ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 1254 ก็เหมือนว่าเฟิงเฉินของเธอกลับมาแล้ว

บทที่ 1254 ก็เหมือนว่าเฟิงเฉินของเธอกลับมาแล้ว

พอเดินไปถึงระเบียง ก็เห็นซูหยุนที่เขย่งเท้าโบกมือให้เขาอยู่ชั้นล่าง

จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะเลย ขนาดสายตาก็ได้อ่อนโยนขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

เงยหน้ามองจิ้นเฟิงเฉินที่อยู่บนระเบียง ทั้งใจของเจียงสื้อสื้อก็เหมือนว่ามีคนได้เกามันอยู่ ทรมาน ร้อนใจมากๆ

จะทำยังไงถึงสามารถให้เฟิงเฉินลงมา?

สายตาก็ได้มองเห็นท่อที่อยู่ข้างๆ อย่างไม่ตั้งใจ ตาก็ได้เป็นประกาย เธอก็ได้รีบวิ่งไป ใช้มือตบๆ ดูว่าแข็งแรงไหม

จากนั้นมือทั้งสองก็ได้เกาะไปบนนั้น หมายที่จะปีนขึ้นไป

เห็นแบบนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ตกใจเลยทันที ก็ได้รีบห้ามเธอ “เธออย่าทำอะไรมั่วๆ นะ ไม่ปลอดภัย!”

เสียงที่คุ้นเคย น้ำเสียงที่คุ้นเคย

ก็เหมือนว่าเฟิงเฉินของเธอกลับมาแล้ว

ตาของเจียงสื้อสื้อก็ได้แดงขึ้น เธอก็ได้เงยหน้า บังคับให้น้ำตากลับเข้าไป ถอยหลังไปไม่กี่ก้าว แล้วก็ได้มองท่าทางที่ร้อนใจเป็นห่วงของเขา

ริมฝีปากของเธอก็ได้ยิ้ม ตะโกนถามว่า “คุณชายเฟิงเฉิน สนใจที่จะฟังฉันเล่านิทานไหมคะ?”

จิ้นเฟิงเฉินมองเธอเงียบๆ

ภายใต้แสงแดด นัยน์ตาของเธอก็ได้เป็นประกายเป็นพิเศษ

……

จิ้นเฟิงเฉินก็ได้อาศัยตอนที่พ่อบ้านกับคนอื่นๆ ไม่สนใจ แอบไปที่สวนหลังบ้าน

เจียงสื้อสื้อก็ได้รออยู่ที่นั่น เห็นเขามา ก็ได้ถามเสียงเบา “ถูกเห็นเข้าไหมคะ?”

“ไม่”

ใจที่ได้บีบแน่นของเจียงสื้อสื้อก็ถือว่าวางลงสักที เธอก็ได้ชี้ไปที่บ้านดอกไม้ข้างๆ พูด “พวกเราเข้าไปข้างในเถอะค่ะ”

จิ้นเฟิงเฉินก็ได้เดินตามหลังเธอเข้าไปในบ้านดอกไม้ ทั้งสองไปที่มุมห้อง นั่งลงกับพื้น อาศัยกระถางดอกไม้มาบดบังร่างกาย

คนที่คิดถึงมาตลอด ตอนนี้ได้อยู่ข้างตนแล้ว เจียงสื้อสื้อก็ได้ตื่นเต้นจนนิ้วได้สั่นเล็กน้อย

เธอก็ได้กำมือ “คุณชายเฟิงเฉิน ร่างกายของคุณไม่เป็นไรนะคะ?”

เธอได้ยินเรื่องเขาได้ปวดหัวเมื่อวาน ในใจก็ได้เป็นห่วงอยู่ตลอด แต่กลับต้องรอถึงตอนนี้ถึงมีโอกาสมาถามเขาด้วยตัวเอง

“ฉันไม่เป็นไร” มุมปากของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้มีรอบยิ้มบางๆ

เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ไม่เป็นไรก็ดีค่ะ”

จิ้นเฟิงเฉินมองไปรอบๆ ถาม “ตอนนี้เธออยู่ดูแลดอกไม้พวกนี้ที่นี่เหรอ?”

“ใช่ค่ะ” เจียงสื้อสื้อก็ได้พูดเยาะเย้ยตัวเอง “ตอนนี้ฉันคู่ควรกับชื่อ ‘ทัมเบลิน่า’ แล้วค่ะ”

จิ้นเฟิงเฉินก็ได้มองเธออย่างพิจารณาสักพัก สุดท้ายสายตาก็ได้หยุดที่ใบหน้าเล็กๆ ของเธอ

มีเวทมนตร์บางอย่างที่ทำให้คนย้ายสายตาไม่ได้

เขาก็ได้หัวเราะออกมา “อืม เหมือนทัมเบลิน่ามากๆ”

“คุณอยากฟังฉันเล่านิทานไหมคะ?” เจียงสื้อสื้อถาม

“ที่ฉันลงมาก็เพื่อที่จะฟังนิทานของเธอไม่ใช่เหรอ?” จิ้นเฟิงเฉินก็ได้เลิกคิ้ว

“ก็ดีค่ะ งั้นฉันเล่านิทานของฉัน”

……

เวลาเดียวกัน ฟางยู่เชินกับซ่างกวนหยวนนัดเจอกันที่ร้านอาหาร

พอทั้งสองเจอหน้ากัน ฟางยู่เชินก็ได้ยิ้มแล้วพูดหยอกว่า “โชคดีที่เธอยอมออกมาเจอหน้าฉัน ไม่อย่างนั้นฉันต้องไปที่บ้านของเธอด้วยตัวเองแล้ว”

“นายมาหาฉันมีธุระอะไร?” ซ่างกวนหยวนก็ได้นั่งอยู่ตรงข้างเขา ก็ได้เข้าประเด็นทันที ไม่พูดอะไรไร้สาระเลย

ฟางยู่เชินหัวเราะ “ทานข้าวก่อน ค่อยคุยทีหลัง”

ซ่างกวนหยวนก็ได้หรี่ตา ก็ได้พูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างเล็กน้อย “ฟางยู่เชิน ฉันคงไม่มีเวลาที่จะมาคุยเล่นกับนายมากขนาดนั้น มีเรื่องอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะ”

ฟางยู่เชินมองเธอสักพัก ก็ได้ค่อยๆ เปิดปากพูดว่า “ถ้าเกิดฉันอยากจะมาคุยเรื่องน้องเขยฉันกับเธอ……

ยังไม่ทันที่จะพูดจบ ก็ได้เห็นซ่างกวนหยวนลุกขึ้นมาทันที พูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “ยกโทษให้ฉันที่อยู่คุยไม่ได้!”

เธอหันหลังแล้วจะเดินออกไป

“เดี๋ยวก่อน” ฟางยู่เชินก็ได้รีบคว้ามือของเธอ

ซ่างกวนหยวนออกแรงสะบัด หันหน้า สายตาที่เย็นชาได้กดดันเขา “วันนี้ฉันไม่ควรที่จะมาเจอหน้านาย”

“ฉันพูดเล่น” ฟางยู่เชินก็ได้ยกมือทำท่ายอมแพ้ สายตาเต็มไปด้วยความไม่รู้จะทำยังไง

ซ่างกวนหยวนนั่งลง ขางสองข้างไขว่ห้าง หลังได้พิงกับพนักพิง พูดอย่างเย็นชาว่า “ว่ามา มีธุระอะไรกันแน่?”

ฟางยู่เชินก็ได้เบะปากอย่างทำตัวไม่ถูก “ฉันนัดเธอออกมา ก็อยากจะพูดคุยเรื่องบริษัทที่พวกเราได้ร่วมงานกับจิ้นกรุ๊ปก่อนหน้ากับเธอ”

“นายควรไปหาซ่างกวนเชียน มาหาฉันทำไม?”

ตั้งแต่เธอกลับประเทศ ก็ได้ส่งต่อโครงการทั้งหมดของบริษัทให้ซ่างกวนเชียนจัดการแล้ว

ก็หมายความว่า ตอนนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลยสักนิด

“ก่อนหน้าเธอเป็นรับผิดชอบด้านวิจัยไม่ใช่เหรอ? ฉันอยากจะขอให้เธอช่วยหน่อย” ฟางยู่เชินก็ได้พูดเป้าหมายของตัวเองชัดเจน

ซ่างกวนหยวนก็ได้ยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบ พูด “ว่ามา เรื่องอะไร?”

“ช่วยฉันหานักวิจัยสองคน ฉันหวังว่าเป็นนักวิจัยที่สามารถสร้างผลงานได้”

“ยังมีอะไรอีกไหม?”

“อีกอย่างก็คือ……” นิ้วก็ได้เคาะไปที่โต๊ะเบาๆ ไม่กี่ที ฟางยู่เชินก็ได้พูดต่อว่า “เธอน่าจะอยู่ในประเทศไปอีกสักพักใช่ไหม?”

ซ่างกวนหยวนพยักหน้า “ตอนนี้ใช่”

งานแต่งยังไม่ได้จัด อีกอย่างคุณหญิงท่านยังไม่ได้ทำการผ่าตัด เธอยังอยู่ในประเทศอีกเป็นเวลาสั่นๆ

“งั้นก็ดี ฉันอยากที่จะเชิญเธอไปชี้แนะพวกนักวิจัยพวกนั้น ความสามารถของพวกเขาไม่ผ่านเล็กน้อย”

สีหน้าของซ่างกวนหยวนก็ได้มีความลำบากใจ

ตอนนี้เธอนั้นก็แค่อยากที่จะอยู่กับจิ้นเฟิงเฉินทุกวัน จะไปมีเวลาไปชี้แนะคนอื่นได้ยังไง

เธอก็ได้ขยับปาก กำลังจะปฏิเสธ

“ฉันต้องการความช่วยเหลือของเธอ” ฟางยู่เชินก็ได้ชิ่งพูดก่อนว่า “สถาบันวิจัยก็มีหุ้นส่วนตระกูลซ่างกวนของพวกเธอ เธอช่วยฉันก็เท่ากันว่าได้ช่วยตัวเธอเอง”

ซ่างกวนหยวนเงียบไป

ฟางยู่เชินก็ได้หัวเราะเบาๆ “ฉันรู้ว่าเธอนั้นกังวลเรื่องอะไร คงไม่พ้นเรื่องจิ้นเฟิงเฉิน”

“ฉันไม่มีเวลา”

สุดท้าย ซ่างกวนหยวนก็ยังปฏิเสธ

เธอก็ยังอยากที่จะใส่ใจจิ้นเฟิงเฉินมากกว่า

“เธอมั่นใจ?” ถึงแม้ว่าเป็นไปอยากที่คิดไว้ แต่ฟางยู่เชินก็ยังผิดหวังเล็กน้อย

เขาให้เธอไปชี้แนะนักวิจัยที่สถาบัน ก็เป็นเพราะที่จะสร้างโอกาสให้เจียงสื้อสื้อ

ตอนนี้เธอปฏิเสธ ก็หมายความว่าไม่มีโอกาสแล้ว

“ฉันมั่นใจ” ซ่างกวนหยวนไม่อยากที่จะเสียเวลากับเรื่องนี้ ก็ได้เปลี่ยนเรื่อง “ยังมีเรื่องอื่นไหม?”

ฟางยู่เชินก็ได้แบมือออก “ไม่มีแล้ว พวกเราสั่งอาหารเถอะ”

พูดจบ เขาก็ได้เอาเมนูอาหารวางไว้ตรงหน้าเธอ

แต่ว่าซ่างกวนหยวนก็ได้ลุกขึ้น มองเขาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ไหนๆ ก็ได้คุยกันเสร็จแล้ว งั้นข้าวก็ไม่จำเป็นต้องกินแล้ว”

พูดจบ เธอก็ได้ก้าวออกไป

มองเธอที่เดินออกไปจากร้านอาหาร ฟางยู่เชินก็ได้ส่ายหน้าอย่างไม่รู้ตัว เธอก็ยังเอาแต่ใจแบบนี้ตลอด

เขาก็ได้เก็บสายตา เอาโทรศัพท์ออกมา ส่งข้อความให้เจียงสื้อสื้อ บอกเธอว่าซ่างกวนหยวนกลับไปแล้ว

……

“คุณคิดว่าภรรยาในนิทานน่าสงสารไหมคะ?”

เล่านิทานเสร็จ สายตาของเจียงสื้อสื้อก็ได้จ้องหน้าของจิ้นเฟิงเฉินไม่ห่าง ถามลองเชิง

จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ขมวดคิ้วแน่น พยักหน้าเบาๆ “น่าสงสาร”

“ฉันก็รู้สึกว่าน่าสงสาร……”

เจียงสื้อสื้อพูดไปครึ่งหนึ่ง อยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ได้ดังขึ้น เธอมองสักพัก สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย

ซ่างกวนหยวนกลับมาแล้ว!

สังเกตเห็นว่าสีหน้าของเธอไม่ดีนัก จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ถามอย่างเป็นห่วง “เธอเป็นอะไรไปเหรอ?”

“อ่า?” เจียงสื้อสื้อเงยหน้า ก็ได้เจอกับสายตาที่เป็นห่วงของเขา ปากเธอก็ได้ยิ้ม “ฉันไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่คุณเถอะฟังนิทานของฉันจบแล้ว ก็ควรที่จะไปพักผ่อนที่ชั้นบนแล้ว”

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท