ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 1199 ต่อให้เป็นรังเสือรังจระเข้

บทที่ 1199 ต่อให้เป็นรังเสือรังจระเข้

รู้ว่าเจียงสื้อสื้อจะไปเป็นคู่ควงให้เบอร์เกน ฟางยู่เชินก็ได้ห้ามสุดกำลัง

“ไม่ได้ เธอไปไม่ได้เด็ดขาด”

เจียงสื้อสื้อก้มหน้าหัวเราะไปสักพัก น้ำเสียงก็ได้มีแต่ความไร้หนทาง “พี่ค่ะ ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่ว่าฉันไม่ไปก็คือไม่ไปนะ อีกอย่างเขาก็ได้รับปากฉันแล้ว ขอแค่ฉันไป เขาก็ให้ฉันกับเฟิงเฉินอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า”

ถ้าเกิดไม่เป็นเพราะอันนี้ เธอจะตกลงเขาได้ยังไง?

“เธอเชื่อเขา?” ฟางยู่เชินก็ได้มองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ

เบอร์เกนเป็นคนยังไง เธอน่าจะเข้าใจดีมากกว่าเขานะ

“ฉันไม่ได้เชื่อเขา ฉันก็ได้ตกลงเพราะเฟิงเฉิน” เจียงสื้อสื้อก็ได้สูดหายใจเข้าลึกๆ “ขอแค่สามารถที่จะช่วยเฟิงเฉินกลับมา ต่อให้เป็นรังเสือรังจระเข้ ฉันก็จะไป”

ท่าทางของเธอก็ได้แน่วแน่มาก แม้ว่ามีโอกาสเพียงนิดเดียว เธอก็ไม่อยากจะปล่อยไป

ฟางยู่เชินก็ได้เปิดปาก อยากจะห้ามเธอ แต่คำพูดมาถึงปาก ก็ทำได้พูดว่า “ก็ได้ ฉันไปกับเธอ”

“พี่?” เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “พี่ไปได้เหรอ?”

“แน่นอน” ฟางยู่เชินยิ้มมุมปาก “ไม่ว่ายังไงฉันก็เป็นประธานของฟางซื่อกรุ๊ปนะ งานเลี้ยงในเมืองหลวงปกติก็จะส่งบัตรเชิญมาให้ฉัน”

พูดจบ เขาก็ได้เอาบัตรเชิญออกมา

เจียงสื้อสื้อเอามาดู เป็นงานเลี้ยงที่เบอร์เกนบอกจริงๆ ด้วย

เธอก็ได้หัวเราะอย่างอดไม่ได้ “ดีเลย มีพี่อยู่ ฉันก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัวแล้ว”

“ฉันคิดว่าเธอไม่กลัวสักอีก?” ฟางยู่เชินก็ได้เคาะที่หัวเธอเบาๆ “ต่อไปห้ามตัดสินใจแบบนี้เองอีก รู้หรือยัง?”

เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ค่ะ รู้แล้ว”

“วันนี้ไปพักผ่อนเช้าหน่อย พรุ่งนี้มีศึกหนักที่ต้องเผชิญ” ฟางยู่เชินยิ้มก็ได้ลูบหัวของเธอ

“งั้นฉันกลับเข้าห้องก่อนนะคะ”

เดินออกห้องหนังสือ รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงสื้อสื้อก็ได้ค่อยๆ จางหายไป เธอก็ได้ก้าวไปที่ห้องของตัวเอง

พอเข้าไปในห้อง เธอก็ได้เอากล่องที่อยู่มุมห้องขึ้นเตียง เปิดออก แล้วก็ได้เอาชุดออกงานมาปูบนเตียง

มองชุดออกงาน เธอก็ได้ค่อยๆ กำหมัดทั้งสอง สีหน้าก็ได้จริงจังกว่าปกติ

คราวนี้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องช่วยเฟิงเฉินกลับมาให้ได้

……

ทางนี้ เหลียงซินเวยไม่ว่ายังไงก็คิดไม่ถึงว่า อยู่ๆ ซ่างหยิงก็ได้มาหาเธอ

“เวยเวย มีคนมาหาเธอ”

ตอนที่เพื่อนร่วมงานบอกเธอนั้น เธอกำลังช่วยคุณป้าหลังครัวจัดการถ้วยชามอยู่

ได้ยินว่ามีคนมาหา ก็ได้รีบวางถ้วยในมือลง แล้วก็เดินออกไป ถามไป “เป็นใครอ่ะ?”

“เป็นน้าคนหนึ่ง”

“น้า?” ขาของเหลียงซินเวยก็ได้นิ่ง หันหน้าไปมองเพื่อร่วมงาน

เพื่อนร่วมงานก็ได้มีสีหน้าที่งง “ใช่ คุณน้าคนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นเธอคิดว่าใคร?”

เธอคิดว่า……

เหลียงซินเวยก็ได้ขำออกมาอย่างอดไม่ได้ “ไม่มีอะไร ฉันออกไปล่ะ”

พูดจบ เธอก็ได้รีบก้าวออกไป

เดินออกมาข้างนอก ก็ได้เห็นซ่างหยิงที่ได้ยืนข้างเคาน์เตอร์ชำระเงินในที่ไม่ไกล ฝีก้าวก็ได้ช้าลง

พูดกับผู้จัดการไปสักพัก เหลียงซินเวยก็ได้พาซ่างหยิงไปที่ร้านกาแฟในที่ที่ไม่ใกล้จากร้านอาหาร

“คุณน้าค่ะ คุณอยากจะดื่มอะไรคะ?” เหลียงซินเวยถาม

ซ่างหยิงยิ้มอ่อนๆ “น้ำเปล่าก็พอจ้ะ”

เหลียงซินเวยก็ได้สักน้ำมะนาวสองแก้ว “คุณน้าค่ะ ไม่รู้ว่าที่คุณน้ามาหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอคะ?”

ซ่างหยิงก็ได้นิ่งคิดไปสักพัก ก็ได้พูดออกไปตรงๆ ว่า “สองคืนก่อน ยู่เชินได้ไปหาหนูหรือเปล่า?”

ถามจบ เธอก็ได้จ้องเหลียงซินเวยไม่ห่าง

รู้สึกถึงความกดดันที่ได้กดเข้ามา เหลียงซินเวยก็ได้กำมืออย่างไม่รู้ตัว ปากก็ได้ยิ้ม ก็ได้ตอบไปตรงๆ “ค่ะ เขาเคยไปหาหนูจริงๆ ค่ะ”

ถึงแม้รู้ว่าเรื่องเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ว่าฟังจากปากของเธอก็กลายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ซ่างหยิงก็ได้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าก็ได้เขียนคำว่าไม่พอใจเต็มหน้า “เวยเวย หนูเป็นเพื่อนของสื้อสื้อ น้าก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่แย่กับหนู แต่ว่า……หนูอยู่ใกล้กับลูกชายของน้าไปแล้วหรือเปล่า?”

เพราะงั้น เธอก็ได้มาถามเธอใช่ไหม?

เหลียงซินเวยกัดฟัน “คุณน้าค่ะ หนูกับพี่ฟางไม่ได้เป็นอย่างที่คุณน้าคิด”

“ไม่ได้เป็นอย่างที่น้าคิด?” ซ่างหยิงก็ได้หัวเราะออกมาเบาๆ คิ้วเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “เวยเวย ลูกชายน้าไปที่บ้านหนูตอนกลางคืน ตอนนี้หนูกลับบอกน้าว่าไม่ได้เป็นไปอย่างที่น้าคิด หนูคิดว่าน้าเชื่อเหรอ?”

เหลียงซินเวยก็ได้หัวเราะ เสียงหัวเราะของเธอเต็มไปด้วยการไร้ทางเลือก “คุณน้า ไม่ว่าคุณน้าจะเชื่อหรือไม่ หนูกับพี่ฟางเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ”

ซ่างหยิงก็ได้จ้องเธอ ลองที่จะจับผิดจากสีหน้าของเธอ

แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะเธอนั้นซ่อนมันได้ดีหรือว่ายังไง มองแล้วก็ดูเปิดเผยตรงไปตรงมา ไม่มีพิรุธเลยสักนิด

ซ่างหยิงก็ได้พยักหน้า “ได้ ตอนนี้น้าเชื่อเธอก่อน แต่ว่าวันนี้ที่น้ามา ก็แค่หวังว่าเธอจะออกห่างจะลูกชายของน้าหน่อย”

ได้ยินคำนี้ ในใจของเหลียงซินเวยก็ไม่สบอารมณ์เล็กน้อย เธอขำออกมา “คุณน้า คุณน้าหมายความว่าอะไรคะ?”

ซ่างหยิงไม่ได้ตอบเธอ แต่เป็นการพูดต่อว่า “น้ารู้ว่าผู้หญิงคนเดียวอย่างหนูเลี้ยงลูกคนเดียวมันลำบาก แต่ว่าหนูไม่ควรใช้ประโยชน์จากความเห็นอกเห็นใจของผู้อื่น”

“คุณน้า คุณน้าพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง?” เหลียงซินเวยก็ได้มองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ “หนูคิดว่าคุณเป็นคนที่เข้าใจอะไรดี แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้ออกมาจากปากของคุณ”

ทำร้ายคนมากๆ

เธอใช้ประโยชน์จากความเห็นอกเห็นใจของผู้อื่นตอนไหน?

ไม่ใช่ เธอไปต้องการความเห็นอกเห็นใจของคนอื่นตอนไหน?

ซ่างหยิงรู้ว่าที่ตัวเองพูดนั้นมันดูโหดร้ายเกินไป แต่ว่าเธอยังต้องพูด

“คำพูดหยาบแต่เหตุผลไม่หยาบ คนเป็นผู้หญิง ต้องรักนวลสงวนตัวหน่อย โดยเฉพาะถ้าอีกฝ่ายมีแฟนแล้วแบบนี้”

ได้ยินอย่างนี้ เหลียงซินเวยเข้าใจแล้ว

เธอคิดไม่ถึงว่าเรื่องที่มันบัดซบแบบนี้จะมาเกิดขึ้นบนตัวของเธอ ก็ได้หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้

เห็นว่าเธอหัวเราะ ซ่างหยิงก็ได้ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “หนูหัวเราะอะไร?”

เหลียงซินเวยก็ได้นิ่งไปสักพัก “คุณน้า คุณพูดมามากขนาดนี้ ก็แค่ไม่อยากให้หนูหวังเรื่องลูกชายของคุณ ไหนๆ วันนี้คุณพูดออกมาตรงๆ ขนาดนี้แล้ว งั้นหนูก็จะพูดออกไปตรงๆ เลยนะคะ”

เธอได้นิ่งไปสักพัก “หนูกับพี่ฟาง หรือก็คือลูกชายของคุณน้า ก็เป็นแค่เพื่อนธรรมดาคนหนึ่ง หนูไม่เคยที่จะคาดหวังว่าจะได้อยู่กับเขา อีกอย่าง……เขาก็เป็นคนที่หนูคว้ามาไม่ได้”

มองเข้าไปในแววตาที่ใสของหญิงสาว อยู่ๆ ซ่างหยิงก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นทำเกินไป

หรือว่าเป็นไปอย่างที่เธอพูด ไม่เคยคิดที่จะอยู่ด้วยกันกับยู่เชิน

แต่ว่าตัวเองกลับมาตักเตือนเธออย่างเสียมารยาทก่อน

เกินไปจริงๆ

คิดถึงตรงนี้ เสียงของซ่างหยิงก็ได้อ่อนลงทันที “เวยเวย น้าเชื่อเธอ ถ้าเกิดวันนี้คำพูดของน้าทำร้ายเธอ ก็หวังว่าหนูจะสามารถที่จะเข้าใจใจของคนเป็นแม่คนหนึ่ง”

เธอก็ได้ยื่นมือไปจับมือของเหลียงซินเวย “ดีไหม?”

เหลียงซินเวยก็ได้ดึงมือของตัวเองกลับ ยิ้มบางๆ “คุณน้า หนูเข้าใจค่ะ”

ซ่างหยิงยิ้ม “งั้นก็ดีจ้ะ ต่อไปถ้ามีเวลาที่มาเที่ยวบ้านบ่อยๆ นะ พาอานอานมาด้วยกัน”

“ไม่แล้วค่ะ ขอบคุณคุณน้านะคะ” เหลียงซินเวยก็ได้ปฏิเสธไปตรงๆ

รอยยิ้มบนหน้าของซ่างหยิงก็ได้แข็งไป เธอก็ได้มองเหลียงซินเวยลุกขึ้น

“คุณน้าค่ะ หนูยังต้องทำงาน ก็ไม่อยู่เป็นเพื่อนคุณน้าแล้วค่ะ”

พูดจบ เหลียงซินเวยก็ได้โค้งตัวให้ หันไปแล้วก็รีบเดินออกไป

พนักงานก็ได้เอาน้ำมะนาววางบนโต๊ะทีละแก้ว ซ่างหยิงก็ได้มองเหลียงซินเวยที่ได้เดินออกไป ถอนใจออกจากริมฝีปาก

อาจเป็นเพราะว่าตัวเองทำเกินไป แต่เป็นการวางแผนล่วงหน้า

แบบนี้ตัวเองก็จะวางใจไปแล้วไม่น้อย

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท