ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 961 คุณดีที่สุดแล้ว

บทที่ 961 คุณดีที่สุดแล้ว

“นี่มันอะไรกัน”

ฟางเย้นซินได้ยินเสียงแล้วจึงรีบเข้ามา เมื่อเข้าไปในห้องหนังสือก็เห็นแก้วที่แตกกระจายเต็มพื้น พร้อมทั้งพ่อและน้องชายที่ยืนจ้องหน้ากันเขม็ง คิ้วต่างขมวดแน่น

ฟางรุ่ยเห็นลูกชายคนโตเข้ามา จึงลดความโกรธลงเล็กน้อย “น้องชายแกไง ดื้อดึง ไม่รู้จักสำนึก”

ดื้อดึง ไม่รู้จักสำนึก

คำพูดนี้แทงลึกเข้าไปในใจของฟางเย้นชิง เขาพลันระเบิดออกมา “พ่อ พ่อพูดบ้าอะไร ผมทำอะไรผิดใหญ่หลวงขนาดนั้นเลยเหรอ”

เห็นว่าทะเลาะกันขึ้นมาอีก ฟางเย้นซินจึงเอ่ยเสียงเข้ม “พอแล้ว อะชิง ไม่ต้องพูดแล้ว”

ฟางเย้นชิงกำหมัดแน่น แสดงสีหน้าไม่พอใจ

เขาแค่คิดอะไรไม่ดี แต่ไม่ได้ทำอะไรเจียงสื้อสื้อนั่นสักหน่อย

ฟางเย้นซินมองพ่อ จากนั้นหันไปมองน้องชาย จึงค่อยๆ เอ่ยออกมาช้าๆ “อะชิง ฉันรู้ว่านายไม่พอใจ แต่เรื่องนี้นายผิดจริงๆ …”

“พี่ ทำไมแม้กระทั่งพี่ก็ยังพูดแบบนี้ล่ะ”

ไม่รอให้เขาพูดจบ ฟางเย้นชิงก็พูดตัดขึ้นมา

ฟางเย้นซินยกมือขึ้นห้ามเขาให้ใจเย็นๆ จากนั้นพูดต่อ “ถ้านายเข้าใจว่าตอนนี้เราอยู่ในสถานการณ์ไหน บางครั้งยอมก้มหัวก็สามารถแก้ไขอะไรได้หลายอย่าง”

ฟางเย้นชิงส่งเสียงเย้ยหยัน “พูดแบบนี้ก็คือพวกคุณกลัวตระกูลจิ้นสินะ”

“หรือว่านายไม่กลัว” ฟางเย้นซินถามกลับ

ฟางเย้นชิงเกิดเป็นใบ้ขึ้นมาทันที

แน่นอนว่าเขากลัว เพียงแต่ไม่พอใจเท่านั้นเอง

“ทุกวันนี้ทั้งตระกูลฟาง เป็นฟางยู่เชินน่าภาคภูมิใจที่สุด ฉันกับนายต่ำต้อยที่สุด สู้ฟางอี้หมิงไม่ได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นถ้าเราไปทำอะไรให้ตระกูลจิ้นไม่พอใจขึ้นมา แบบนั้นเราจะได้จบเห่กันจริงๆ นะสิ” ฟางเย้นซินอธิบายอย่างใจเย็น

“ฟังพี่แกพูดซะ ถ้าแกรู้เรื่องรู้ราวให้ได้ครึ่งของพี่ชายแก ฉันกับแม่แกถึงฝันก็คงหัวเราะจนตื่น”

สำหรับลูกอย่างฟางเย้นชิง ฟางรุ่ยไม่สบอารมณ์กับความไม่เอาถ่านของเขา

ฟางเย้นชิงก้มหน้าไม่พูดอะไร ทว่ากลับกำหมัดแน่นบ่งบอกให้รู้ว่าเขาไม่ยอม

“อะชิง” ฟางเย้นซินเดินเข้าไปหา ยืนมือไปจับไหล่เขาเอาไว้ เอ่ยเสียงหนัก “บางครั้งเราก็ต้องก้มหน้าเพื่อมองทางให้ชัด แบบนี้ถึงจะเดินไปตรงและรวดเร็ว ไม่ใช่เหรอ”

แม้ปกติฟางเย้นชิงจะรักสนุก ทำตัวเสเพลเป็นลูกผู้ดีมีเงิน แต่ก็ไม่ได้โง่ สิ่งที่ควรเข้าใจเขาก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี

“งั้น…งั้นผมต้องทำยังไง ขอโทษเหรอ”

ฟางเย้นซินสบตากับฟางรุ่ย จากนั้นยิ้ม “ใช่ นายต้องไปขอโทษเจียงสื้อสื้อด้วยตัวเอง จนเธอยอมอภัยให้นาย”

ฟางเย้นชิงลังเล “ผม…ผมไม่ไปดีกว่า”

“ฟางเย้นชิง”

ฟางรุ่ยโมโห ฟางเย้นซินจึงรีบบอก “เดี๋ยวฉันจะไปกับนายเอง”

ฟางเย้นชิงทำอะไรไม่ได้ ได้ฟังดังนั้นแล้วจึงพยักหน้า “ครับ ผมจะไป”

เห็นว่าเขาตกลงแล้ว ฟางรุ่ยจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่

……

จนฟ้ามืด เจียงสื้อสื้อจึงกลับบ้าน

เธอพึ่งก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน ก็มีร่างเล็กทั้งสองวิ่งเข้ามา

“หม่ามี๊”

เป็นเสี่ยวเป่าและเถียนเถียนนั่นเอง

เจียงสื้อสื้อตกใจ รีบย่อตัวลง กางแขนออกกอดพวกเขาเอาไว้ จูบเบาๆ บนแก้มของพวกเขา

“ลูกรัก มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

“ผมพาพวกเขามาเอง”

เสียงคุ้นเคยดังขึ้นข้างหู เจียงสื้อสื้อเงยหน้าขึ้น ยิ้มออกมา “คุณดีที่สุดแล้วค่ะ”

เขาเข้าใจเธอดีมาตลอด รู้ว่าเธอคิดถึงเด็กทั้งสอง จึงพาพวกเขามาที่เมืองหลวง

จิ้นเฟิงเฉินมองเธอและลูกๆ ด้วยสายตาอ่อนโยน เขาตัดสินใจถูกแล้ว

มองเห็นใบหน้ามีเสน่ห์ของเธอ หัวใจเขาก็เหลวราวกับน้ำ

“หม่ามี๊ หนูคิดถึงหม่ามี๊มากเลยค่ะ” เถียนเถียนวางศีรษะไว้บนไหล่เจียงสื้อสื้อท่าทางออดอ้อน

เสี่ยวเป่าเองก็ไม่ยอมแพ้ “หม่ามี๊ ผมก็คิดถึงหม่ามี๊มากเลยครับ”

มองดูใบหน้าชายเล็กแสดงท่าทางออดอ้อนอย่างไร้เดียงสา เจียงสื้อสื้อคิดว่าตอนนี้เธอคงกลายเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก

“หม่ามี๊ก็คิดถึงทั้งคู่นะ”

เธอหอมแก้มใบหน้าชายเล็กทั้งสองอีกครั้ง จากนั้นลุกขึ้น จูงมือพวกเขาซ้ายขวาเดินเข้าไปด้านใน

“สื้อสื้อกลับมาแล้ว” ซ่างหยิงเดินออกมาจากในครัว เมื่อมองเห็นพวกเขาจึงรีบเดินเข้ามาหา

“ยายซ่างหยิง”

เด็กทั้งสองตะโกน

หัวใจซ่างหยิงแทบละลาย โน้มตัวลงไปบีบแก้มพวกเขา บอกด้วยน้ำเสียงเอ็นดู “เด็กๆ ทั้งสอง อยากกินขาไก่ไม่ใช่เหรอ ยายทำเสร็จแล้ว รีบมากินเร็ว”

เมื่อได้ยินว่ามีขาไก่ เด็กทั้งสองก็รีบปล่อยมือเจียงสื้อสื้อ รีบวิ่งไปยังร้านอาหาร

“วิ่งช้าๆ หน่อยสิคะ”

เมื่อเห็นดังนั้น เจียงสื้อสื้อก็รีบตะโกนบอก

ซ่างหยิงรีบตามไปพลางบอกกับเธอ “เดี๋ยวฉันดูเด็กๆ ให้เอง พวกเธอทำธุระของพวกเธอไปเถอะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงสื้อสื้อจึงหยุดเท้าที่กำลังจะตามไป หันกลับมาจิ้นเฟิงเฉิน “ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณพอดีเลยค่ะ”

จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว รู้สึกแปลกใจ

ทั้งสองขึ้นไปบนห้องด้วยกัน

“จิงเหวินติดต่อฉันมาแล้ว” เจียงสื้อสื้อบอก

จิ้นเฟิงเฉินก็ขมวดคิ้วแน่น ตอนนี้ฝู้จิงเหวินอยู่ที่ศูนย์วิจัยของเบอร์เกน สถานการณ์ไม่ปลอดภัย

อีกทั้งสื้อสื้อยังเป็นคนที่เบอร์เกนต้องการตัวมาตลอด เขาติดต่อมาแบบนี้ เกรงว่าจะมีอะไรแปลกๆ สุดท้ายคนที่จะโดนทำร้ายก็คือสื้อสื้อ

“เขาบอกว่ายังไง” จิ้นเฟิงเฉินถาม

เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า “ไม่ได้พูดอะไรเลยค่ะ แค่ถามฉันว่าสบายดีไหม”

“ได้ถามถึงไวรัสหรือเปล่า”

“เปล่าค่ะ”

จิ้นเฟิงเฉินเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้

เจียงสื้อสื้อไม่สังเกตเห็นท่าทางของเขา นึกย้อนกลับไปถึงสถานการณ์ที่ฝู้จิงเหวินโทรเข้ามา อดกังวลไม่ได้ “เฟิงเฉิน คุณว่าอยู่ๆ เขาก็ติดต่อฉันมา จะมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

ได้ยินดังนั้น จิ้นเฟิงเฉินจึงไต่ตรองดู ยกมือขึ้นลูบศีรษะเธอ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่ต้องคิดมากหรอก เขาอาจจะแค่เป็นห่วงคุณ”

“จริงเหรอคะ” เจียงสื้อสื้อยังไม่วางใจ

จิ้นเฟิงเฉินแสร้งทำเป็นไม่พอใจ “อยู่ต่อหน้าผม คุณเป็นห่วงผู้ชายคนอื่นขนาดนี้ คงไม่ดีหรือเปล่า”

เจียงสื้อสื้อชะงัก “ฉันแค่คิดว่าเขาเป็นคนในครอบครัว”

จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะ “ผมรู้ ผมแค่ไม่อยากให้คุณต้องกังวลมากเกินไป เขาเป็นผู้ใหญ่แล้วดูแลตัวเองได้”

“ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เขาก็คงไม่ต้องไปเสี่ยงอันตรายแบบนี้”

ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฝู้จิงเหวิน เธอไม่รู้จะสู้ห้าพ่อฝู้กับแม่ฝู้ยังไงเลย ชาตินี้ทั้งชาติคงไม่สบายใจแน่

“สื้อสื้อ” สองมือของจิ้นเฟิงเฉินวางไว้ที่ไหล่ของเธอ ย่อตัวลงมา จ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความกังวลของเธอ เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ นี่เป็นสิ่งที่เขาเลือกเอง”

“แต่ว่า…”

เจียงสื้อสื้อยังอยากพูดอะไรอีก จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยขัดเธอขึ้นมา “อย่าลืมสิว่าอาการป่วยในตัวคุณมันมาได้ยังไง เขาทำแบบนี้เพื่อต้องการไถ่โทษ คุณไม่ต้องรู้สึกผิดกับอะไรทั้งนั้น”

“ความจริง…ฉันรู้สึกผิดต่อตระกูลฝู้” เจียงสื้อสื้อบอกเสียงเบา

จิ้นเฟิงเฉินยิ้มบางๆ “ผมรู้ อย่าคิดมาก ฝู้จิงเหวินไม่ได้โง่ เขาจะไม่เป็นอะไร”

แม้จะมีเขาคอยปลอบ ทว่าเจียงสื้อสื้อก็ไม่สามารถกำจัดความกังวลในใจออกไปได้

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท