เหลียงซินเวยอึ้งไป จูงมืออานอานไว้แล้วเชิญเย่เฉินหยุนขึ้นไปนั่งข้างบนด้วย
พอถึงบ้าน เหลียงซินเวยก็เทน้ำแก้วหนึ่งมาวางไว้ตรงโต๊ะชา “ในบ้านมีแต่น้ำเปล่าเท่านั้น ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
เย่เฉินหยุนยิ้ม “ไม่เป็นไรครับ จุดประสงค์ที่ผมมาก็ไม่ใช่มาดื่มอะไรอยู่แล้ว”
นั่งลงตรงข้ามเขา เหลียงซินเวยก็คิดๆ ดู จากนั้นก็ถามไปว่า “แล้วคุณอยากรู้เรื่องอะไรเหรอคะ?”
“ผม……” เย่เฉินหยุนลังเลไปแป๊บหนึ่ง “ผมอยากรู้ว่าก่อนที่พี่สาวของคุณจะเสีย เธอมีชีวิตที่ดีมั้ยครับ?”
“ไม่ถือว่าดี” เหลียงซินเวยตอบไปตามตรง “จนอาจจะพูดว่าลำบากเลยก็ได้ค่ะ”
พอได้ยินแบบนั้นมือที่ถือแก้วขอ เย่เฉินหยุนก็กำแน่นอย่างไม่รู้ตัว “บอกผมได้มั้ยครับว่าเป็นเพราะอะไร?”
“ไอ้ได้มันก็ได้ แต่ว่า……” เหลียงซินเวยยิ้มออกมาอย่างหนักใจ “ฉันไม่ค่อยอยากพูดถึงช่วงเวลาที่เลวร้ายนั่นสักเท่าไหร่ค่ะ”
สำหรับเธอแล้ว ช่วงเวลานั้นถือว่าเป็นความทรงจำที่หนักหนาเอามากๆ
เธอกลัวว่าตัวเองจะทนไม่ไหวจนต้องร้องไห้ออกมาต่อหน้าเขา
ทั้งคู่ต่างพากันเงียบ
เนิ่นนาน เย่เฉินหยุนถึงได้พูดออกมา “ต้องขอโทษด้วยครับผมอยากรู้จริงๆ ว่าซีเอนนั้นใช้ชีวิตยังไง แต่ถ้ามันทำให้คุณลำบากใจ คุณก็ไม่ต้องเล่าให้ผมฟังผมก็ได้ครับ”
เหลียงซินเวยเม้มปาก แล้วถามไปด้วยความไม่มั่นใจว่า “คุณเป็นแค่เพื่อนของพี่สาวจริงๆ เหรอคะ?”
เย่เฉินหยุนอึ้งไป “ใช่ครับ มีอะไรรึเปล่าครับ?”
“เป็นเพื่อนแบบเพื่อนที่ดีต่อกันมากๆ รึเปล่าคะ?”
“ครับ เป็นเพื่อนที่ดีมากๆ มากๆ เลยครับ”
ตอนที่พูดแบบนั้นออกมา เสียงของเย่เฉินหยุนก็เบามาก เบาเหมือนกำลังกระซิบอยู่ สีหน้าก็ดูไม่ดีเอาซะเลย
เหลียงซินเวยหายใจเข้าลึกๆ “บอกตามตรง ฉันไม่เคยได้ยินพี่สาวพูดถึงคุณมาก่อนเลย ด้วยเหตุนี้ฉันจึงต้องถามแบบนั้นไป”
“จริงเหรอครับ?” เย่เฉินหยุนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
ก็จริง ซีเอนจะไปพูดถึงเขาได้ยังไงล่ะ?
เธอคงจะเกลียดเขามากแน่ๆ
“ความจริงเรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว จึงไม่มีอะไรให้พูดอีก” เหลียงซินเวยก็ยังไม่อยากพูดถึงความทรงจำในตอนนั้นอยู่ดี “ยังไงก็ต้องขอโทษคุณเย่ด้วยนะคะ”
ในเมื่อเธอไม่อยากพูด เย่เฉินหยุนก็ไม่ได้บังคับเธอ “ไม่เป็นไรครับ”
เย่เฉินหยุนลุกขึ้นยืน “ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ผมขอไปเยี่ยมพี่สาวคุณหน่อยได้มั้ยครับ?”
เหลียงซินเวยยิ้ม “ได้อยู่แล้วค่ะ”
ในตอนนั้นเอง อานอานก็เดินออกมาจากห้อง “แม่ครับ มีดเหลาดินสอของผมมันพังแล้วครับ”
สายตาของเย่เฉินหยุนมองไปที่อานอาน แล้วเขาก็ขมวดคิ้ว
ไม่รู้ทำไม เขารู้สึกว่าเด็กคนนี้ดูหน้าคุ้มมาก เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน
อานอานรับรู้ได้ถึงสายตาที่เย่เฉินหยุนมองมา เงยหน้าขึ้นมามองเขา แย้มปากแล้วยิ้ม เผยให้เห็นรักยิ้มเล็กๆคู่นั้น “สวัสดีครับ คุณลุง”
ทันใดนั้นเอง เย่เฉินหยุนก็พูดออกมาอย่างไม่รู้ตัวว่า “ซีเอน……”
พอเหลียงซินเวยได้ยิน จึงได้หันมามองเขา แล้วเห็นเขากำลังจ้องอานอานตาไม่กะพริบ รู้สึกตกใจทันที และรีบดึงตัวอานอานมาหลบไว้ข้างหลัง
“อานอาน เธอกลับห้องในไปก่อนนะ แม่ยังมีเรื่องต้องคุยกับคุณลุงคนนี้อีก”
“ครับ”
อานอานหันมามองเย่เฉินหยุนทีหนึ่งก่อนจะเดินกลับห้องไป
เย่เฉินหยุนยืนมองจนอานอานกลับเข้าเข้าไป เขาถึงได้หันกลับมามองเหลียงซินเวยอีกครั้ง ยิ้มออกมา “อานอานหน้าตาเหมือนพี่สาวของคุณมากเลยนะครับ”
แววตาของเหลียงซินเวยกระตุกเล็กน้อย “ก็ต้องเหมือนอยู่แล้ว เขาเป็นหลานของพี่สาวฉันนี่คะ”
เย่เฉินหยุนไม่ได้คิดอะไรลึกไปกว่านั้น ยิ้มแล้วพูดออกมาว่า “ผมขอตัวก่อนนะครับ รบกวนแล้วคุณแล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ”
หลังจากที่เหลียงซินเวยส่งเขาออกไป ก็รีบปิดประตูลง หลังพิงประตูแล้วหายใจเข้าลึกๆ
ยังดีที่เขาดูไม่ออก
เธอเขี่ยๆ ปอยผมที่อยู่ข้างแก้ม แล้วรีบเดินเข้าห้องไป ดึงลิ้นชักตรงหัวเตียงออกมา หยิบไดอารี่ออกมาเล่มหนึ่ง
เปิดมันออก ในไดอารี่มีรูปหนีบอยู่หนึ่งใบ
เป็นรูปของชายหญิงคู่หนึ่ง
ผู้หญิงคือพี่สาวของเธอ เหลียงซีเอน
ส่วนชายคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นเย่เฉินหยุนนั่นเอง
ทั้งคู่อยู่กันใกล้มาก พี่สาวของเธอก็ยิ้มหวาน เดาไม่ยากเลยว่าทั้งคู่เป็นอะไรกัน
ได้ยินเย่เฉินหยุนบอกเธอว่า เขากับพี่สาวเป็นแค่เพื่อนที่ดีมากๆ เท่านั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
ไม่รู้ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นระหว่างพี่สาวกับเขา
แต่ขอให้มันอย่ามาทำลายชีวิตที่เงียบสงบของเธอกับอานอานเลย
……
หลังจากที่แผนการล้มเหลวไป ลี่ซาก็โกรธจนทำลายทุกอย่างในห้องที่สามารถทำลายได้จนหมด
คาร์อันที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่กล้าส่งเสียงดังเลยแม้แต่นิดเดียว
รอจนลี่ซาปลดปล่อยจนสมใจแล้ว คาร์อันถึงกล้าเดินเข้ามา แล้วห้ามอย่างระมัดระวังว่า “คุณหญิงครับ ถึงครั้งนี้จะล้มเหลว ก็ยังมีครั้งต่อไป ครั้งต่อไปต้องทำให้เจียงสื้อสื้อได้ลิ้มรสความเจ็บปวดแน่นอนครับ”
“ครั้งต่อไปเหรอ?” ลี่ซาหันมา สายตาที่โหดเหี้ยมมองตรงมาที่เขา “คุณคิดว่ายังจะมีครั้งต่อไปอยู่อีกเหรอ?”
เหงื่อเย็นไหลออกมาจากหน้าผากของคาร์อัน พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
“ความล้มเหลวในครั้งนี้ พวกเจียงสื้อสื้อก็ต้องระวังตัวกันมากขึ้น ต่อไปถ้าเราคิดจะลงมืออีก มันก็เป็นเรื่องที่ยากมาก”
นี้แหละคือสาเหตุว่าทำไมเธอถึงต้องโกรธขนาดนี้
ความล้มเหลวในครั้งนี้ เท่ากับพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์
แค่คิดว่านังสารเลวอย่างเจียงสื้อสื้อนั่นยังอยู่รอดปลอดภัย ไฟแค้นในใจเธอก็ต้องลุกโชนขึ้นมา
“คุณหญิงครับ หรือจะให้ผมแอบเข้าไปในตระกูลฟาง แล้วฆ่าเธอทิ้งเลย” คาร์อันออกความคิดเห็น
ลี่ซาขมวดคิ้ว “คุณแน่ใจเหรอว่าจะทำได้? ระบบรักษาความปลอดภัยของตระกูลฟางนั้นแน่นหนามาก แม้แต่แมลงสักตัวเดียวยังบินเข้าออกไม่ได้เลย”
“ยังไงมันก็ต้องมีช่องโหว่ครับ” คาร์อันพูด “ถ้าคนไม่ออกมา ถ้าอย่างนั้นก็ให้ผมเข้าไปแล้วกันครับ”
ลี่ซาพิจารณาอย่างตั้งใจถึงความเป็นไปได้ของแผนการนี้
“คุณหญิงครับ คุณช่วยเชื่อใจผมอีกสักครั้งนะครับ ผมรับรองว่าต้องทำได้อย่างแน่นอนครับ” คาร์อันกลัวเธอจะไม่เห็นด้วย จึงได้ยืนยันไปอีกครั้ง
ลี่ซาจ้องมาที่เขาพักหนึ่ง สุดท้ายก็พยักหน้า “ตกลง ฉันจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง ถ้าครั้งนี้ยังล้มเหลวอีก คุณก็รับผิดชอบกับผลที่ตามมาเองแล้วกัน”
คาร์อันก้มหน้าลงด้วยความเคารพ “ครับ!”
ครั้งนี้ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องทำสำเร็จให้ได้
……
เบอร์เกนมาถึงเมืองหลวง ทันทีที่เข้าไปในโรงแรม ก็มีลูกน้องเข้ามารายงานว่า
“คุณครับ คุณเจียงได้รับบาดเจ็บครับ”
“บาดเจ็บเหรอ?” เบอร์เกนหันหน้าไปมองคนที่เข้ามาด้วยความสงสัย “หมายความว่ายังไงที่บอกว่าเธอได้รับบาดเจ็บ?”
“ได้ยินว่ามีคนตั้งใจขับรถชนคุณเจียงครับ ถึงจะมีคนมาช่วยไว้ได้ทัน แต่เธอก็ยังได้รับบาดเจ็บอยู่ดี” ลูกน้องคนนั้นรายงานข้อมูลที่ตัวเองรู้ให้เขาอย่างละเอียด
“ใครเป็นคนทำ?” เบอร์เกนถาม
“ตอนนี้ยังไม่รู้ครับ”
เบอร์เกนหรี่ตาลง “สืบ! ไปสืบให้รู้ว่าใครที่ต้องการทำร้ายเธอ!”
“ครับ!”
พอรับคำสั่งเสร็จลูกน้องคนนั้นก็เดินดุ่มๆ ออกไป
เบอร์เกนขมวดคิ้วแล้วใช้ความคิดไปพักหนึ่ง แล้วถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “มาร์ซิว คุณมั่นใจใช่มั้ยว่าพวกคุณหญิงขึ้นเครื่องแล้ว?”
ผู้ช่วยมาร์ซิวตอบไปว่า “ครับ ผมเห็นเองกับตาว่าพวกเธอขึ้นเครื่องไปแล้ว”
ถ้าไม่ใช่ลี่ซา แล้วใครกันที่อยากทำร้ายเจียงสื้อสื้อ?
เบอร์เกนยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง จึงได้สั่งการไปว่า “โทรกลับไปที่อิตาลี ถามว่าคุณหญิงนั้นกลับไปแล้วจริงๆ รึเปล่า”
“ครับ” มาร์ซิวรีบต่อสายออกไปทันที
เบอร์เกนทำหน้าเคร่งขรึม กลัวว่าลี่ซาจะไม่กลับอิตาลี แล้วตามเขามาที่เมืองหลวง ถ้าเป็นแบบนั้น ด้วยลักษณะนิสัยของเธอ ก็ไม่มีทางปล่อยเจียงสื้อสื้อไปแน่
พอคิดถึงตรงนี้ เขาก็ต้องกำหมัดและกัดฟันแน่น ถ้าไม่ต้องกังวลถึงอำนาจของตระกูลอเนรีย์ละก็ เขาก็อยากจะแยกทางกับผู้หญิงที่ชื่อลี่ซาจริงๆ
เป็นผู้หญิงที่ทำดีไม่เป็น ดีแต่ทำลาย เก็บไว้ข้างกายไม่มีประโยชน์เลยสักนิด
ในตอนนั้นเอง มาร์ซิวที่เพิ่งวางสาย ก็ได้เดินมาข้างๆ เขา ก้มหน้าด้วยความกระวนกระวาย “คุณครับ ต้องขออภัยด้วยครับ ผมมันไร้ความสามารถ พวกคุณหญิงยังไม่ได้กลับอิตาลีเลยครับ”
ตามคาด
เบอร์เกนยิ้มออกมา รอยยิ้มที่แววตาเย็นเยือก กัดฟันแน่น “ลี่ซา อเนรีย์ เธอนี่มันแน่จริงๆ”