กู้เนี่ยนที่ได้วันพักผ่อน ก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องพักผ่อนเป็นอย่างแรก แต่เป็นการไปหาเหลียงซินเวย
เหลียงซินเวยเห็นสภาพของเขาแบบนี้ ก็ได้อดที่จะร้องด้วยความตกใจไม่ได้ “คุณไปโดนอะไรมา?”
กู้เนี่ยนก็ได้ยิ้มซื่อๆ ออกไป “หกล้มน่ะ”
“ทำไมถึงได้ล้มจนเจ็บหนักขนาดนี้?” เหลียงซินเวยดูใบบาดแผลบนหน้าของเขา คิ้วเรียวสวยคู่นั้นก็ได้ขมวดแน่น “อีกอย่างไปทำอีกท่าไหนล้มโดนหน้า?”
แผลบนหน้านั้นมันเหมือนกับโดนต่อยมากกว่า
กู้เนี่ยนก็ได้หัวเราะแห้งๆ “ก็ที่เขาพูดกันว่าหน้าโดนพื้นไง โชคดีที่หล่อยังอยู่”
เหลียงซินเวยก็ได้ปิดปากหัวเราะ “คุณวางใจเถอะค่ะ ยังหล่อมากเหมือนเดิม”
“เธอจะเลิกงานแล้วเหรอ?” กู้เนี่ยนก็ได้เห็นเธอเปลี่ยนเสื้อของตัวเอง แล้วยังสะพายกระเป๋า
“อืม วันนี้งานกะเช้า ตอนนี้ก็ได้เลิกงานพอดี”
เลิกคิ้ว กู้เนี่ยนพูด “มาเช้าก็เทียบไม่ได้กับการมาเวลาที่เหมาะเจาะ เอางี้ ผมเลี้ยงข้าวเธอ ดีไหม?”
“เลี้ยงข้าวฉัน?” เหลียงซินเวยขมวดคิ้ว “ทำไมจะเลี้ยงข้าวฉัน?”
“ไม่มีอะไร ก็แค่อยากทานข้าวด้วยกันกับเธอ”
เหลียงซินเวยคิดๆ รู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ก็ไม่ได้ทำความดีอะไรก็ไม่ควรได้ผลตอบแทน
“คุณกู้ค่ะ ขอบคุณในความหวังดีของคุณนะคะ แต่ว่าฉันยังต้องไปรับลูก”
“ผมไปเป็นเพื่อน”
กู้เนี่ยนเหมือนพูดแบบไม่ต้องคิดเลย
พูดจบ เห็นว่าเหลียงซินเวยอึ้งไป ถึงได้รู้สึกว่าตัวเองนั้นพูดกะทันหันเกินไป ก็ได้รีบอธิบาย “ผมหมายความว่า ผมอยากจะเลี้ยงข้าวเธอกับลูก”
เหลียงซินเวยก็ได้ตั้งสติ “คุณกู้ค่ะ ที่จริง……”
“เวยเวย เธออย่าปฏิเสธผมเลย” กู้เนี่ยนก็ได้ขัดคำพูดของเธอ “วันนี้ผมหกล้มบาดเจ็บ อารมณ์ก็ไม่ดีเล็กน้อย อยากจะหาคนคุยเป็นเพื่อน”
เห็นว่าเขาพูดถึงขนาดนี้ เหลียงซินเวยเป็นคนหูเบา ก็ได้ตกลง
“ก็ได้ค่ะ ทำให้คุณเสียเงินแล้ว”
“ไม่หรอก เธอยอมตกลง ผมดีใจมากจริงๆ”
เห็นรอบยิ้มที่มีความสุขของกู้เนี่ยน เหลียงซินเวยก็ได้ยิ้มตามอย่างอดไม่ได้
……
ฟางยู่เชินไม่เข้าใจการกระทำของแม่ตน พยายามที่จะจับคู่เขากับเย่เสี่ยวอี้สุดๆ
ถึงแม้ว่าเขาจะพูดออกไปอย่างชัดเจนแล้วว่าตนไม่ชอบเย่เสี่ยวอี้ เธอก็ยังไม่ตายใจ
นี่ไง วันนี้โทรมาหาเขาบอกว่าเลิกงานให้เขาไปร้านอาหารใกล้ๆ บริษัท
ยังคิดเลยว่าคุณแม่ยากที่จะอยากมาทานข้าวข้างนอกทั้งที พอเขาเลิกงานก็ได้ไป
ใครจะรู้ว่าจะเจอเย่เสี่ยวอี้ที่นั่น
เขาอยากที่จะหันหลังเดินออกไปแต่ก็ไม่ทันแล้ว
“ยู่เชิน”
พอเย่เสี่ยวอี้เห็นเขา ก็ได้เข้ามา แล้วก็กอดแขนเขาแน่น บีบเสียงแล้วก็บ่นว่า “นายทำไมถึงมาสายขนาดนี้ ฉันรอนายนานมากแล้วนะ”
ฟางยู่เชินก็ได้ลากแขนตัวเองมาด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก พูดออกไปอย่างไม่ร้อนไม่หนาว “ไหนๆ คุณหนูเย่ก็พูดแบบนี้แล้ว งั้นผมขอตัว”
พูดจบ เขาก็ได้ก้าวออกไปข้างนอก
“เดี๋ยวสิ” เย่เสี่ยวอี้ก็ได้รีบตามไป แล้วก็ได้กอดแขนของเขาอีกครั้ง “นายมาได้ ฉันก็ดีใจมากแล้ว”
“เหรอครับ?”
ฟางยู่เชินยิ้มแต่ในใจไม่ได้ยิ้มเลยแล้วก็ได้กระชากแขนตัวเองออก ถึงขั้นถอยหลังไปสองก้าว สร้างระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสอง
เห็นแบบนั้น เย่เสี่ยวอี้ก็ได้ทำปากจู๊อย่างไม่พอใจ “ยู่เชิน นายหมายความว่าอะไร? ฉันไม่ได้เป็นเชื้อโรคสักหน่อย นายทำไมอยู่ห่างกับฉันแบบนี้?”
“ผมไม่ชอบที่จะอยู่ใกล้คน” ฟางยู่เชินก็ได้แต่งข้อแก้ตัวง่ายๆ มา
เย่เสี่ยวอี้ก็ได้ขมวดคิ้วแน่น “ฉันว่านายนั้นไม่ชอบที่จะอยู่ใกล้ฉันใช่หรือเปล่า?”
ตอนที่ฟางยู่เชินจะเปิดปากอธิบายนั้น อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากข้างนอก
“เวยเวย ร้านอาหารร้านนี้ไม่เลว พวกเราทานที่นี่เถอะ”
“ได้ค่ะ”
กู้เนี่ยนก็ได้เดินเข้ามาที่ร้านอาหารก่อน ตอนที่มองเห็นฟางยู่เชินนั้น ก็ได้ประหลาดใจมากๆ “คุณชายยู่เชิน คุณทำไมถึงอยู่ที่นี่?”
เวลานี้ เหลียงซินเวยก็ได้จูงมืออานอานเดินเข้ามา ตอนที่เห็นฟางยู่เชินกับเย่เสี่ยวอี้ยืนอยู่ด้วยกัน เริ่มก็ได้อึ้งไปก่อน จากนั้นรอยยิ้มบนหน้าก็ได้จางหายไปเล็กน้อย
ตอนที่เห็นกู้เนี่ยนนั้น ฟางยู่เชินก็ยังไม่รู้สึกอะไร แต่ตอนที่เห็นเหลียงซินเวยที่อยู่ด้านหลังเขานั้น นัยน์ก็ได้มีความประหลาดใจส่องออกมา
เธอ อยู่ด้วยกันกับกู้เนี่ยน
ในใจก็ได้มีความรู้สึกแปลกๆ
เขาก็ได้มองเหลียงซินเวยอย่างลึกซึ้งสักพัก มุมปากก็ได้มีรอบยิ้มอ่อนๆ “บังเอิญจัง ที่ได้มาเจอพวกเธอที่นี่”
กู้เนี่ยนก็ได้หัวเราะแฮะๆ ออกมา “จริงครับ บังเอิญจัง”
เย่เสี่ยวอี้ก็ได้จ้องเหลียงซินเวย กัดฟันเล็กน้อย เจอผีแล้วจริงๆ ทำไมไม่ว่าไปที่ไหนก็ได้เจอผู้หญิงคนนี้นะ?
เหลียงซินเวยก็ได้มองข้างสายตาที่เต็มด้วยความไม่เป็นมิตรของเย่เสี่ยวอี้ ก็ได้หันหน้าพูดกับกู้เนี่ยน “พี่กู้ เอางี้ พวกเราไปทานร้านอื่นกันเถอะ?”
ได้ยินคำว่า “พี่กู้” สายตาของฟางยู่เชินก็ได้หมองไปเล็กน้อย
“ที่นี่ไม่ดีเหรอ?” กู้เนี่ยนก็ได้ถามด้วยใบหน้าที่สงสัย
“เปล่า เปล่าค่ะ” เหลียงซินเวยก็ได้ถอนหายใจ “ช่างเถอะค่ะ ที่นี่ก็ได้”
เธอเพื่อที่จะหลบหลีกฟางยู่เชินกับเย่เสี่ยวอี้ แล้วก็ทำให้กู้เนี่ยนลำบากใจไม่ได้
นี่มันไม่ยุติธรรมต่อกู้เนี่ยน
กู้เนี่ยนหัวเราะ “งั้นพวกเราเข้าไปเถอะ”
มองกู้เนี่ยนกับเหลียงซินเวยแล้วก็ยังมีอานอานเดินตามกันเข้าไปตรงที่นั่งใกล้หน้าต่าง เย่เสี่ยวอี้ก็ได้เลิกคิ้ว จงใจพูด “พวกเขาดูแล้วเหมือนเป็นคู่กันมากจริงๆ”
พูดจบ เธอก็ได้หันหน้าไปมองฟางยู่เชิน อยากจะดูว่าตอนที่เขาได้ยินคำนี้จะมีปฏิกิริยาอะไรไหม
แต่ว่าใบหน้าของฟางยู่เชินก็ได้นิ่งเรียบไม่มีปฏิกิริยาอะไร ขนาดนัยน์ตาก็ไม่มีคลื่นความเคลื่อนไหวอะไรเลยสักนิด
เย่เสี่ยวอี้ก็ได้ท้ออย่างอดไม่ได้
ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่เธออ่านความรู้สึกไม่ออกเลยสักนิด
เธอก็ได้มองเหลียงซินเวยที่อยู่ไม่ไกล ในหัวก็ได้มีความคิดหนึ่งผุดขึ้น ก็ได้ยิ้มมุมปาก
“ยู่เชิน พวกเราก็ไปหาที่นั่งกันเถอะ”
เธอก็ได้ควงแขนของฟางยู่เชิน ลากเขาเดินไปทางเหลียงซินเวยพวกเขา
“พวกเธออยากจะทานอะไร ตามสบายเลย” กู้เนี่ยนก็ได้เอาเมนูดันไปตรงหน้าเหลียงซินเวยกับอานอาน
เวลานี้ เขาก็ได้เห็นพวกฟางยู่เชินเดินมาพอดี ก็ได้ยิ้มออกมาทันที “คุณชายยู่เชิน”
หลังของเหลียงซินเวยก็ได้แข็ง มือที่ได้ถือเมนูก็ได้ออกแรงเล็กน้อย
เย่เสี่ยวอี้มองเหลียงซินเวยไปสักพัก ก็ได้ยิ้มแล้วพูด “พวกเรานั่งตรงนี้ ไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”
กู้เนี่ยนก็ได้รีบส่ายหน้า “แน่นอนว่าไม่ครับ”
ที่แท้เย่เสี่ยวอี้ก็ได้ลากฟางยู่เชินมานั่งที่ข้างๆ พวกเขา สองโต๊ะมีแค่ทางเดินขั้นอยู่
ถึงขั้นที่ว่า ฟางยู่เชินก็ได้นั่งที่นั่งตรงข้ามแนวทแยงกับเหลียงซินเวย
พอเงยหน้าอย่างไม่ตั้งใจ ก็ได้เจอเข้ากับสายตาที่เข้มของเขา ก็ได้ตกใจจนหลบตา
เพื่อที่จะปิดบังความว้าวุ่นในใจ เธอก็ได้ก้มหน้าแกล้งทำเป็นดูเมนู “อานอาน ลูกอยากทานอะไรครับ?”
“ผมอยากจะกินอันนี้ แล้วก็อันนี้……”
อานอานก็ได้สั่งอาหารหลายอย่างเลยรวดเดียว เหลียงซินเวยก็ไม่กล้าที่จะสั่งต่อ ก็ได้ดันเมนูให้กู้เนี่ยน
“พวกเราสั่งเสร็จแล้วค่ะ”
“ผมจำได้ว่าเหมือนว่าเธอชอบกินกุ้ง งั้นก็สั่งกุ้งพริกไทยเกลือเพิ่มอีกอย่างเถอะ” กู้เนี่ยนพูด
เหลียงซินเวยส่ายหน้า “ไม่ต้องแล้วค่ะ มีกับข้าวเยอะมากแล้ว”
“คุณเหมือนว่าจะรู้ความชอบของคุณเหลียงนะคะ” เย่เสี่ยวอี้ก็ได้แกล้งทำเป็นพูดออกมา
“เหรอครับ?” กู้เนี่ยนก็ได้หัวเราะอย่างทำตัวไม่ถูก
“แน่นอนว่าใช่ค่ะ ไม่อย่างนั้นคุณจะรู้ว่าคุณเหลียงชอบกินกุ้งได้ยังไงล่ะ?”
“งั้นก็เป็นเพราะผมชอบเธอ เพราะงั้นก็ได้ตั้งใจทำความรู้จักกับเธอ”
การที่กู้เนี่ยนได้สารภาพมาแบบนี้ เหลียงซินเวยก็ได้ตกใจไปเลย
นี่เขาพูดอะไรอยู่?