ฟางยู่เชินได้เงยหน้ามองเหลียงซินเวยที่ได้กินอาหารสักพัก ก็ได้คิดอะไรไปครู่ วางตะเกียบลง
“เวยเวย มีเรื่องหนึ่งที่ฉันต้องพูดกับเธอก่อน”
“ค่ะ?” เหลียงซินเวยก็ได้มองเขาด้วยสีหน้าที่งงๆ
ฟางยู่เชินก็ได้เงียบไปสักพัก ถึงได้ค่อยๆ เปิดปากพูดว่า “เธอรู้ข่าวที่ว่าน้องเขยของฉันกลับประเทศมาแล้วหรือยัง?”
พอได้ยินข่าวนี้ เหลียงซินเวยก็เซอร์ไพรส์มากๆ “กลับประเทศแล้ว?”
“อืม” ฟางยู่เชินพยักหน้า “แต่ว่าเขาความจำเสื่อม”
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้?” เหลียงซินเวยก็ได้หยุดการกระทำที่กำลังทานข้าวลง “งั้นพี่สื้อสื้อต้องเสียใจมากแน่ๆไม่ใช่เหรอคะ?”
“สื้อสื้อเสียใจมากจริงๆนั่นแหละ แต่ว่าก็กำลังคิดหาวิธีที่จะให้น้องเขยฉันฟื้นความทรงจำอยู่”
เหลียงซินเวยคิด “เพราะงั้น……เรื่องนี้กับเรื่องที่คุณจะพูดกับฉัน มีความเกี่ยวข้องกันใช่ไหมคะ?”
“ตอนนี้น้องเขยฉันอยู่ที่บ้านตระกูลซ่างกวน สื้อสื้อก็อยู่ที่บ้านตระกูลซ่างกวน เขาต้องการให้ฉันช่วย”
พูดถึงตรงนี้ ฟางยู่เชินก็ได้นิ่งไป เขากำลังคิดว่าจะพูดยังไงกับเธอดีถึงจะเหมาะสม
“พี่สื้อสื้อทำไมถึงได้อยู่ที่บ้านตระกูลซ่างกวนคะ?”
“เบื้องหลังเรื่องนี้ฉันค่อยๆ เล่าให้เธอฟัง ตอนนี้ที่สำคัญคือ ต่อไปฉันอาจจะนัดซ่างกวนหยวนออกมาเป็นการส่วนตัว หวังว่าเธอจะไม่เข้าใจผิด”
พูดจบ ฟางยู่เชินก็ได้มองเธออย่างตั้งใจ กลัวว่าเธอนั้นจะไม่เห็นด้วย
เหลียงซินเวยขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจความหมายของเขา “คุณพูดให้มันกระจ่างกว่านี้ได้ไหมคะ?”
“ซ่างกวนหยวนชอบน้องเขยของฉัน”
คำพูดเดียวก็เข้าใจทั้งหมด
เหลียงซินเวยเข้าใจเลย “ข่าวที่บอกว่าคุณรักจนกลายเป็นเกลียดในเน็ตก่อนหน้า ถึงได้ยุติการร่วมงานกับซ่างกวนกรุ๊ป ที่จริงไม่ใช่เรื่องจริง ความจริงแล้วก็เป็นเพราะสามีของพี่สื้อสื้อ?”
“อืม” ฟางยู่เชินพยักหน้า “ตอนนั้นก็เพื่อที่จะบังคับให้ซ่างกวนหยวนคืนคนกลับมา ถึงได้ทำแบบนั้นอย่างช่วยไม่ได้”
“คุณบอกว่าพี่สื้อสื้อต้องการให้คุณช่วย เป็นเพราะว่าความจริงแล้วเธออยู่ที่บ้านตระกูลซ่างกวนแต่ก็ไม่ได้เจอกับสามีของเธอ ถึงอยากที่จะให้คุณนัดซ่างกวนหยวนออกมา ให้เธอหาโอกาสไปเจอหน้ากับสามีของเธอ?”
ได้ยินการสันนิษฐานของเหลียงซินเวย สายตาของฟางยู่เชินก็ได้มีความชื้นชมออกมา “เวยเวย เธอฉลาดมากๆ”
“ฉันฉลาดหรือไม่ไม่สำคัญค่ะ” เหลียงซินเวยเม้มปาก “คุณอยากจะทำยังไงก็ทำเถอะค่ะ ฉันสนับสนุนคุณ”
“ขอบคุณนะ เวยเวย” ฟางยู่เชินกุมมือของเธอ ในใจซาบซึ้งเล็กน้อย
“หวังว่าสามีของพี่สื้อสื้อจะกลับมาหาเธอเร็วๆ”
ตั้งแต่ตัวเองชอบฟางยู่เชิน เธอก็สามารถที่จะเข้าใจความรู้สึกของพี่สื้อสื้อมาก
ฟางยู่เชินยิ้ม “แน่นอน มีคำอวยพรของเธอ ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว”
……
พอซ่างหยิงก็ได้กล่อมเด็กสองคนหลับไป ก็ได้ลงไปที่ห้องรับแขก ดูทีวีไปรอฟางยู่เชินไป
จนกระทั่งใกล้สี่ทุ่ม ฟางยู่เชินถึงกลับมา
พอเขาเข้าบ้าน ได้ยินเสียงทีวีรางๆ ก็ได้เดินไป ถึงพบว่าคุณแม่ยังไม่นอน
“แม่ครับ ดึกขนาดนี้ทำไมยังไม่นอนครับ?” เขาได้เดินมา ก็ได้ถามด้วยความสงสัย
ซ่างหยิงก็ได้เอารีโมตมาปิดทีวี เงยหน้ามองเขา สายตาได้มีการค้นคว้า “ลูกไปไหนมา?”
“ทานข้าวสิครับ” ฟางยู่เชินก็ได้ลากเนกไท ตอบไปตามความจริง
“กับใคร?”
“กับ……” ฟางยู่เชินเกือบที่จะพูดออกไป แต่โชคดีที่ได้เบรกได้ทันเวลา
คุณแม่ไม่ชอบเหลียงซินเวย เขารู้ดี
เพราะงั้นเขายังไม่สามารถที่จะให้เธอรู้ว่าเขาได้คบหากับเหลียงซินเวยได้ในตอนนี้
เขาก็ได้พูดโกหกไปว่า “กับลูกค้าไม่กี่คนครับ”
“จริงเหรอ?” ซ่างหยิงไม่เชื่อ
ฟางยู่เชินหัวเราะ “แน่นอนว่าจริงครับ ผมโกหกแม่ทำไม?”
ซ่างหยิงก็ได้เลิกคิ้ว “ยู่เชิน ลูกต้องจำไว้ ลูกตอนนี้เป็นประธานของฟางซื่อกรุ๊ป ไม่ว่าทำอะไรก็ได้คิดถึงผลประโยชน์ของฟางซื่อกรุ๊ปเป็นอันดับแรก รู้ไหม?”
ความหมายที่แฝงในคำพูดเธอ ฟางยู่เชินฟังออกแล้ว
ก็คงเป็นพวกไม่ต้องให้เขาใช้แต่ความรู้สึก
“แม่ครับ สำหรับแม่แล้ว ตระกูลฟางสำคัญ หรือว่าผมสำคัญครับ?”
“สำคัญทั้งหมด” ซ่างหยิงยิ้มอ่อนๆ “ลูกกับตระกูลฟางนั้นแยกกันไม่ได้ ดีก็ดีด้วยกัน เสียก็เสียด้วยกัน”
ประโยคนี้พอฟางยู่เชินได้ยินเข้า ก็รู้สึกไม่ดีเลยสักนิด
ก็เหมือนว่าเขาเพื่อตระกูลฟางแล้ว ไม่มีแม้กระทั่งอิสระ
เขาได้เงียบไปไม่กี่วิ “แม่ครับ ผมหวังว่าจะได้ยินคำว่าผมสำคัญกว่า จากปากของแม่”
ซ่างหยิงก็ไม่ได้สนใจอะไร “แม่บอกว่า ลูกกับตระกูลฟางสำคัญทั้งคู่”
อยู่ๆ ฟางยู่เชินก็ไม่มีอารมณ์ที่จะคุยกับเธอต่อเลยทันที ก็ได้กระตุกปาก “ผมเหนื่อยแล้ว ขึ้นไปก่อนนะครับ แม่ก็รีบไปพักผ่อนเถอะครับ”
พูดจบ เขาก็ได้หันไป สีหน้าก็ได้เครียดลงทันที ก้าวเท้าไปทางบันได
มองเขาเดินขึ้นไป ซ่างหยิงก็ได้ค่อยๆ ขมวดคิ้ว
เขาต้องมีเรื่องปิดบังเธอแน่ๆ
หวังว่าคงไม่เป็นเรื่องที่เธอกลัวมาตลอดนะ
……
เหลียงซินเวยกลับไปถึงบ้าน เห็นว่าในห้องนั่งเล่นมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ ก็ได้ตกใจจนร้องออกมา
คนนั้นได้ยินเสียง ก็ได้หันหน้ามา
พอมองหน้าตาเขาชัดเจนแล้ว เหลียงซินเวยก็ได้หัวเราะออกมาอย่างไม่รู้ตัว สีหน้าก็ดูช่วยไม่ได้เล็กน้อย
“คุณทำไมถึงมาอยู่ที่นี่คะ?” เธอได้เดินไป
เย่เฉินหยุนลุกขึ้น มุมปากก็ได้มีรอยยิ้มอ่อนๆ “เดิมทีฉันอยากจะมาคุยธุระกับเธอ ใครจะไปรู้ว่าเธอไม่อยู่บ้าน ฉันไม่ไว้ใจที่อานอานอยู่บ้านคนเดียวก็ได้อยู่เป็นเพื่อนเขา”
“อานอานล่ะคะ?” เหลียงซินเวยถาม
“หลับแล้ว”
เย่เฉินหยุนก็ได้มองเธออย่างพิจารณาสักพัก ก็ได้ถามลองเชิงว่า “ไปเดทเหรอ?”
เหลียงซินเวยก็ได้ยกมือไปจัดผมข้างแก้ม พยักหน้า “ค่ะ”
“กับฟางยู่เชินเหรอ?”
ครั้งนี้ เหลียงซินเวยก็ได้เงียบไป
แต่ความเงียบของเธอเป็นการยอมรับ
เรื่องที่เย่เฉินหยุนกังวลก็ยังเกิดขึ้น
เขาก็ได้ถอดหายใจยาวๆ “เวยเวย เธอรู้สัญญาแต่งงานของฟางเย่สองตระกูล ก็ไม่ควรที่จะเข้าใกล้ฟางยู่เชินมากเกินไปอีก”
ถ้าเรื่องนี้น้องสาวเขารู้เข้า ต้องมาหาเรื่องเธอแน่ๆ
เหลียงซินเวยเม้มปาก พูดเสียงเบาว่า “ยู่เชินพูดแล้ว เขาไม่ได้ตกลงเรื่องแต่งงานเลยสักนิด”
“เพราะงั้น?” เย่เฉินหยุนถาม
เพราะงั้น……
เหลียงซินเวยก็ได้เม้มปาก ไม่ส่งเสียง
เย่เฉินหยุนก็ได้ถอนหายใจอีกครั้ง “เธอก็น่าจะรู้ว่าครอบครัวแบบเขากับฉัน หลายๆ เรื่องก็ทำตามใจตัวเองไม่ได้ ไม่ใช่อะไรที่ตัวเองตัดสินใจแล้วก็ทำได้”
ที่จริงที่เขาพูด ในใจของเหลียงซินเวยเข้าใจดี
แต่เธออยากจะเสี่ยงสักครั้ง ไม่แน่ว่าฟางยู่เชินไม่เหมือนกัน
“เขาบอกเธอว่าเขายังไม่ได้ตกลงเรื่องแต่งงาน งั้นทำไมถึงได้มีข่าวออกมาล่ะ? ถ้าเขาไม่ได้ตกลง ก่อนที่ข่าวจะออกมานั้นเขาสามารถที่จะขัดขวางได้”
“พี่เย่ ฉันเข้าใจความหมายของพี่ค่ะ” เหลียงซินเวยเงยหน้ามองเขา ปากก็ได้ยิ้ม “แต่ว่าฉันเชื่อใจยู่เชิน”
ความมั่นใจในสายตาของเธอ ทำให้เย่เฉินหยุนไม่รู้ว่าจะเตือนเธอยังไงดี
“พี่เย่ ฉันชอบยู่เชิน นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันชอบคนคนหนึ่งขนาดนี้ ฉันอยากจะรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้”
เย่เฉินหยุนก็ได้จับไหล่ของเธอทั้งสอง “เธอต้องเสียใจแน่ เธอรู้ไหม?”
เหลียงซินเวยยิ้มออกมาอย่างไม่แคร์ “ความรู้สึกของใครบ้างที่จะราบรื่นคะ? เสียใจก็เสียใจสิ อย่างน้อยเขาก็เคยชอบฉัน ไม่ใช่เหรอ?”
“เวยเวย!” เย่เฉินหยุนก็ได้รู้สึกถึงความไร้เรี่ยวแรงเล็กน้อย
เหลียงซินเวยก็ได้ยิ้มแบบปลอบให้เขา “พี่เย่ พี่วางใจเถอะ ฉันไม่โดนทำร้ายแน่ เพราะว่าฉันเชื่อใจยู่เชิน”
เย่เฉินหยุนก็ได้หยักไหล่อย่างยอมแพ้ “ก็ได้ หวังว่าฟางยู่เชินมีค่าพอให้เธอเชื่อใจ”