บทที่ 843 ผมมารับพวกคุณกลับบ้าน
คนท้องจะต้องได้รับการตรวจอย่างมากมายและละเอียดอ่อน
ยังดีที่เด็กน้อยทั้งสองคนค่อนข้างว่านอนสอนง่าย เพียงแค่ซื้อขนมให้พวกเขาก็นั่งกินอยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ
“เถียนเถียนและเสี่ยวเป่าของเรานี่ช่างว่านอนสอนง่ายจริงๆนะครับ”
เมื่อมองไปยังรอบทิศและพบว่ามีเด็กน้อยมากมายที่วิ่งเล่นไปทั่วหรือไม่ก็กรีดร้องออกมา ทำให้จิ้นเฟิงเหราถอนหายใจแล้วพูดออกมา
เจียงสื้อสื้อหัวเราะเบาๆสายตาของเธอมองไปที่เถียนเถียนและเสี่ยวเป่าจากนั้นก็ยิ้มกว้างขึ้น
หลังจากที่ส้งหวั่นชีงทำการตรวจครรภ์เสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว
“หวั่นชีง ตอนเที่ยงคุณอยากจะทานอะไรดีครับ? หรือว่าจะกลับไปทานที่บ้าน?”
จิ้นเฟิงเหราได้แสดงท่าทางของคำว่าทาสภรรยาออกมาได้อย่างสมบูรณ์ และถามออกมาเบาๆเนื่องจากกลัวว่าส้งหวั่นชีงจะหิว
“คุณอาขา เถียนเถียนอยากทานพิซซ่า!” เถียนเถียนพูดออกมาอย่างไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นัก เนื่องจากในปากของเธอมีขนมปังอยู่
“เสี่ยวเป่าก็อยากทานครับ”
เมื่อเห็นว่าน้องสาวพูดขึ้นเสี่ยวเป่าก็พูดตามเธอด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด
จิ้นเฟิงเหรามองไปยังเด็กทั้งสองคนอย่างขบขัน จากนั้นก็ไม่สนใจเด็กทั้งสอง แล้วหันไปถามส้งหวั่นชีงอีกครั้ง
เมื่อเด็กน้อยทั้งสองคนเห็นว่าทำท่าทางออดอ้อนกับคุณอาก็ไม่มีประโยชน์ จึงได้กะพริบตาจ้องมองไปยังส้งหวั่นชีง
“เฮ้อ เฟิงเหราคะ เราไปทานพิซซ่ากันดีไหม?”
ตอนนี้ส้งหวั่นชีงก็นับว่าเป็นคุณแม่แล้ว เมื่อถูกเด็กทั้งสองออดอ้อนและจ้องมองด้วยสายตาหวานแหวว หัวใจของผู้เป็นแม่อย่างเธอก็เอ่อล้น
แน่นอนว่าจิ้นเฟิงเหราไม่มีข้อขัดข้องใดๆ
ในขณะที่กำลังจะเดินทางออกจากโรงพยาบาลก็มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งวิ่งตรงเข้ามา
เขาเข้ามาขวางทางเดินของเจียงสื้อสื้อเอาไว้ แล้วกุมมือเจียงสื้อสื้อพูดด้วยท่าทางดีอกดีใจว่า “สื้อสื้อ สื้อสื้อจริงๆใช่ไหม?”
เสียงของชายวัยกลางคนคนนั้นแฝงไปด้วยความตื่นเต้นและดีใจ
เจียงสื้อสื้อตกใจที่จู่ๆมีชายวัยกลางคนผู้นี้ปรากฏตัวขึ้น ข้อมือของเธอถูกคนแปลกหน้าจับเอาไว้ทำให้เธอรู้สึก หวาดกลัวและระมัดระวัง
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย และพยายามดึงข้อมือของตนเองกลับ พร้อมกับตอบเขาอย่างสุภาพว่า “ขอโทษนะคะ…… คุณน่าจะจำคนผิด”
เมื่อจิ้นเฟิงเหราที่เดินอยู่ด้านหน้าพบว่าเจียงสื้อสื้อถูกชายคนหนึ่งดึงเอาไว้ก็รีบหาส้งหวั่นชีงหันหลังกลับมา
เนื่องจากเกรงว่าชายวัยกลางคนผู้นี้จะรู้สึกเขิน เจียงสื้อสื้อจึงได้พยายามกระซิบกับจิ้นเฟิงเหราว่า “เฟิงเหรา เขาจำคนผิดน่ะ”
เมื่อมองเห็นหน้าตาท่าทางของชายคนนี้อย่างชัดเจนแล้ว จิ้นเฟิงเหราก็จำเขาได้ทันที
จิ้นเฟิงเหราส่ายหัวและยิ้มให้ชายวัยกลางคนผู้นี้อย่างมีมารยาท ก่อนจะหันมาพูดกับเจียงสื้อสื้อว่า “พี่สะใภ้ครับเขาไม่ได้จำคนผิด ผู้ชายคนนี้คือพ่อของคุณ พ่อแท้ๆของคุณ”
เจียงสื้อสื้อตกตะลึงชะงักลงทันที
“ขอโทษนะคะ ฉันจำเรื่องก่อนหน้านี้ไม่ได้แล้ว”
เธอยิ้มขอโทษเจียงเจิ้น และรีบอธิบายขึ้น
ท่าทางห่างเหินอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ทำให้เจียงเจิ้นรู้สึกทำตัวไม่ถูก
ก่อนหน้าที่เธอจะหายตัวไป ความสัมพันธ์ของเจียงเจิ้นและเธอค่อนข้างจะดีขึ้นมากแล้ว
แต่เมื่อเจียงสื้อสื้อหายตัวไปหลายปีนี้ เจียงเจิ้นรู้ว่าต้องเกิดเรื่องกับเจียงสื้อสื้อหลายอย่างแน่นอน แต่ในตอนนี้ที่เจียงสื้อสื้อจำเขาไม่ได้ ทำให้เขาชะงักลงไปชั่วขณะ
“สื้อสื้อ พวกเราหาที่นั่งคุยกันสักหน่อยได้ไหม เราไม่ได้เจอกันมานานแล้ว”
เจียงเจิ้นลังเลอยู่ช่วงครู่ก่อนที่จะพูดคำร้องขอนี้ออกมา
เมื่อมองดูผู้ชายที่สีหน้าเคร่งขรึมตรงหน้าเธอ แต่ในใจของเจียงสื้อสื้อกลับไม่รู้สึกใดๆเลย
เพียงแต่ว่าต่อให้เธอจะไม่รู้สึกใกล้ชิดกับเจียงเจิ้น อย่างไรเสียเขาก็เป็นพ่อแท้ๆของเธอ ดังนั้นเธอจึงได้พยักหน้าตอบรับ
“ได้ค่ะ”
หลังจากที่เธอตอบตกลง เจียงสื้อสื้อก็พูดกับจิ้นเฟิงเหราว่า “เฟิงเหรา เธอกับหวั่นชีงกลับไปกินข้าวก่อนนะเดี๋ยวฉันเสร็จแล้วก็จะกลับบ้านเลย”
“ได้ครับพี่สะใภ้ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรศัพท์หาผมหรือหวั่นชีงได้เลยนะครับ”
จิ้นเฟิงเหราพยักหน้าและกำชับเธอก่อนที่จะพาส้งหวั่นชีงจากไป
“สื้อสื้อนี่คือนี่คือลูกของลูกหรือเปล่า? พาไปด้วยได้ไหม?”
เจียงเจิ้นสังเกตเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าเจียงสื้อสื้อจูงมือเด็ก 2 คนนี้อยู่
หลังจากที่จิ้นเฟิงเหราจากไปแล้วเขาก็มองดูเถียนเถียนและเสี่ยวเป่าด้วยสายตารักและเอ็นดู
“ค่ะ ได้ค่ะ”
เจียงสื้อสื้อเห็นท่าทางของเจียงเจิ้นแล้วจึงได้จูงมือเด็กน้อยทั้งสองคนมาเบาๆพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเป่าเถียนเถียนเรียกคุณตาสิคะ”
“สวัสดีครับคุณตา!”
“สวัสดีค่ะคุณตา!”
หนูน้อยทั้งสองคนส่งเสียงออกมาพร้อมเพรียงกันอย่างว่าง่าย
ทำให้เจียงเจิ้นยิ้มจนตาของเขาหรี่ลงเป็นเส้นตรง “ครับ เถียนเถียน เสี่ยวเป่า ให้ตากอดหน่อยได้ไหม?”
เจียงเจิ้นย่อตัวลงไปและแขนทั้งสองข้างรอคอยเด็กน้อยทั้งสองอย่างมีความหวัง
เถียนเถียนและเสี่ยวเป่ายังไม่ได้เดินเข้าไปในทันที แต่กลับเงยหน้ามองสายตาเพื่อถามความคิดเห็นจากเจียงสื้อสื้อเสียก่อน
เจียงสื้อสื้อพยักหน้าเล็กน้อยและยิ้มขึ้นเป็นความหมายว่าอนุญาต
เจ้าหนูทั้งสองคนจึงได้ยิ้มและพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของเจียงเจิ้น
เจียงเจิ้นกอดพวกเขามือละคน แล้วอุ้มขึ้นมาจากนั้นเดินออกมาจากโรงพยาบาลพร้อมกับเจียงสื้อสื้อไปยังร้านกาแฟใกล้บ้าน
เมื่อเดินเข้ามาถึงในร้านกาแฟ เถียนเถียนก็เหลือบตาไปเห็นขนมหวานมากมายวางอยู่ในเคาน์เตอร์ เจ้าหนูน้อยยกนิ้วมืออันขาวผ่องราวกับรากบัวแล้วชี้ไปที่เคาน์เตอร์พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า
“คุณตาขา เถียนเถียนอยากทานขนมเค้กจังเลยค่ะ!”
“คุณตาครับ ผมก็อยากทาน”
“ได้เลย เดี๋ยวตาจะซื้อให้นะ”
เจียงเจิ้นรีบตอบตกลงเจ้าหนูทั้งสองคนทันที
เนิ่นนานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ยิ้มอย่างมีความสุขแบบนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นและเดินพาเด็กทั้งสองไปซื้อขนมเค้ก
หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็พากันนั่งลงตรงหน้าต่างของร้านกาแฟ
อาจเป็นเพราะหลายปีมานี้เกิดเรื่องราวใหญ่โตมากขึ้นหลายเรื่อง และตัวเขาเองก็ดำเนินชีวิตมาถึงวัยกลางคน เมื่อมองเห็นหลานของตนก็รู้สึกชื่นชอบ อีกทั้งพวกเขาทั้งสองยังน่ารักแล้วว่าง่ายแบบนี้
ดังนั้นจึงหาข้ออ้างขึ้นมาว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แต่ที่จริงแล้วกลับไปขอซองอั่งเปาจากพนักงานมา 2 ซอง จากนั้นนำเงินสดทั้งหมดที่อยู่ในกระเป๋าสตางค์แบ่งออกเป็น 2 ส่วนและใส่เข้าไป
เขาเดินกลับมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะยื่นซองอั่งเปาให้กับเด็กทั้ง 2 คนพูดว่า “เถียนเถียน เสี่ยวเป่าครับ นี่คือของขวัญชิ้นแรกจากคุณตานะ ตาหวังว่าพวกเราจะมีความสุขและสุขภาพแข็งแรงตลอดไป”
“ขอบคุณค่ะคุณตา!”
เถียนเถียนเงยหน้าอันน้อยๆของเธอขึ้น แล้วยื่นมือไปรับอั่งเปามาก่อนจะยิ้มอย่างหวานชื่น
เจียงสื้อสื้อชะงักลง เธอยังไม่ทันได้ตั้งสติก็พบว่าเถียนเถียนเก็บอั่งเปาไปเสียแล้ว
เธอทำตัวไม่ถูก และต้องการจะหยิบอั่งเปาจากมือเถียนเถียนออกมาคืนให้เจียงเจิ้น
เจียงเจิ้นรู้ดีว่าเธอคิดอะไรอยู่จึงได้รีบเข้าไปห้ามเธอแล้วบอกว่า “สื้อสื้อนี่คือน้ำใจเล็กน้อยจากตา ไม่ได้มีมูลค่ามากมายอะไร ถือว่าเป็นคำอวยพรสำหรับเด็กๆก็แล้วกัน”
เมื่อเจียงสื้อสื้อได้ยินดังนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธได้อย่างไร “ขอบคุณมากนะคะ”
ส่วนเสี่ยวเป่าไม่กล้ายื่นมือไปรับมา จนกระทั่งเห็นว่าเจียงสื้อสื้อเห็นด้วยแล้วเขาจึงกล้ารับอั่งเปาเอาไว้และพูดกับเจียงเจิ้นอย่างมีมารยาทว่า “ขอบคุณคุณตามากครับ”
เจียงเจิ้นพยักหน้าและเอ่ยชมเด็กๆทั้งสอง เขาลังเลอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยถามขึ้นว่า “สื้อสื้อ หลายปีมานี้…… เป็นยังไงบ้าง?”
เจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้ปกปิดเขาและเล่าเรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอได้พบเจอเมื่อหลายปีมานี้
“กลับมาก็ดีแล้วลูก ดีแล้ว”
ในใจของเจียงเจิ้นมีคำพูดเป็นล้านคำ แต่ในที่สุดเขาก็เลือกที่จะพูดประโยคง่ายๆออกมาเพียงประโยคเดียว
แม้ว่าเจียงสื้อสื้อจะพูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ แต่เขาก็เดาได้ว่าประสบการณ์เหล่านั้นมันไม่ได้ง่ายดายเลย กว่าจะผ่านมาได้
เพียงแต่ว่า ความรู้สึกของสองพ่อลูกได้เกิดรอยร้าวขึ้นเมื่อหลายปีก่อน เขาจึงไม่กล้าถามอะไรมากไปกว่านี้
ทั้งสองพ่อลูกจึงตกอยู่ในความเงียบ
เจียงเจิ้นเองก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก เพียงแค่เขาได้พบกับพวกเธอก็ดีใจมากแล้ว
ดังนั้น เขาจึงได้แต่เล่นกับเด็กน้อยทั้งสองคน
เจียงสื้อสื้อจำเจียงเจิ้นไม่ได้ เธอจึงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรกับเขาดี
เจียงสื้อสื้อรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความไปหาจิ้นเฟิงเฉิน
ผ่านไปสักพัก เมื่อจิ้นเฟิงเฉินได้รับข้อความจากเจียงสื้อสื้อ เขาก็รีบตรงไปยังร้านกาแฟทันที
ร่างสูงใหญ่ของจิ้นเฟิงเฉินเดินตรงเข้าไป และยื่นมือไปผลักประตูร้านกาแฟ สายตาของเขาจับจ้องไปยังเจียงสื้อสื้อจากนั้นก้าวเข้าไปทันที
“สื้อสื้อครับ ผมมารับพวกคุณกลับบ้านแล้ว”
เมื่อตอนที่เขาพบกับเจียงเจิ้น เขาทำเพียงพยักหน้าเล็กน้อยซึ่งเป็นการทักทาย