คำพูดทุกคำของเธอล้วนพูดจาหัวเราะเยาะเธอ
ซ่างกวนหยวนกำหมัดไว้แน่น จ้องหน้าผู้หญิงตรงหน้าตาแข็ง
ชีซาริมฝีปากแดงยิ้มขึ้น “ดังนั้น คุณผู้หญิง อย่าคิดอะไรเกินเลยกับเขา ชาตินี้เขารักแค่ภรรยาเขาคนเดียว”
พูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากไป
ข้างหลัง เสียงแผ่วเบาดังขึ้น “ใครรับประกันได้ว่าเขาจะรักภรรยาเขาทั้งชีวิต? เขาหรือว่าคุณ?”
ชีซาขมวดคิ้วเล็กน้อย นี่คือจะหาเรื่องเหรอ?
เธอหันกลับไป มองซ่างกวนหยวนอย่างรู้สึกขำ “คุณอยากสื่ออะไร?”
ซ่างกวนหยวนลุกขึ้น สบตากับเธอ พูดออกมาทีละคำอย่างชัดเจน “ไม่มีใครรับรองได้ว่าชาตินี้จะรักคนแค่คนเดียว”
ได้ยินแล้ว ชีซาเริ่มรู้สึกน่าสนใจ เอามือกอดอก มองหน้าซ่างกวนหยวนหน้าเย็นชา “คุณอยากทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขา?”
“ถ้าพวกเขารักกันจริง ฉันก็ทำลายไม่ได้ ทางกลับกัน นั่นก็หมายความว่าพวกเขารักกันไม่พอ”
“ที่คุณพูดก็ไม่ผิด” ชีซาพยักหน้า “แต่ว่า คุณไม่รู้สึกว่าสิ่งที่คุณทำมันทุเรศมากเหรอ?”
“เพื่อความรักของตัวเอง ทำไมจะไม่ได้” ซ่างกวนหยวนท่าทางเชื่อมั่น
ชีซายิ้ม “ดูแล้วคุณนี่ไร้ยางอายจริงๆ”
ซ่างกวนหยวนเม้มปาก ไม่ได้คัดค้าน
ชีซาดูเธอยิ้มอย่างใจเย็น รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที ไม่เคยเจอผู้หญิงที่หน้าด้านขนาดนี้
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ยับยั้งอารมณ์วู่วามที่อยากต่อยคน ยิ้มเสแสร้ง “ฉันว่าคุณคงต้องผิดหวังแล้ว จิ้นเฟิงเฉินไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา คุณคิดเองละกัน”
พูดจบ ก็หันตัวเดินกลับไปที่นั่งตัวเอง
ซ่างกวนหยวนมองร่างเธอเดินจากไป หรี่ตาลงเล็กน้อย แววตาเชื่อมั่น ไม่ว่ายังไง เธอก็ไม่มีวันยอมแพ้
กลับไปโต๊ะอาหาร ชีซายกแก้วน้ำผลไม้บนโต๊ะขึ้นดื่มจนหมด สายตามองไปที่ซ่างกวนหยวนที่มองมาทางนี้ ความโมโหขึ้นมาถึงลำคอ
“จิ้นเฟิงเฉิน เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงได้หน้าด้านขนาดนี้?” เธอมองจิ้นเฟิงเฉินด้วยความโมโห
“เพื่อนของสื้อสื้อ”
“อะไรนะ?” ชีซาเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ “เธอ เธอเป็นเพื่อนสื้อสื้อ?”
เธอยังคงรับไม่ได้ “เป็นเพื่อนกับสื้อสื้อ ทำไมเธอยังหน้าด้านพูดจาแบบนั้นออกมาได้อีก?”
นี่เป็นครั้งแรกที่ชีซารู้สึกทัศนคติพังทลาย
“เธอพูดอะไร?” จิ้นเฟิงเฉินถาม
“ยังพูดอะไรได้ ก็บอกว่าชอบคุณไง และไม่ยอมแพ้ง่ายๆ” ชีซายิ่งคิดยิ่งโมโห เธอเงยหน้ามองไปที่ตำแหน่งของซ่างกวนหยวน พบว่าคนหายไปแล้ว
“ไปแล้ว?” ชีซาขมวดคิ้ว
จิ้นเฟิงเฉินมองเธอไปแว๊บหนึ่ง เขาหันไปมอง
ซ่างกวนหยวนไม่อยู่แล้วจริง เธอรู้สึกว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะเจอกับจิ้นเฟิงเฉิน เพราะมีผู้หญิงคนอื่นอยู่
เช็กบิลแล้วก็จากไป
“เสียดาย ฉันยังอยากสั่งสอนสั่งสอนเธอหน่อย” ชีซาเบ้ปาก
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว “สั่งสอน?”
“ใช่ เธอช่างหน้าด้านจริงๆ กลับคาดหวังในตัวของสามีเพื่อน ยังหน้าไม่อายบอกว่าเพื่อความรักของตัวเอง จะทำอะไรก็ได้”
พูดถึงตรงนี้ ชีซาโมโหจนถอนหายใจ “คุณว่าคนเราทำไมถึงได้หน้าด้านขนาดนี้?”
“ไม่ต้องโมโห” จิ้นเฟิงเฉินช่วยเธอเติมน้ำผลไม้ “เธอทำอะไรไม่ได้หรอก”
ชีซาทำเสียงเย็นชา “กลัวแต่ว่าเธอจะใช้วิธีสกปรก คุณก็ระวังไว้หน่อยละกัน”
“อืม”
ชีซาดูเขาไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้ รู้ว่าเขาไม่ได้มีผู้หญิงคนนั้นอยู่ในสายตา แต่เธอก็รู้สึกว่าไม่ควรชะล่าใจ
ใครจะไปรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเพื่อที่อยากได้เขามาครอบครอง จะทำเรื่องหน้าด้านอะไรออกมา
ดูแล้วช่วงที่อยู่อิตาลี เธอต้องช่วยเจียงสื้อสื้อดูเขาไว้ให้ดี
……
เพราะว่าเรื่องของซ่างกวนหยวน เจียงสื้อสื้อวุ่นวายใจจนกินอะไรไม่ลงทั้งวัน จนจิ้นเฟิงเฉินโทรหาเธอ
“มีเรื่องอะไรไหมคะ?” น้ำเสียงของเธอไม่ค่อยดี
“มีอะไรไหม?”
เสียงอันอ่อนโยนของจิ้นเฟิงเฉินดังอยู่ข้างหู เจียงสื้อสื้อตาแดงน้ำตาคลอ กัดริมฝีปากตัวเองแน่น “ฉันคิดถึงคุณ”
น้ำเสียงของเธอสะอื้นเล็กน้อย จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว “ร้องไห้?”
“ไม่ใช่” เจียงสื้อสื้อยกมือเช็ดน้ำตาที่ขอบตา พูดจาปากแข็ง
เสียงหัวเราะเบาๆของจิ้นเฟิงเฉินดังขึ้นมา “เด็กโง่ ไม่นานผมก็กลับไปแล้ว”
เจียงสื้อสื้อนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วเปิดปากพูด “ฉันไปหาคุณได้ไหม?”
“คุณจะมา?”
“อืม”
จิ้นเฟิงเฉินไม่หวังให้เธอมาอิตาลีตอนนี้ ถ้าเธอมาแล้ว เขาก็ต้องแบ่งใจมาดูแลเธอ เวลาทำงานก็จะทำได้ไม่เต็มที่
แต่ว่า เขาไม่ได้พูดแบบนี้ แต่ถามกลับไปว่า “ทำไมถึงอยากมาอิตาลีกะทันหัน?”
“เพราะว่า…..” เจียงสื้อสื้อลังเลไปครู่หนึ่ง “ซ่างกวนหยวนอยู่อิตาลี”
ได้ยินคำพูดนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็เคร่งขรึมไปนิดหนึ่ง “คุณรู้ได้ยังไง?”
“เธอถ่ายรูปของคุณกับชีซาส่งมาให้ฉัน”
จิ้นเฟิงเฉินหรี่ตา ถ้าซ่างกวนหยวนอยู่เฉยๆไม่ก่อเรื่อง เขาก็จะคิดว่าไม่มีผู้หญิงคนนี้อยู่ แต่ว่า ตอนนี้เธอกลับทำเรื่องแบบนี้ ดูแล้วต้องคิดหาวิธีจัดการแล้ว
“เพราะฉะนั้นคุณก็เลยกังวล?”
เจียงสื้อสื้อตอบเบาๆ “อืม” ไปคำหนึ่ง “เธอชอบคุณ”
“ถ้าคุณกังวล ก็ให้กู้เนี่ยนหรือยู่เชินจองตั๋วให้คุณ”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ได้ยินเขาพูดแบบนี้แล้ว เธอก็รู้สึกวางใจแล้ว ไม่อยากไปหาเขาแล้ว เดี๋ยวสร้างความวุ่นวายให้เขา
“วันนี้คุณกินอาหารเช้ากับชีซาเหรอ?”
เธอเปลี่ยนเรื่องได้อย่างไม่ค่อยธรรมชาติเท่าไหร่เลย จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม “อืม ผมมีเรื่องให้เธอช่วย”
“ซ่างกวนหยวนนึกว่าคุณแอบไปเจอผู้หญิงคนอื่นลับหลังฉัน ก็เลยถ่ายรูปส่งมาให้ฉัน”
พูดถึงตรงนี้ เจียงสื้อสื้อหัวเราะ “ดูแล้วเธอก็ไม่มั่นใจในตัวคุณ คิดว่าคุณเป็นคนทำเรื่องนอกใจได้”
“แล้วคุณล่ะ?” จิ้นเฟิงเฉินถาม
“ฉันเหรอ……” เจียงสื้อสื้อหมุนลูกตา “คุณทายซิ”
“ผมรักคุณ สื้อสื้อ”
คำสารภาพรักกะทันหัน ทำให้ความรู้สึกวุ่นวายในใจของเจียงสื้อสื้อหายไปอย่างปริทิ้ง มุมปากของเธอยิ้มขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ “อืม ฉันก็รักคุณ”
“รอผม ผมจะรีบกลับไป”
“อืม ฉันรอคุณ”
เจียงสื้อสื้อกอดมือถือล้มนอนไปบนเตียง ใบหน้าเล็กๆของเธอยิ้มหวานอย่างมีความสุข เธอมองเพดาน พูดเบาๆกับจิ้นเฟิงเฉินในโทรศัพท์ “ฉันไม่ไปอิตาลีแล้ว”
“ตัดสินใจแล้ว?”
“อืม ฉันเชื่อคุณ”
ความจริงเธอเชื่อใจเขามาตลอด เพียงแต่ไม่เชื่อซ่างกวนหยวน
“ผมดีใจมาก”
มีโทรศัพท์กั้นกลาง ก็รับรู้ถึงความสุขในน้ำเสียงของเขา
“คุณคงไม่ได้คิดว่าฉันไม่เชื่อใจคุณหรอกนะ?” เจียงสื้อสื้อถามอย่างสงสัย
“ไม่ ผมรู้ว่าคุณเชื่อใจผม”
พวกเขาผ่านเรื่องอะไรมาด้วยกันมากมาย เข้าใจซึ่งกันและกัน
เจียงสื้อสื้อพลิกตัว นอนคว่ำอยู่บนเตียง “คุณต้องดูแลตัวเองดีๆ ห่างๆกับซ่างกวนหยวนหน่อย ฉันเชื่อคุณ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันเชื่อใจซ่างกวนหยวน”
“ผมรู้”
ทั้งสองคนคุยกันไปครึ่งชั่วโมง เจียงสื้อสื้อถึงวางโทรศัพท์อย่างพอใจ นอนยิ้มอยู่บนเตียง