าง
ก่อนที่ร่างกายฝั่งตรงข้ามจะคลายตัว เขาพับแขนเสื้ออย่างลวกๆ เตรียมพร้อมเป็นฝ่ายก้าวขึ้นไปหาก่อน
“เฟิงเฉิน”เจียงสื้อสื้อคว้าแขนเสื้อเขาไว้อย่างลุกลน
ชายร่างใหญ่พวกนั้นโหดเหี้ยมและชั่วร้ายมาก ฝีมือก็ดี เจียงสื้อสื้อกลัวว่าจิ้นเฟิงเฉินจะได้รับบาดเจ็บ
จิ้นเฟิงเฉินกุมมือเธอไว้บีบเบาๆ มองเธอด้วยสายตาลึกซึ้งแล้วกล่าวว่า “รอผมสองสามนาที ”
เจียงสื้อสื้อยังอยากพูดอะไรอีก แต่จิ้นเฟิงเฉินได้ก้าวเท้าฉับๆไปแล้ว
เธอมองดูอย่างกังวล พอดีไปเห็นบอดี้การ์ดร่างสูงใหญ่ฟาดกำปั้นไปที่จิ้นเฟิงเฉิน
ฝ่ายหลังไม่เพียงไม่หลบ แต่กลับพุ่งขึ้นไป ฝ่าเท้าเตะตรงไป จนทำให้ชายร่างใหญ่กระเด็นออกไป
พอดีกับเวลานี้พวกกู้เนี่ยนตามขึ้นมา มีการเข้าร่วมของพวกเขา ชายร่างใหญ่สองสามคนก็ล่าถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง
ในไม่ช้า ทั้งหมดล้วนถูกปรามอยู่หมัด มัดรวมกันไว้ แล้วโยนไปเข้ามุม
ผ่านพ้นเวลาเช็คอินแล้ว แอร์โฮสเตสเตรียมตัวเข้าไปดูแลผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาส
ใครจะไปคิดว่า พอเดินเข้ามาก็เห็นฉากนี้ ตกตะลึงจนตาค้าง
กู้เนี่ยนกล่าวเสียงเย็นชา“พวกเขาก็เป็นผู้โดยสารของไฟล์บินนี้เหมือนกัน รู้สึกว่าการนั่งแบบนี้ค่อนข้างสบายกว่า หากคุณฉลาด ก็ให้ถือว่าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ”
ที่พวกเขาสามารถเช็คอินเข้ามาได้ ก็ย่อมต้องซื้อตั๋วแล้ว
แอร์โฮสเตสชะงักงันไปสักพัก เมื่อได้สติคิดอยากจะแจ้งตำรวจ เครื่องบินได้บินขึ้นแล้ว
……
“ใครส่งพวกแกมา”
ถึงแม้จิ้นเฟิงเฉินเพิ่งจะผ่านการต่อสู้มา แต่มีเพียงเส้นผมยุ่งเหยิงเล็กน้อย อย่างอื่นล้วนดีหมด ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดกับสภาพน่าสมเพชของสองสามคนนั้น
เขาค่อยๆเดินเข้าไปหาสามคนนั้น จ้องมองอย่างไม่ลดละสายตา ออร่าที่แข็งแกร่งทำให้พวกเขาแทบหายใจไม่ออก
อย่างไรก็ตาม ทั้งสามคนนี้ก็ใจแข็ง ถึงแม้จะกลัวจนสั่น ก็ไม่ยอมเปิดปากพูด
สายตาจิ้นเฟิงเฉินกวาดไปที่ใบหน้าพวกเขาแต่ละคน ราวกับมองคนที่ตาย
กู้เนี่ยนเอาเท้าเหยียบไปบนเท้าของหนึ่งในนั้น จนทำให้คนนั้นกรีดเสียงร้องออกมา
วินาทีต่อมา เขาก็ยัดก้อนกระดาษเข้าไปในปากของคนนั้น ทำให้เขาแม้จะร้องก็ร้องไม่ออก
“ที่ประธานจิ้นถาม พวกแกหูหนวกหรือ ” กู้เนี่ยนกล่าวด้วยสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
กู้เนี่ยนยังอยากทำอะไรต่อ แต่จิ้นเฟิงเฉินปรามเขาไว้ กล่าวเรียบๆ “ไม่ต้องถามแล้ว ดูคนไว้ให้ดีก็พอ ”
เขายกมือขึ้นดูเวลา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ลงจากเครื่องบินแล้ว ส่งให้ตำรวจจัดการ”
พูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากสถานที่วุ่นวายนี้ไป โอบเจียงสื้อสื้อนั่งลงในที่นั่งที่ไม่ได้รับผลกระทบ
เมื่อเห็นเขากลับมา เจียงสื้อสื้อสำรวจดูเขาอย่างกังวล ยังจะไปเปิดเสื้อเขาขึ้น
“บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มที่มุมปาก จับมือเธอไว้ ความเย็นชาเมื่อกี้หายไปจนสิ้น และกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “สามีคุณเก่งขนาดนี้ เรื่องเล็กแค่นี้ ไม่ได้รับบาดเจ็บหรอก”
เจียงสื้อสื้อเป็นห่วงเขาอย่างสุดใจ ไม่มีเวลาไปสนใจคำพูดติดตลกของเขาแล้ว
ตรวจเช็คดูทุกจุดของร่างกายเขาอย่างไม่วางใจ แล้วเห็นมีคราบเลือดติดบนมือของเขา
กำลังจะช่วยเขาทำแผล จิ้นเฟิงเฉินดึงมือกลับ แล้วใช้อีกมือหนึ่งลูบไปที่หัวของเธอ
“นี่เป็นเลือดของคนอื่น ไม่เป็นไร ผมไปจัดการสักครู่”
พูดพร้อมกับลุกขึ้นไปห้องน้ำ เจียงสื้อสื้อไม่วางใจ ก็เลยลุกขึ้นตามไปด้วย
หลังจากนั้นสองชั่วโมง เครื่องบินลงจอดที่สนามบินฝรั่งเศส
รถตำรวจได้มารอด้านนอกสนามบินนานแล้ว จึงนำชายร่างใหญ่สองสามคนที่สะบักสะบอมเต็มตัวเข้าไปในรถ
เจ้าหน้าที่ตำรวจหนึ่งในนั้นเดินเข้ามา จำได้ว่าชายตรงหน้านี้เป็นบุคคลสำคัญทางธุรกิจที่มักปรากฏตัวทางทีวีและนิตยสารแต่เขาก็ยังคงทำงานตามหน้าที่
“ ขอโทษครับต้องรบกวนท่านไปกับเราด้วยครับ”
“ ได้ ”
จิ้นเฟิงเฉินให้ความร่วมมือดีมาก
เพียงแต่ว่า รถตำรวจไม่พอนั่ง พวกเขาจึงนั่งรถที่ลูกน้องขับมารับที่สนามบินไป
……
ที่สถานีตำรวจ
“คุณจิ้น คุณรู้จักคนพวกนั้นไหมครับ”
“ไม่รู้จัก ไม่นานหลังจากที่เราขึ้นเครื่องบิน จู่ๆก็ถูกโจมตี ลูกน้องของฉันหลายคน เพื่อจะปกป้องฉันกับภรรยาของฉัน ต่างก็ได้รับบาดเจ็บในระดับที่แตกต่างกัน”
น้ำเสียงจิ้นเฟิงเฉินเรียบมาก ถ้าตั้งใจฟัง จะฟังออกถึงความไม่สบอารมณ์ของเขา
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำบันทึกพยักหน้า แล้วกล่าวอีก “คุณพอจะเดาประวัติพวกเขาได้บ้างไหม”
จิ้นเฟิงเฉินส่ายหัวช้าๆ “ ไม่ชัดเจน แต่ผมพอจะรู้ว่า พวกเขาโหดเหี้ยมมาก ตั้งใจจะเอาฉันถึงตาย ขอให้พวกคุณโปรดตรวจสอบให้ละเอียดด้วย ”
ตำรวจพยักหน้า แล้วกล่าวต่อ“มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ขอให้คุณจิ้นวางใจได้ ”
หลังจากให้ปากคำเสร็จแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็เดินออกมาจากข้างใน
กู้เนี่ยนเดินมาตรงหน้าเขา แล้วรายงานข่าวที่สืบทราบมาเมื่อกี้นี้ให้จิ้นเฟิงเฉิน
“คนแก๊งนั้นถูกตัดสินว่าเป็นผู้ร้าย เพราะพฤติกรรมโหดร้าย ถูกควบคุมตัวไว้แล้ว แต่ไม่ได้สร้างความเสียหายที่ร้ายแรง คาดว่าคงถูกควบคุมตัวได้ไม่นาน พวกเราจะ……….”