“งั้นพวกลูกก็รีบไปหาเขากลับมาสิลูก” ซ่างหยิงเริ่มรู้สึกร้อนใจ “ตอนนี้ร่างกายของสื้อสื้อทนรับแรงกดดันแบบนี้ไม่ได้”
เธอไม่สนใจว่าซ่างกวนหยวนจะชอบใคร เธอสนใจแต่ร่างกายของหลานสาวเธอเท่านั้น
สื้อสื้อกับเฟิงเฉินรักกันมาก ถ้าคนหนึ่งหายไป อีกคนคงจะรับไม่ได้อย่างแน่นอน
ซ่างหยิงรู้สึกกังวลมาก
“คุณแม่ครับ ใจเย็นๆก่อนครับ เรากำลังตามหาอยู่ครับ” ฟางยู่เชินรีบพูดปลอบมารดาอย่างรวดเร็ว
“แล้วได้ข่าวอะไรบ้างหรือยัง” ซ่างหยิงเอ่ยถาม
ฟางยู่เชินส่ายหน้า “ไม่ครับ”
“ทำไมถึงไม่มีข่าวคราวอะไรเลยล่ะ คนทั่วไปจะหายไปโดยไม่มีข่าวคราวเลยได้ยังไงกัน” ซ่างหยิงนิ่งคิดอยู่สักพัก “ใช้เครือข่ายการติดต่อของตระกูลฟางทั้งหมด ถึงจะต้องพลิกโลกตามหา ก็ต้องหาให้เจอ”
“คุณแม่ครับ ผมเข้าใจแล้วครับ แต่หยวนหยวนจงใจจะซ่อนคน ผมกลัวว่ามันจะไม่ง่ายที่จะหาพวกเขาเจอ”
อีกอย่างพวกเขาอยู่ในที่สว่าง ซ่างกวนหยวนอยู่ในที่มืด ขอแค่เธอต้องการ เธอสามารถรู้ความเคลื่อนไหวของพวกเขาได้ตลอดเวลา แบบนี้มันไม่เป็นผลดีต่อพวกเขาเลย
นี่เป็นเรื่องที่ฟางยู่เชินกังวลมากที่สุด
“จงใจจะซ่อนคนอย่างนั้นเหรอ” ซ่างหยิงยิ้มเยาะ “เธอไร้ยางอายจริงๆ เธอรู้ทั้งรู้ว่าเฟิงเฉินกับสื้อสื้อแต่งงานกันแล้ว ยังจะชอบเฟิงเฉินอีก แม่ไม่รู้จริงๆว่าในสมองเธอกกำลังคิดอะไรอยู่”
แค่ซ่างหยิงนึกถึงตอนที่เธอพูดต่อหน้าตนเองว่าเธอมีคนที่ชอบแล้ว และคนๆนั้นเป็นจิ้นเฟิงเฉิน เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบใจเอามากๆ
ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าเธอมีความคิดเช่นนั้นกับเฟิงเฉิน ตนเองคงไม่คิดจะให้เธอมาเป็นลูกสะใภ้ หรือแม้แต่จะพยายามจับคู่เธอกับยู่เชินอย่างโง่เขลาแน่นอน
นี่มันไม่ใช่แค่โง่ธรรมดา แต่มันโง่เอามากๆเลยต่างหาก
ผ่านประสบการณ์มาหลายสิบปี กลับถูกผู้หญิงคนหนึ่งหลอกจนหัวปั่นแบบนี้
พอฟังออกถึงความโกรธที่มารดามีต่อซ่างกวนหยวน ฟางยู่เชินจึงอดหัวเราะไม่ได้ “คุณแม่ชอบหยวนหยวนมากไม่ใช่เหรอครับ ทำไมตอนนี้ถึงได้พูดแบบนี้ล่ะครับ”
“ที่แม่ชอบเธอก็เพราะ เพราะแม่คิดว่าเธอเป็นเด็กที่มีจิตใจดีไร้เดียงสา ใครจะรู้ว่าเธอเป็นคนแบบนี้”
ซ่างหยิงโกรธมากจริงๆ ถ้าซ่างกวนหยวนยืนอยู่ข้างหน้าเธอตอนนี้ เธออยากจะต่อว่าเธอจริงๆ คอยดูสิว่าเธอจะต่อว่าจนเธอสำนึกผิดได้หรือเปล่า
“ดังนั้น คุณแม่ครับ จากนี้ไปอย่ามองคนเพียงผิวเผิน รู้ไหมครับ” ฟางยู่เชินพูดอย่างตั้งใจ
ซ่างหยิงพยักหน้า “ถูกต้อง คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ คราวหน้าแม่จะต้องระวังให้มากกว่านี้”
หางยู่เฉินกอดไหล่ของเธอไว้ “ไม่เพียงแต่ต้องระวังนะครับ อีกอย่างต้องไม่ให้ผมไปนัดดูตัวอีกด้วย”
“ได้สิจ้ะ” ซ่างหยิงหันไปมองเขา “งั้นลูกลองทำความรู้จักกับเสี่ยวอี้ดู บางทีลูกอาจจะชอบเธอก็ได้ แบบนี้ลูกจะได้ไม่ต้องไปนัดดูตัวอีก”
“คุณแม่ครับ”
ความรู้สึกหมดแรงพุ่งเข้ามาในหัวใจของฟางยู่เชิน เขาอุตส่าห์พูดไว้อย่างชัดเจนแล้ว แล้วทำไมเธอถึงยังจับคู่เขากับเย่เสี่ยวอี้อีกล่ะ
“คุณแม่ไม่กลัวว่าเสี่ยวอี้กับหยวนหยวนจะนิสัยเหมือนกันเหรอครับ”
“เป็นไปไม่ได้จ้ะ” น้ำเสียงของซ่างหยิงมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก
“คุณแม่มั่นใจได้ยังไงครับ ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
“เพราะเธอบอกแม่อย่างชัดเจน ว่าเธอชอบลูก”
ฟางยู่เชินถอนหายใจ “ก็ได้ครับ แต่ตอนนี้ผมไม่มีเวลาที่จะทำความรู้จักกับคนอื่น รอหาเฟิงเฉินเจอแล้วค่อยพูดเรื่องนี้นะครับ”
ซ่างหยิงเองก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เวลามาพูดถึงเรื่องนี้ “ได้จ้ะ รอหาเฟิงเฉินกลับมาแล้ว ค่อยมาคิดเรื่องของลูกอีกที”
“ขอบคุณครับคุณแม่” ฟางยู่เชินมองขึ้นไปชั้นบนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “คุณแม่ครับ ก่อนที่จะพาน้องเขยกลับมาได้ แม่ต้องคอยอยู่เป็นเพื่อนสื้อสื้อให้มาก อย่าปล่อยให้เธออยู่คนเดียว ไม่อย่างนั้น เธอจะคิดอะไรฟุ้งซ่านไปเอง “
ซ่างหยิงพยักหน้า “แม่รู้จ้ะ แม่จะอยู่เป็นเพื่อนเธอตลอดเวลา”
……
คุณเบอร์เกนครับ คุณหนูเจียงสื้อสื้อเดินทางกลับประเทศแล้วครับ”
พอได้ยินรายงานของผู้ช่วย เบอร์เกนก็เงยหน้าขึ้นด้วยความตกตะลึง “นายพูดอะไรนะ เธอกลับไปแล้วอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ครับ เราพบข้อมูลเที่ยวบินที่เธอนั่งแล้ว”
“เดินทางไปตอนไหน” เบอร์เกนถาม
“เมื่อคืนครับ”
เบอร์เกนยกยิ้ม แต่รอยยิ้มไม่ได้ปรากฏในแววตาของเขาเลย “โซเฟย่า คุณคิดว่าคุณกลับบ้านแล้ว ผมทำอะไรคุณไม่ได้หรือไง”
เขาคิดอยู่สักพัก ก่อนจะสั่งว่า “จองตั๋วเครื่องบินไปเมืองจิ่นให้ฉัน ฉันจะไปจับคนกลับมาด้วยตัวเอง”
“ครับ”
ผู้ช่วยรีบออกไปจนเกือบจะวิ่งชนลี่ซาที่กำลังเดินเข้าประตูมา
“คุณหญิง” ผู้ช่วยรีบก้มหน้าลงทำความเคารพ
ลี่ซาขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “รีบร้อนออกไปแบบนี้ จะไปทำอะไรกัน”
“คุณท่านขอให้ผมจองตั๋วไปเมืองจิ่นครับ” ผู้ช่วยตอบตามความจริง
“เมืองจิ่นอย่างนั้นเหรอ” ลี่ซาสงสัยมาก “เมืองจิ่นอยู่ที่ไหน”
ในขณะที่ผู้ช่วยกำลังจะตอบ เสียงของเบอร์เกนก็ดังออกมาจากในห้อง “ลี่ซา อยากรู้อะไรให้มาถามผมเป็นการส่วนตัว”
ลี่ซาเหลือบมองผู้ช่วย “ออกไปได้แล้ว”
ผู้ช่วยรีบเดินออกไป
ลี่ซาเดินเข้าไปในห้อง พอเห็นเบอร์เกนนั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน ก้มหน้าอ่านเอกสารในมือ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
หลังจากหายใจเข้าลึก เธอก็เดินไปวางผลไม้ในมือไว้บนโต๊ะ แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “กินผลไม้หน่อยเถอะค่ะ”
ด้วยความที่ไม่คุ้นเคยกับการพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแบบนี้ เบอร์เกนจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้น
ลี่ซามองเขาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนหวาน
เบอร์เกนขยับปลายคิ้วเล็กน้อย แล้วถามอย่างแผ่วเบา “คุณจะทำอะไรอีก”
“ฉันไม่ได้จะทำอะไรนี่คะ” ลี่ซารู้สึกร้อนตัว “ฉันแค่มาส่งผลไม้ให้คุณเท่านั้นเอง”
เบอร์เกนจ้องหน้าเธออย่างเคร่งขรึม ก่อนจะพูดอีกครั้ง “ลี่ซา เราแต่งงานกันมาหลายปีแล้ว คุณเป็นคนจิตใจดีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
พอลี่ซาได้ยิน สีหน้าก็เหยเกเล็กน้อย
เขาพูดถูก ตลอดหลายปีที่แต่งงานกันมา เธอเอาแต่ใจและหยิ่งยโสมาก เธอจะอาละวาดได้ตลอดเวลา ไม่เคยแม้แต่จะเทน้ำให้เขาดื่มเลยสักครั้ง อย่าว่าแต่จะส่งผลไม้มาให้เขากินเลย
เธอกัดริมฝีปากของเธอ เหมือนกับว่าตั้งใจอย่างแน่วแน่มาก ก่อนจะพูดว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะอ่อนโยนให้มากกว่านี้ค่ะ”
“ไม่จำเป็น ผมไม่มีดวงที่จะรับมัน” เบอร์เกนมองเธออย่างเย็นชา แล้วก้มหน้าลง ไม่มองเธออีก
เขานี่มันโง่เง่าจริงๆ
เธอตั้งใจทำการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเขา และเขากลับพูดถากถางเธอแบบนี้
ลี่ซาเริ่มโกรธเล็กน้อย เธอถลึงตาใส่เบอร์เกน มือของเธอกำหมัดไว้แน่นทั้งสองข้าง
“ผมยุ่งมาก ไม่มีเวลามาดูคุณอาละวาดหรอกนะ” เบอร์เกนพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง
“นี่คุณ”
ลี่ซาโกรธมากจนอยากจะด่าเขา แต่พอนึกถึงสิ่งที่กู้เนี่ยนเคยพูดไว้ เธอก็กัดฟันทน ระงับความเกรี้ยวกราดที่ปะทุอยู่ในใจ และพยายามแสยะยิ้มออกมา “คุณกำลังพูดเรื่องอะไรคะ ฉันจะอาละวาดได้ยังไงกัน”
เบอร์เกนเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น “คุณคิดจะทำอะไรกันแน่”
นี่เธอคิดว่าใช้ไม้แข็งไม่ได้ ก็ใช้ไม้อ่อนอย่างนั้นเหรอ
ลี่ซากะพริบตาปริบๆ “ไม่ได้จะทำอะไรนี่คะ ฉันแค่อยากอยู่เป็นเพื่อนคุณ และมองดูคุณแบบนี้”
“ไม่จำเป็น”
คำพูดของเขาเหมือนน้ำเย็นเทใส่หน้าเธอ
รอยยิ้มบนใบหน้าของลี่ซาชะงักงัน ก่อนจะกลับมายิ้มเหมือนเดิม แล้วถามอย่างระมัดระวัง “งั้นคุณบอกฉันได้ไหมคะ ว่าคุณไปเมืองจิ่นทำอะไร”
“ไปทำธุระ”
คำตอบนั้นสั้นและกระชับได้ใจความมาก
ลี่ซาคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามลองเชิง“งั้นฉันไปกับคุณด้วยได้ไหมคะ เรายังไม่เคยออกไปเที่ยวด้วยกันเลยสักครั้ง ดังนั้นเราใช้โอกาสนี้…”
“ลี่ซา ผมจะไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยวเล่น” เบอร์เกนมองหน้าเธออย่างเย็นชา
“อ้อ” ลี่ซายิ้มแหย “ไม่เป็นไรค่ะ งั้นฉันไม่ไปกับคุณแล้ว คุณทำงานต่อเถอะค่ะ”
เธอหันหลังแล้วเดินออกไป
เบอร์เกนคิดแค่ว่าเธอกินยาผิดมาอีกแล้ว จึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก ความสนใจของเขากลับไปที่แฟ้มเอกสารอีกครั้ง