ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 1167 สำนักหยาน

บทที่ 1167 สำนักหยาน

เหลียงซินเวยพาฟางยู่เชินมาถึงที่ร้านอาหารเช้าข้างถนน

ตลอด​ทาง พวกเขาไม่คุยกันเลย ทำให้​ดูอึดอัด​เล็กน้อย

พอมายืนอยู่ด้านนอกร้าน เหลียงซินเวยสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะหันไปมองทางฟางยู่เชิน แล้วยิ้มอย่างขอโทษ “หวังว่าคุณจะไม่รังเกียจ​นะคะ การตกแต่งของร้านนี้ดูเก่าไปบ้าง แต่รสชาติอาหารดีมากค่ะ ”

ฟางยู่เชินยกยิ้ม “ไม่เป็นไร ตอนที่​ผมยังเรียนหนังสือ​ผมก็มักจะไปกินข้าว​ที่ร้านเล็กๆ แบบนี้เหมือนกัน​”

“งั้นก็ดีค่ะ”

เหลียงซินเวยกังวลมากจริงๆ ว่าเขาจะรังเกียจ​ แต่ตอนนี้เธอก็อดที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอกไม่ได้ที่ได้ยิน​แบบนี้​

ทั้งสองเดินเข้าไปในร้านตามกันไป

พอเห็นเหลียงซินเวยเดินเข้ามา หญิงสาวเจ้าของ​ร้านก็ยิ้มและถามว่า “เอาเหมือนเดิม​ใช่ไหม​”

เหลียงซินเวยพยักหน้า “ใช่ค่ะ”

จากนั้นเธอก็หันกลับไปถามฟางยู่เชินว่า “ที่นี่มีน้ำเต้าหู้กับ​ปาท่องโก๋​ แล้วยังมีบะหมี่กับโจ๊กด้วยค่ะ คุณ​อยากกินอะไรคะ”

“เอาเหมือนคุณ”

หญิงสาวเจ้าของ​ร้านเหลือบมองฟางยู่เชิน แล้วกระซิบถาม “นี่แฟนหนู​เหรอ”

แม้ว่าเธอจะพยายามกระซิบถามแล้ว แต่ ฟางยู่เชินก็ยังได้ยินอยู่ดี

เหลียงซินเวยรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็วขึ้น “ไม่ใช่ค่ะ เขา​เป็น​เพื่อนค่ะ”

พอได้ยินคำปฏิเสธของเธอ ในแววตาของฟางยู่เชินก็เปล่งประกายอารมณ์ที่คนอื่นมองไม่เห็นออกมา

“เจ้าของ​ร้านคะ งั้นขอบะหมี่​ทะเล​สองชามค่ะ”

เหลียงซินเวยหันไปมองหาที่นั่งในร้าน แล้วพาฟางยู่เชินไปนั่งที่ว่างตรงมุมร้าน

พอนั่งลง เธอก็ดึงกระดาษทิชชู่​ออกมาเช็ดบริเวณ​โต๊ะตรงหน้า​ของฟางยู่เชิน

ฟางยู่เชินมองเธอเงียบ ๆ ดวงตาของเขาคมลึกราวกับบ่อน้ำ มองไม่ออกว่าเขากำลัง​คิดอะไรในเวลานี้

เหลียงซินเวยไปขอน้ำร้อนหนึ่งถ้วย แล้วทำการแช่ตะเกียบกับช้อนในน้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อ​

“เรียบร้อย​แล้ว​ค่ะ​” เหลียงซินเวยยื่นช้อนและตะเกียบร้อนให้ฟางยู่เชิน

อีกฝ่ายไม่ได้รับไว้ เธอจึงเงยหน้ามอง สบตาเข้ากับดวงตาลึกของเขา หัวใจของเธอก็เต้นแรง

เธอรีบหันหนีไปอีกทาง แล้ว​ส่งยิ้ม​แหย “เอาล้วกน้ำร้อนแล้ว สะอาดค่ะ”

ฟางยู่เชินรับตะเกียบกับช้อนมา แล้วยิ้มบาง ๆก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา “คุณไม่รู้เหรอว่าน้ำเดือดไม่มีผลในการฆ่าเชื้อโรค​”

“ฮะ” เหลียงซินเวยตกตะลึง​เล็กน้อย

พอเห็นเธอตกตะลึง รอยยิ้มของฟางยู่เชินก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย “ไม่มีอะไร”

“อ๋อ”

เหลียงซินเวยเม้มริมฝีปากเล็กน้อย “อืม… เมื่อไหร่พี่สื้อสื้อจะกลับเมืองหลวง​คะ”

“ยังไม่แน่ใจ แต่ก็น่าจะเร็วๆนี้แล้ว”

เหลียงซินเวยพยักหน้าเล็กน้อย “ฉันทำเค้กไปให้เมื่อวานนี้ ตั้งใจจะเอาไปให้เสี่ยวเป่ากับเถียนเถียน ถึงได้รู้ว่าพวกเขากลับเมืองจิ่นไปแล้ว​”

พูดถึงเรื่องนี้ เธอรู้สึกเสียดายเล็กน้อย

“เค้กอร่อยมาก”

ฟางยู่เชินพูดแบบนี้ เหลียงซินเวยตกตะลึงอยู่สักพัก ถึงได้สติ​กลับมา“คุณกินเค้กแล้วเหรอคะ”

“อืม ผมกินหมดทั้งก้อน อร่อยดี”

นี่เขากินเค้กที่เธอทำเหรอ

ความรู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้นที่ก้นบึ้งของหัวใจของเธอ เหลียงซินเวยรู้สึก​เขินเล็กน้อย “คุณ​ชอบฉันก็ดีใจแล้วค่ะ”

ฟางยู่เชินยิ้มไม่พูดอะไร

“ได้แล้ว​ค่ะ บะหมี่​ของ​พวกคุณ​สองคน”

เจ้าของร้านวางบะหมี่สองชามบนโต๊ะ เหลือบมองฟางยู่เชิน ก่อนจะยิ้มแล้วพูดกับเหลียงซินเวย “มันร้อน กินช้าๆล่ะ”

“ขอบคุณค่ะคุณ​เจ้าร้าน”

ฟางยู่เชินเหลือบมองทางหญิงสาวเจ้าของร้านที่เดินออกไป แล้วถามขึ้นมา“คุณสนิทกับเจ้าของ​ร้านมากเหรอ”

“อืม ฉันมาที่นี่กินข้าว​เช้าบ่อยค่ะ นานไปก็สนิทกันเอง” เหลียงซินเวยหยิบน้ำส้มสายชูสายชูดำบนโต๊ะขึ้นมา แล้วเหยาะลงในชามบะหมี่จำนวนมาก

หางยู่เชินตกใจ “คุณไม่กลัวเปรี้ยวเหรอ”

เหลียงซินเวยยิ้มอย่างเขินอาย “ฉันชอบกินเปรี้ยวค่ะ คุณ​อยากลองดูไหมคะ”

“ไม่ครับ” ฟางยู่เชินส่ายหน้า​

เขาไม่ชอบกลิ่นน้ำส้มสายชูดำ

เหลียงซินเวยยิ้ม “รีบกินข้าว​เถอะค่ะ คุณต้องรีบไปทำงาน”

“ครับ”

ทั้งสองคนกินบะหมี่อย่างเงียบ ๆ บรรยากาศ​ครื้นเครง​รอบด้านเหมือนจะแยกออกจากพวกเขาไปเลย

แม้ว่าเหลียงซินเวยจะกินอาหารเช้าที่บ้านมาแล้ว แต่เธอก็ยังกินบะหมี่ได้อีกหนึ่งชาม

เธอเงยหน้าขึ้น พบว่าฟางยู่เชินวางตะเกียบลงแล้ว ในชามยังเหลือ​อีกครึ่งชาม

“ไม่ถูก​ปากคุณ​เหรอคะ” เหลียงซินเวยเอ่ยถาม

ฟางยู่เชินส่ายหน้า​ “ไม่ใช่​หรอก ผมยังไม่ค่อย​หิวน่ะ”

พอได้ยินแบบนี้ เหลียงซินเวยก็เหลือบมองชามซุปบะหมี่​ของเธอ จึงอดที่จะรู้สึกเขินไม่ได้

“ปกติแล้ว​ฉันกินไม่​เยอะนะคะ”

 

หลังจากพูดเสร็จเหลียงซินเวยก็ยกมือขึ้นกุมหน้าผาก หงุดหงิด เธอกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่กันแน่

ฟางยู่เชินยกยิ้ม “กินเก่งถือเป็นวาสนา”

“กินเก่งถือเป็นวาสนาอย่างนั้นเหรอคะ” เหลียงซินเวยยิ่งเขินอาย เธอหัวเราะแล้วรีบลุกขึ้นไปจ่ายเงิน

พอ​เห็น​แบบนี้​ ฟางยู่เชินก็รีบเดินตามไป “ผมจ่ายเอง”

“ไม่ต้องค่ะ มื้อนี้ฉันขอจ่ายเอง คุณให้ของขวัญวันเกิดฉัน ฉันเลี้ยงอาหารเช้า​คุณหนึ่งมื้อ”

เธอพูดถึงขนาด​นี้​แล้ว​ ฟางยู่เชินจึงไม่ห้ามอีก

หลังจากจ่ายเงินแล้ว ทั้งสองก็เดินกลับไปที่ห้างสรรพสินค้า​ที่เหลียงซินเวยทำงาน

“เดินทางปลอดภัย​นะ​คะ​” เหลียงซินหันกลับมา กลับมาแล้ว​ยิ้มให้ฟางยู่เชิน

ฟางยู่เชินพยักหน้า “อืม”

ยืนมองเขาเดินไปตรงรถที่จอดอยู่ข้างถนน รอจนรถขับออกไป เหลียงซินเวยถึงได้ละสายตากลับมา แล้ว​เดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้า

ทันทีที่กลับไปที่ร้านอาหาร เพื่อนร่วมงานก็เดินเข้ามาหาเธอ แล้วเริ่มถามทันที “เวยเวย ผู้ชายรูปหล่อคนนั้นเป็นแค่เพื่อนของเธอจริงๆ เหรอ”

เหลียงซินเวยตอบกลับ​แค่ “อืม”คำเดียว แล้วเธอก็เดินไปที่ห้องครัวด้านหลัง

เพื่อนร่วมงานเดินตามไปทันที “เขามีคู่หมั้นแล้ว เธออยู่ห่างเขาสักหน่อยจะดีกว่า”

พอได้ยิน​แบบนี้​ เหลียงซินเวยก็ชะงัก​ไปเล็กน้อย

เพื่อนร่วมงานแทบหยุดไม่ทัน จนเกือบจะเดินชนเธอ

“ทำไมถึงหยุดเดินกะทันหัน​ล่ะ” เพื่อนร่วมงานถามด้วยความสงสัย

เหลียงซินเวยเม้มปาก แล้วยิ้มอย่างขมขื่น “เธอพูดถูก ฉันควรอยู่ให้ห่างจากเขา”

และเธอไม่ควรมีความคิดเกินเลยกับเขา

……

ฟางยู่เชินเดินเข้าไปในห้องทำงาน โดยมีส้งหยาว​เดินตามหลัง​เข้ามา

“ท่านประธานครับ สืบ​ได้เบาะแส​แล้วครับ”

ฟางยู่เชินถอดชุดสูทออก แล้วเอ่ยถาม “ได้ความว่ายังไง​”

“ช่วงนี้​คุณชาย​ซ่างกวนมักจะเดินทางไปกลับระหว่าง​สิงคโปร์ คนของเราแอบติดตามเขาไปอย่างลับๆ และพบว่าเขาไปที่สำนักหยาน ที่ค่อนข้าง​มีชื่อ​เสียงของสิงคโปร์”

“สำนักหยานอย่างนั้น​เหรอ​” ฟางยู่เชินหันกลับมามองเขาอย่างสงสัย

“เป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงใน สิงคโปร์ครับ ถึงแม้​หลายปีมานี้หัวหน้าแก๊งจะล้างมือไปแล้ว​ แต่ก็ยังมีอิทธิพลมากในธุรกิจ​ทั้งด้านขาวและมืด”

“ไม่ใช่สิ นักธุรกิจที่ซื่อตรง​อย่างซ่างกวนเชียน จะติดต่อกับองค์กรอย่างนี้ได้ยังไง​กัน​”

นี่คือสิ่งที่ฟางยู่เชินไม่เข้าใจ

“หลังจากผ่านการตรวจสอบ…” ส้งหยาว​หยุดพูดไปชั่วคราว “คุณ​หนู​ซ่างกวนเป็นลูกบุญธรรม​ของเจ้าสำนักหยานครับ”

พอได้ยิน​แบบนี้​ ฟางยู่เชินก็ตกใจ “นายไม่ได้สืบมาผิดใช่ไหม​”

“ไม่ผิดครับ” ส้งหยาวส่ายหน้า​ “ตอนที่ผมรู้ข่าวนี้ ผมเองก็ตกใจเหมือนกัน​”

แม้ว่าตระกูล​ซ่างกวนในเมืองหลวง​จะเทียบกับตระกูลฟางไม่ได้ แต่ก็เป็นตระกูล​ที่มีชื่อเสียง จะไปเกี่ยวข้องกับองค์กรประเภทนี้ได้ยังไง​กัน​

ฟางยู่เชินนิ่งคิดอยู่สักพัก​ จึงเอ่ยถาม “แล้วได้ข่าวของ​ประธานจิ้นบ้างไหม”

“ยังไม่มีเบาะแส​ครับ แต่ผมส่งคนไปตรวจสอบแล้ว”

ฟางยู่เชินพยักหน้า “ถ้าฉันเดาไม่ผิด เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักหยาน พวกนายรีบไปสืบให้เร็วที่สุด”

“ครับ” ส้งหยาวรับคำสั่ง แล้วรีบเดินจากไป

ฟางยู่เชินครุ่นคิดอยู่สักพัก​ แล้ว​ตัดสินใจปิดข่าวไว้ก่อน รอมั่นใจผลที่แน่นอน​แล้วค่อยบอกเจียงสื้อสื้อ “

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน