ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 841 มีวาสนาบารมีสูงส่ง

บทที่ 841 มีวาสนาบารมีสูงส่ง

บทที่ 841 มีวาสนาบารมีสูงส่ง

เช้าวันต่อมา

หลังจากที่เจ้าหนูทั้งสองคนตื่นขึ้น ก็ไม่ได้ลงไปส่งเสียงเอะอะที่ห้องนั่งเล่นชั้นหนึ่ง แต่กลับพากันมายังห้องนอนของเจียงสื้อสื้อ

“พี่!พี่คะมานี่เร็ว!”

เถียนเถียนวิ่งไปที่เตียงด้วยขาสั้นน้อยๆของเธอ หลังจากนั้นใช้เท้าเหยียบตรงปลายเตียงและปีนขึ้นไปบนเตียงอย่างรวดเร็ว

จากนั้นกวักมือเรียกเสี่ยวเป่าที่ยืนอยู่ข้างเตียง ดวงตากลมโตของเธอทั้งสองข้างราวกับผลองุ่น

เสี่ยวเป่าลังเลอยู่สักครู่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะปีนขึ้นไปบนเตียง

ร่างกายของเจียงสื้อสื้ออ่อนล้าไปทั่ว เธอจึงหลับลึกมาก แม้แต่เด็กทั้งสองคนปีนขึ้นมาบนเตียงเธอก็ไม่รู้สึกอะไร

“แด๊ดดี้ แด๊ดดี้ตื่นได้แล้วค่ะ”

เถียนเถียนปีนขึ้นไปบนร่างกายของจิ้นเฟิงเฉิน จากนั้นนั่งอยู่ข้างศีรษะของเขา

เธอยื่นมือน้อยๆออกไปแตะบริเวณแก้มของจิ้นเฟิงเฉิน แล้วพูดอย่างดุดันว่า “แด๊ดดี้ ลุกขึ้นมาเล่นกับเถียนเถียนเลยนะคะ!”

จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาค่อยๆลืมตาขึ้นและมองเห็นเจ้าหญิงตัวน้อยของเขากำลังยิ้มหวานให้ เผยฟันซี่เล็กขาวผ่องออกมาทำให้เขารู้สึกใจอ่อน

“เถียนเถียน ทำไมตื่นเช้าจังเลยครับ? เก่งจริงๆเลย”

เขาลุกขึ้นจากเตียง แล้วเอื้อมมือไปจับศีรษะของตนด้วยอาการเมาค้างและปวดหัวราวกับจะระเบิด

แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เขาก็เอื้อมมือไปโอบเถียนเถียนมาไว้ในอ้อมแขน แล้วเอ่ยชมอย่างนุ่มนวล

ไม่ว่าใครก็มองออกว่าเขารักและทะนุถนอมเจ้าหญิงน้อยคนนี้ขนาดไหน

เสี่ยวเป่ามองไปทางจิ้นเฟิงเฉิน จากนั้นก้มศีรษะลงไปหอมแก้มของเจียงสื้อสื้อฟอดใหญ่ น้ำเสียงของเจ้าตัวเล็ก”พูดดังฟังชัดว่า “หม่ามี๊ครับ แสงแดดส่องมาถึงก้นแล้ว”

ขนตาอันเรียวยาวและหนาแน่นของเจียงสื้อสื้อกะพริบ เธอค่อยๆลืมตาขึ้น

บอกได้เลยว่าการที่ตื่นมาและได้พบกับลูกน้อยทั้งสองอีกทั้งสามีอันเป็นที่รัก ทำให้อารมณ์ของเธอดีมาก

เธอจะไม่พอใจหลังจากถูกปลุกนี้ได้อย่างไร?

“อรุณสวัสดิ์ค่ะเสี่ยวเป่า เถียนเถียนก็ตื่นแล้วเหรอ? เก่งจริงๆเลย!”

เจียงสื้อสื้อนำมือลูบศีรษะของเสี่ยวเป่าเบาๆจากนั้นก็ลุกขึ้นและบิดขี้เกียจ

“แด๊ดดี้กับหม่ามี๊เป็นหมูขี้เซา! เถียนเถียนตื่นตั้งนานแล้วล่ะค่ะ” เถียนเถียนหัวเราะคิกคัก

เสียงหัวเราะของเถียนเถียนทำให้เจียงสื้อสื้อรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เธอจึงทำได้เพียงลุกขึ้นลงจากเตียงไปล้างหน้าล้างตา

จิ้นเฟิงเฉินเล่นกับเถียนเถียนและเสี่ยวเป่าอยู่สักพัก เมื่อเจียงสื้อสื้อเดินออกมาจากห้องน้ำเขาก็เข้าไปล้างหน้าเช่นกัน

หลังจากนั้นครอบครัวทั้งสี่คนก็พากันเดินลงไปข้างล่าง

ณ ห้องนั่งเล่น

“สื้อสื้อตื่นแล้วเหรอ? เถียนเถียนมาให้คุณย่ากอดหน่อยสิคะ”

แม่จิ้นลุกขึ้นจากโซฟาแล้วยิ้มรับ เธอเข้ามาอุ้มเถียนเถียนไปจากเจียงสื้อสื้อ

มือหนึ่งกอดเถียนเถียนมือหนึ่งจูงเสี่ยวเป่าเดินไปยังโต๊ะอาหาร

ไม่นานต่อมา ทุกคนก็ตื่นนอนและลงมารับประทานอาหารเช้าซึ่งทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารสนุกสนานครึกครื้น

เมื่อนึกได้ว่าจิ้นเฟิงเฉินเมาค้าง เจียงสื้อสื้อจึงได้ปรุงซุปสำหรับแก้เมาค้างให้เขา และจิ้นเฟิงเฉินก็ดื่มเสียจนหมดถ้วย

“เฟิงเฉิน แม่ว่าจะพาสื้อสื้อกับเด็กๆ ไปไหว้พระที่วัดหนานซานซื่อสักหน่อยนะ”

หลังจากป้อนอาหารเช้าเถียนเถียนเสร็จแล้ว แม่จิ้นก็ได้เอ่ยความคิดเห็นของเธอออกมา

จิ้นเฟิงเฉินได้ยินดังนั้นเขาก็พยักหน้าเห็นด้วยโดยไม่ลังเล

ในสังคมชั้นสูงของเมืองเมืองเป่ย คนรุ่นเก่ามักเชื่อในพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณตาของเขา

หลังจากที่แม่จิ้นแต่งงานเข้ามาในตระกูล ก็ได้ถูกคุณท่านชี้นำให้นับถือศาสนาพุทธเช่นกัน

เธอเชื่อมั่นว่าการที่เจียงสื้อสื้อปลอดภัยนี้ ก็เพราะพระโพธิสัตว์กำลังปกป้องเธออยู่

แม่จิ้นมักจะไปนมัสการพระพุทธรูปที่วัดหนานซานซื่อเป็นระยะๆ

และตอนนี้เป็นจังหวะดีที่เธอเองไม่มีอะไรต้องทำ อีกทั้งสื้อสื้อก็กลับประเทศมาแล้วเธอจะต้องพาไปไหว้พระแน่นอน

“คุณแม่เฟิงเฉิน ฉันไปกับพวกคุณด้วยนะคะ!”

ฟางเสว่มั่นอุ้มเสี่ยวเป่าอยู่ เธอแสดงความคิดเห็นของตนออกมา

“แม่ครับ ถ้าอย่างนั้นผมกับเฟิงเหราขออนุญาตไม่ไปด้วยนะครับ”

เนื่องจากจิ้นเฟิงเฉินยังมีเรื่องอื่นต้องจัดการ เขาจึงทำได้แต่พูดออกมาอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย

ที่จริงแม่จิ้นและฟางเสว่มั่นก็ไม่ได้ติดใจอะไร ให้เขาและเฟิงเหราไปจัดการเรื่องธุรการงานอย่างสบายใจดีกว่า

ดังนั้นแม่จิ้น จึงได้เดินทางพร้อมกับเจียงสื้อสื้อ ฟางเสว่มั่น ส้งหวั่นชีงและเด็กๆอีกสองคน มุ่งหน้าไปยังวัดหนานซานซื่อ โดยมีคนขับรถขับไปส่ง

วัดนั้นตั้งอยู่บนภูเขา พวกเธอจึงต้องลงจากรถและเดินเท้าขึ้นไป

ภูเขาในตอนเช้าตรู่ถูกล้อมไปด้วยหมวกสีขาว ป่าสีเขียวขจีปรากฏอยู่ให้เห็นเลือนลาง

มันงดงามราวกับดินแดนบนสวรรค์

“คุณย่าคะ คุณยายคะ ที่นี่สวยจังเลยค่ะ!”

เมื่อลงรถ เถียนเถียนก็ชี้ไปยังวัดหนานซานซื่อและร้องตะโกนออกมา ทำให้ผู้ใหญ่ที่เดินทางมาวัดหนานซานซื่อพากันหันมามองแล้วยิ้ม

“ใช่ค่ะ เถียนเถียนชอบก็ดีแล้วล่ะ!”

พวกเขาพากันขึ้นกระเช้าไฟฟ้าไปยังภูเขา หลังลงจากกระเช้าแล้วก็เดินต่อไปอีกนิดหนึ่งก็จะพบกับพระวิหารอันงดงามปรากฏต่อหน้าทุกคน

มีอักขระเขียนไว้โดดเด่นสามตัวว่า “วัดหนานซานซื่อ”

อาจเพราะได้รับผลกระทบจากบรรยากาศที่เคร่งขรึมของวัด จึงทำให้เด็กๆทั้งสองคนนิ่งสงบลงเช่นกัน

แต่ละคนพากันจูงมือผู้ใหญ่ ดวงตากลมโตของพวกเขาจ้องมองไปรอบๆ

แม่จิ้นพาทุกคนไปนมัสการพระพุทธรูปจากห้องโถงใหญ่ แล้วเดินออกมาพูดว่า “คุณเสว่มั่น คุณฟังฉันนะคะ เจ้าอาวาสวัดหนานซานซื่อท่านเป็นคนที่มีวาจาแม่นยำมาก ในเมื่อพวกเราเดินทางมาแล้ว

สู้พาเด็กทั้งสองไปพบท่านเจ้าอาวาสหน่อยให้ท่านดูดวงชะตาให้ดีไหมคะ?”

ฟางเสว่มั่นได้ยินดังนั้นก็ตอบตกลงโดยไม่ลังเล

เจียงสื้อสื้อไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เธอจึงเข้าไปพยุงส้งหวั่นชีงเอาไว้แล้วถามว่า “หวั่นชีง เหนื่อยไหม?”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

ส้งหวั่นชีงยิ้มแล้วส่ายหัว

โชคดีที่พวกเธอเดินทางมาเช้า เมื่อมาถึงกุฏิของเจ้าอาวาสก็พบว่าทานเพิ่งจะส่งแขกกลับไป

“ญาติโยมทั้งหลาย อรุณสวัสดิ์”

เจ้าอาวาสมองไปที่เจียงสื้อสื้อและคนอื่นๆที่กำลังเดินตรงเข้ามา จากนั้นพนมมือโค้งคำนับเล็กน้อย

“นมัสการเจ้าอาวาสเจ้าค่ะ”

แม่จิ้นปล่อยมือเถียนเถียนและพนมมือไหว้กลับ

“อ้าว โยมจิ้นนี่เอง อามิตตาพุทธ”

แน่นอนว่าท่านเจ้าอาวาสรู้จักกับแม่จิ้นดี เนื่องจากเธอมักจะเดินทางมาเป็นประจำ

“ท่านเจ้าอาวาสเจ้าคะ ดิฉันพาหลานสาวและหลานชายมาให้ท่านช่วยดูชะตา ไม่ทราบว่าท่านพอจะมีเวลาไหมเจ้าคะ?” แม่จิ้นพูดวัตถุประสงค์ของตนออกมา

“เรื่องเล็กน้อย เชิญโยมตามอาตมาเข้ามาข้างในก่อน”

เจ้าอาวาสตอบพวกเขาและเดินเข้าไปด้านใน

เจียงสื้อสื้อพยุงให้ส้งหวั่นชีงนั่งลง เธอเงยหน้าขึ้นและจ้องมองอย่างสงสัย

แม่จิ้นและฟางเสว่มั่นพาเด็กทั้งสองเข้าไป ต่อด้วยบอกชื่อและวันเดือนปีเกิดของพวกเขากับเจ้าอาวาสทีละคน

ซึ่งเจ้าอาวาสได้ทำการคำนวณอย่างตั้งใจ

จากนั้นพูดขึ้นว่า “โยมจิ้น หลานชายและหลานสาวของโยมเป็นคนที่มีวาสนาบารมีสูงส่ง อาจจะเจอกับเหตุการณ์ที่ผันผวนบ้าง แต่พวกเขาก็จะผ่านไปได้อย่างราบรื่นเช่นกัน”

“จริงหรือเจ้าคะ? ช่างดีเสียจริง! ท่านเจ้าอาวาสเจ้าคะ ดิฉันจะรบกวนให้ท่านช่วยดูชะตาชีวิตของลูกในท้องลูกสะใภ้ของดิฉันได้ไหมเจ้าคะ?”

แม่จิ้นชี้ไปยังท้องของส้งหวั่นชีงด้วยท่าทางดีใจ

เจ้าอาวาสก็ให้ความร่วมมือเช่นเดียวกัน หลังจากทำการคำนวณแล้วก็ได้คำตอบว่าเหมือนกับเถียนเถียนและเสี่ยวเป่า ล้วนเป็นผู้มีวาสนาบารมีสูงส่ง

“หม่ามี๊ครับ มีวาสนาบารมีสูงส่งคืออะไรครับ?”

เสี่ยวเป่ากะพริบตาและเดินมาข้างๆเจียงสื้อสื้อ เขานำมือมาดึงชายเสื้อของเจียงสื้อสื้อแล้วถามด้วยความสงสัย

เจียงสื้อสื้อย่อตัวลงแล้วยิ้มขึ้น เธอวางฝ่ามือไว้บนศีรษะอันน้อยของเขา

“หมายความว่า ถ้าเสี่ยวเป่าเติบโตมาเป็นสุภาพบุรุษในอนาคตก็จะมีขนมและของเล่นมากมาย”

“จริงเหรอครับ?! เป็นสุภาพบุรุษแบบแด๊ดดี้ใช่ไหม?

ถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นเด็ก เมื่อได้ยินคำว่าขนมและของเล่น แววตาของเสี่ยวเป่าก็เป็นประกายและรีบถามอย่างกระตือรือร้น

เจียงสื้อสื้อพยักหน้าอย่างจริงจังแล้วตอบว่า “ใช่ค่ะ”

“ท่านเจ้าอาวาสเจ้าคะ”

ฟางเสว่มั่นลังเลอยู่ชั่วครู่ๆก่อนจะเดินเข้าไปหาเจ้าอาวาส “ท่านช่วยดูดวงชะตาให้ลูกสาวฉันหน่อยได้ไหม?”

ลูกสาวของเธอต้องทนทุกข์ทรมานกับชะตากรรมมามากมาย ไม่รู้ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไรบ้าง?

ในเมื่อท่านเจ้าอาวาสว่ามีความแม่นยำในการทำนาย จะขอให้ท่านช่วยทำนายสักหน่อยจะเป็นไรไป

เธอเชื่อว่า ชีวิตบนทางเดินของเจียงสื้อสื้อคงจะไม่ขรุขระเสมอไปแน่

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท