ย่วนชิงโซงรับมาอย่างรีบร้อน ก้มหน้าลงมอง เมื่อเห็นชื่อของตัวเองสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็กลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงบเยือกเย็น “ใบขนส่งออกของฉันมีปัญหาอะไรเหรอ?”
ฟางยู่เชินยิ้ม “ไม่มีปัญหา”
“ถ้าอย่างนั้นนายจับฉันมาเพื่ออะไร? ฉันสามารถฟ้องนายในข้อหาลักพาตัวได้นะ” ย่วนชิงโซงแสดงท่าทีมั่นอกมั่นใจแบบสุดๆ
“ผมจำได้ว่าตระกูลย่วนไม่มีอะไรที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเลย แล้วคุณทำไมถึงทำธุรกิจส่งออกยาล่ะ เปลี่ยนอาชีพเหรอ?”
“ฉัน…” ย่วนชิงโซงตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด “ฉันจะทำธุรกิจอะไรจำเป็นต้องรายงานนายด้วยเหรอ?”
ฟางยู่เชินไม่สนใจเขา และยังคงอ่านใบรายการส่งออกที่อยู่ในมือออกมา “โหราเดือยไก่ ใบคริสต์มาส…”
ยาที่เขาอ่านออกมาล้วนเป็นยาชนิดหายาก
มากไปกว่านั้นฟางซื่อซึ่งทำธุรกิจเวชภัณฑ์ ยาเหล่านี้ยังเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะสามารถหาได้ในปริมาณมากถึงขนาดนี้ แต่กับเขาซึ่งไม่ได้ทำธุรกิจเวชภัณฑ์กลับหาได้ในปริมาณมาก ไม่ให้คนอื่นสงสัยสิแปลก
ทุกครั้งที่เขาอ่านชื่อยา หัวใจของย่วนชิงโซงก็สั่นสะท้าน ท้ายที่สุด เขาทนต่อไปไม่ไหวถึงได้เอ่ยขึ้นว่า “ฉันแค่ช่วยคนอื่นขนส่งสินค้า ไม่ใช่ธุรกิจของตัวฉันเอง”
“หือ?” ฟางยู่เชินเลิกคิ้ว “ใครเหรอ สะดวกจะบอกผมไหม?”
“ประธานฟาง นายเองก็คงจะรู้ดีว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจคือความน่าเชื่อถือ ฉันรับปากว่าจะช่วยคนอื่นเก็บเป็นความลับ ฉันก็จะไม่บอกนาย”
ฟางยู่เชินพยักหน้า “โอเค คุณไม่บอกผมก็ได้ ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องเดา”
เขาครุ่นคิดอย่างจริงจัง “มันคือฟางอี้หมิงใช่ไหม?”
สีหน้าของย่วนชิงโซงเปลี่ยนไปทันที พลางส่ายหัวปฏิเสธอย่างตื่นตระหนก “ไม่ ไม่ใช่เขา! จะเป็นเขาได้ยังไง?”
ฟางยู่เชินหัวเราะ “คุณไม่ต้องปฏิเสธหรอก ท่าทางของคุณบอกผมว่าเป็นเขา”
“อะไรนะ?” ย่วนชิงโซงพูดพลางหลบสายตา “ฉัน…ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าเป็นเขา?”
“อาย่วน” ฟางยู่เชินยกใบรายการในมือขึ้น “ยาพวกนี้ล้วนเป็นของตระกูลฟางทั้งหมด หากเขาฟางอี้หมิงขนส่งเป็นการส่วนตัวโดยไม่ได้รับคำยินยอมจากผม นั่นเท่ากับเป็นการขโมย และคุณเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด
ปริมาณมากขนาดนี้ จำนวนเงินก็มาก แบบนี้ต้องถูกตัดสินโทษเป็นสิบปีขึ้นไปแน่”
เมื่อย่วนชิงโซงได้ยิน สีหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นซีดขาว เขากระชับมือทั้งสองข้างเข้าหากันแน่นอย่างประหม่า
ฟางยู่เชินยิ้มมุมปากแล้วพูดต่อ “ถ้าวันนี้คุณยอมรับว่ายาพวกนี้ฟางอี้หมิงเป็นคนให้คุณขนส่งออกไป ผมสามารถปล่อยคุณไปได้ แล้วเรื่องนี้จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับคุณอีก”
“ประธานฟาง ฉันว่านายคงหาผิดคนแล้ว”
มาถึงขนาดนี้แล้ว ย่วนชิงโซงยังคงกัดไม่ยอมปล่อย “ยาพวกนี้ไม่ใช่ของอี้หมิง แต่เป็นของคนอื่น ฉะนั้นนายอย่าคิดจะหลอกใช้ฉันเพื่อจัดการกับอี้หมิงเลย”
เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าของฟางยู่เชินเปลี่ยนเป็นเย็นชา จ้องเขม็งมองเขา
และเพียงแค่ฟังเขาพูดต่อไป “ฉันรู้ว่านายไม่ลงรอยกันกับอี้หมิงมาตลอด กลัวว่าอี้หมิงจะแย่งตำแหน่งท่านประธานของนาย ถึงอยากจะใช้ฉันเพื่อจัดการกับเขา แต่นายเสียดายนายหาผิดคนแล้วล่ะ”
ฟางยู่เชินมองเขาอย่างเงียบๆ ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา
“อาย่วนคิดมากเกินไปแล้ว ผมไม่เคยคิดจะจัดการฟางอี้หมิง กลับกันกลับเป็นเขามากกว่าที่เอาแต่คิดหาวิธีจัดการผมอยู่ตลอดเวลา ว่าจะดึงผมออกจากตำแหน่งประธานนี้ไปได้ยังไง”
เขาโยนใบรายการลงบนโต๊ะทำงาน พลางถอนหายใจ “ในเมื่อคุณไม่ยอมพูดความจริง ถ้าอย่างนั้นผมก็ทำได้แค่ต้องส่งเรื่องนี้ให้ทางตำรวจจัดการแล้วล่ะ”
จากนั้น เขาก็ตะโกนเรียกส้งหยาวเข้ามา “โทรไปแจ้งกับทางตำรวจ บอกว่าทางฉันมีเบาะแสสำคัญแล้ว”
“ครับ”
ส้งหยาวรับคำสั่งและออกไปอย่างรวดเร็ว
ย่วนชิงโซงก้มศีรษะลง ดวงตากลอกไปกลอกมาไม่หยุด มือทั้งสองข้างกุมกันแน่นอย่างเป็นกังวล
เขารู้ดีว่าฟางยู่เชินไม่ได้กำลังจะข่มขู่ให้ตัวเองกลัวเท่านั้น แต่เขากำลังจะมอบเรื่องให้กับทางตำรวจจริงๆ
ตระกูลย่วนไม่สู้ตระกูลฟาง ถ้าหากตนต้องเข้าสถานีตำรวจจริงๆ เกรงว่าคงไม่สามารถออกมาได้ในชั่วครู่ชั่วคราวแน่ ยิ่งไม่ต้องคิดเลยว่าเจ้าเด็กฟางอี้หมิงนั่นจะช่วยเขา
ฟางยู่เชินนั่งบนขอบโต๊ะทำงาน เหลือบตามองย่วนชิงโซง จากนั้นก็ยกมือขึ้นมองดูนาฬิกาข้อมือ “ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่า ทางตำรวจจะมาถึงที่นี่ในอีกยี่สิบนาที ดังนั้นคุณยังมีเวลาอีกสิบกว่านาทีให้ได้คิดพิจารณาอีกเล็กน้อย”
“ผมขอแนะนำคุณว่าอย่าเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเพื่อฟางอี้หมิงเลย มันไม่คุ้มหรอก”
ย่วนชิงโซงกำมือแน่น และคลายออกอย่างกะทันหัน เขาเงยหน้าขึ้น “ถ้าฉันบอกความจริง นายจะปล่อยฉันไปจริงๆ ไหม?”
ฟางยู่เชินยิ้ม “ผมรักษาคำพูดเสมอ”
ย่วนชิงโซงนิ่งเงียบไป
เมื่อเห็นว่าเขายังลังเลอยู่ ฟางยู่เชินก็พูดอีกว่า “ผมรู้ว่าในตระกูลย่วนคุณไม่ได้รับความสนใจมีเหมือนไม่มี การมีตัวตนต่ำมาก และการที่ฟางอี้หมิงไปขอให้คุณช่วยก็คงเป็นเพราะสาเหตุนี้ เพียงแค่คุณถูกจับได้ เขาก็สามารถละทิ้งคุณได้ในทันที โดยที่ไม่กระทบต่อตระกูลย่วนเลยแม้แต่น้อย”
คำพูดเหล่านี้เหมือนกับหมัดทื่อๆ กระทุ้งเข้าที่หัวของย่วนชิงโซง และเขาก็ได้สติคิดได้ในทันที
“โอเค ฉันจะบอกความจริงกับนาย”
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คนที่เขาควรจะปกป้องมากที่สุดคือตัวเอง แต่ไม่ใช่ฟางอี้หมิง
แค่นั้นแหละ!
ฟางยู่เชินยิ้มแล้วกระโดดลงจากโต๊ะ พลางถือโอกาสหยิบปากกาบันทึกเสียงที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานมาถือไว้ในมือ
เมื่อเปิดเครื่องบันทึกเสียงแล้ว เขาก็พูดขึ้นว่า “ตอนนี้คุณเริ่มพูดได้แล้วครับ”
ด้วยเหตุนี้ ย่วนชิงโซงจึงบอกเล่ารายละเอียดที่ฟางเฉิงมาขอให้เขาช่วยเหลือกับฟางยู่เชินอย่างละเอียดถี่ถ้วน
หลังจากที่ฟางยู่เชินได้ฟัง ใบหน้าหล่อเหลาตึงแน่น มุมปากกระตุกขึ้นเชิงเยาะเย้ยถากถาง “โลภมาก ใจคนไม่รู้จักพอ ความกระหายของฟางอี้หมิงนี่มันมีมากจริงๆ”
“ฉันไปได้หรือยัง?” ย่วนชิงโซงถาม
ฟางยู่เชินเงยหน้าขึ้นมองเขา พลางเลิกคิ้วขึ้น “ไม่ได้ ไว้รอให้หลังจากผมกับฟางอี้หมิงเผชิญหน้ากันก่อน คุณถึงจะสามารถไปได้”
ย่วนชิงโซงร้อนใจ “นาย นายต้องปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้”
“ผมกำลังปกป้องคุณอยู่นะครับ” ฟางยู่เชินหันตัวเดินไปที่เก้าอี้ของประธานและนั่งลง “ถ้าตอนนี้ผมปล่อยคุณไป และทันทีที่ฟางอี้หมิงรู้ว่าคุณบอกเรื่องทุกอย่างกับผมหมดแล้ว แบบนั้นต้องไม่เป็นผลดีกับคุณแน่นอน”
“ฉันเป็นลุงของเขา เขาไม่กล้าหรอก” ย่วนชิงโซงกล่าว
“จริงเหรอครับ?” ฟางยู่เชินหัวเราะเยาะเย้ย “ตอนนี้พนักงานของบริษัทของผมคนหนึ่งยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลย เดิมทีก็อาการดีขึ้นแล้ว แต่เพื่อไม่ให้เขาฟื้นขึ้นมา ฟางอี้หมิงส่งคนไปฉีดยาพิษให้เขาโดยเฉพาะ ตอนนี้ยังไม่พ้นขีดอันตรายเลย ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถอดทนจนรอดไปได้หรือเหล่า”
ย่วนชิงโซงส่ายหัวไปมา “เป็นไปไม่ได้ อี้หมิงไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้แน่”
เขาไม่เชื่อ ฟางยู่เชินก็ไม่ได้บังคับให้เขาเชื่อ “ยังไงก็ตามตอนนี้คุณยังไปไหนไม่ได้ชั่วคราว ผู้ช่วยของผมจะช่วยหาที่พักให้คุณ รอให้เรื่องจบลงแล้ว ผมจะปล่อยคุณไป”
“นี่นายกำลังกักขังหน่วงเหนี่ยวอย่างผิดกฎหมายนะ!” ย่วนชิงโซงกล่าวด้วยเสียงเฉียบขาด
“ผมแค่ทำไปเพื่อปกป้องคุณ”
ฟางยู่เชินตะโกนเรียกส้งหยาวเข้ามาอีกครั้ง สั่งกำชับให้เขาจัดหาที่พักอาศัยให้ย่วนชิงโซงให้เรียบร้อย
หลังจากที่ส้งหยาวพาย่วนชิงโซงที่ไม่เต็มใจยินดีออกไปแล้ว ฟางยู่เชินถึงออกจากบริษัทและกลับบ้าน
ทันทีที่รถเพิ่งจะเข้าจอดสนิท จิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อก็กลับมาพอดี
ฟางยู่เชินลงจากรถ เมื่อเห็นเจียงสื้อสื้อลงจากรถเขาก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “สื้อสื้อ คืนวันนี้สนุกไหม?”
เจียงสื้อสื้อยักไหล่ “เป็นงานเลี้ยงที่น่าเบื่อมาก แต่ว่าทำไมพี่ถึงไม่ไปล่ะ?”
“มีเรื่องที่บริษัท ไปไม่ได้” ฟางยู่เชินเหลือบมองไปที่ชายหนุ่มข้างกายเธอ “น้องเขย อีกเดี๋ยวพอจะมีเวลาไหม?”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า “มี”
“ถ้าอย่างนั้นก็โอเค ฉันมีเรื่องจะบอกนาย”