ก่อนมื้ออาหารเย็น ฟางยู่เชินกลับมาแล้ว
พอเถียนเถียนเห็นเขาแล้ว ก็รีบวิ่งเข้าไปหาเขาทันที
“น้าชาย!”
ฟางยู่เชินอุ้มเธอขึ้นมา พลางหยิกจมูกเธอไปเบาๆ บนใบหน้าอันหล่อเหลาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม”คิดถึงน้าหรือเปล่าครับ?”
“คิดถึง!” เถียนเถียนตอบกลับมาเสียงดัง
ฟางยู่เชินดวงตาหรี่เล็กลงด้วยความพึงพอใจ”ไม่เสียแรงที่น้าเอ็นดูหนู”
เขาอุ้มเถียนเถียนเดินไปยังห้องรับแขก เสี่ยวเป่ากับอานอานกำลังต่อจิ๊กซอว์กันอยู่ เห็นเขาเดินเข้ามาก็รีบวางจิ๊กซอว์ในมือลงไปทันที
“น้าชาย” เสี่ยวเป่าส่งเสียงเรียกออกมา
ฟางยู่เชินวางเถียนเถียนลง ยื่นมือออกไปแตะไปที่หัวของเขา”ช่วงนี้ได้ซื้อแบบใหม่มาบ้างหรือเปล่า?”
เสี่ยวเป่าพยักหน้าออกมา”มีครับ แด๊ดดี้กับคุณลุงซื้อแบบใหม่มาให้หลายแบบเลย”
ตั้งแต่ที่เขาไม่ได้ไปโรงเรียน จิ้นเฟิงเฉินกับจิ้นเฟิงเหรากังวลว่าเขาจะเบื่อ ก็เลยซื้อโมเดลมาวางไว้ที่บ้านไม่น้อยเลย เพื่อให้เขาฆ่าเวลา
“หลังจากนี้ไปมีเวลาก็ให้น้าชายดูโมเดลใหม่ของเธอหน่อยนะ”
เสี่ยวเป่าพอได้ยินแล้ว ก็ได้พยักหน้าออกมาอย่างแรง”ได้ฮะ”
ต่อจากนั้นมา ฟางยู่เชินมองไปทางอานอาน ยิ้มพลางถามออกไป”วันนี้หนูมีความสุขมากเลยใช่มั้ย? เพราะว่าเสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนมากัน”
“แน่นอนว่าต้องมีความสุขอยู่แล้ว” อานอานมองเสี่ยวเป่ากับเถียนเถียน”ผมชอบเสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนที่สุด”
“หนูก็ชอบพี่อานอานที่สุดเหมือนกัน” เถียนเถียนวิ่งเข้าไป จับมือเขาเอาไว้
อานอานมองเธอ ตัวเขาเปลี่ยนมามีความอ่อนโยนออกมามากยิ่งขึ้น
ฟางยู่เชินมองเขาไปเหมือนกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่สักพักหนึ่ง มองออกไปรอบๆ พลางถามออกไป”เสี่ยวเป่า หม่ามี้ของหนูกับน้าสะใภ้เล็กล่ะ?”
“พวกท่านกำลังเตรียมมื้อเย็นอยู่ในครัวกัน”
“เตรียมมื้อเย็น?” หัวคิ้วของฟางยู่เชินขมวดเข้าหากัน ก้าวเท้าเดินไปยังห้องครัว
เจ้าตัวยังไม่ได้เดินไปถึงห้องครัว ก็มองเห็นเจียงสื้อสื้อยกถ้วยน้ำซุปถ้วยหนึ่งออกมาจากห้องครัวเสียก่อน
ตอนที่เห็นเขา เจียงสื้อสื้อก็ยิ้มออกมาทันที”พี่ชาย พี่กลับมาได้เวลามากเลยจริงๆ”
หางคิ้วของฟางยู่เชินเลิกขึ้นมา”ว่าไงนะ?”
เขาเดินเข้าไปรับถ้วยซุปในมือของเธอชามนั้นไป ช่วยเธอยกไปวางบนโต๊ะรับประทานอาหารให้เรียบร้อย
“เพราะว่าเวยเวยเพิ่งจะผัดกับข้าวทั้งหมดเสร็จพอดีเลย”
บนโต๊ะอาหารวางอาหารเอาไว้หลากหลายเมนูมากเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยังแผ่ความร้อนออกมาอยู่ สีสันมองดูเย้ายวนใจเป็นอย่างมาก
ฟางยู่เชินรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง”สิ่งพวกนี้ล้วนแล้วแต่จะเป็นเวยเวยทำคนเดียวทั้งหมด?”
“หรือว่าพี่จะไม่เคยกินอาหารที่เวยเวยทำมาก่อน” เห็นใบหน้าแปลกใจของเขาแล้ว เจียงสื้อสื้ออดที่จะรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาเสียไม่ได้
“ฉันต้องเคยกินสิ เพียงแต่ไม่รู้ว่าฝีมือของเธอจะดีขนาดนี้ ถ้าไม่เพราะพวกเธอมา ฉันคงจะไม่ได้ลาภปากอย่างนี้”
ได้ยินเสียงของเขาแล้วก็เหมือนกับจะอิจฉาอยู่บ้าง
เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา พลางเอ่ยเย้าแหย่ออกมา”พี่ชาย พี่คงไม่ได้กินน้ำส้มฉันกับลูกหรอกใช่มั้ย?”
“ฉันไม่ได้เป็นอย่างนั้นแน่” ฟางยู่เชินเลื่อนสายตาออกไปอย่างร้อนตัว พลางเอ่ยเสียงเบาออกมา”อย่างมากก็หลังจากนี้ไปฉันจะให้เวยเวยทำให้ฉันกินทุกวันเลย”
แต่พอได้ย้อนกลับไปคิดๆดูแล้ว ถ้าเวยเวยลงครัวทุกวัน อย่างนั้นแล้วจะต้องเหนื่อยแย่เลย
เขาจึงรีบเปลี่ยนคำพูดออกมาทันที”สัปดาห์หนึ่งทำครั้งหนึ่ง”
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้าออกมาอย่างพลางไม่ได้ที่จะหลุดยิ้มออกมา
คนใช้ได้เอาถ้วยชามและตะเกียบมาวางเอาไว้เรียบร้อย เจียงสื้อสื้อไปเรียกเด็กๆมากินข้าวกัน
รอจนคนทั้งครอบครัวเข้ามานั่งกันเรียบร้อยแล้ว ฟางเถิงก็ได้เป็นคนเอ่ยพูดออกมาก่อนเป็นคนแรก”สื้อสื้อ หายากที่เวยเวยจะลงครัวสักครั้ง คุณกับเด็กๆจะต้องกินให้เยอะๆหน่อยนะ”
เจียงสื้อสื้อยิ้มพลางพูดออกมา”น้าชาย น้าวางใจเถอะ ฉันจะกินให้มันเยอะๆหน่อย ตอนที่ฉันดูเวยเวยทำกับข้าวอยู่ที่ในครัว ได้กลิ่นหอมนั้นก็หิวสุดๆขึ้นมา”
พอคำพูดนี้ได้พูดออกมาแล้ว ทำเอาทุกคนพากันขบขันกันขึ้นมา
“เวยเวย น้องเขยไม่ทำกับข้าวให้กินเหรอ?” ฟางยู่เชินเอ่ยเย้าออกมาประโยคหนึ่ง
เจียงสื้อสื้อรู้ว่าเขากำลังโจมตีเธออยู่ ใครใช้ให้เมื่อกี้นี้เธอมาเอ่ยเย้าเขากันล่ะ
“ฉันแค่ไม่เคยได้กินอาหารที่เวยเวยทำดีๆเลย” เจียงสื้อสื้อถลึงตาใส่เขาไปอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
“เวยเวย อย่าไปสนใจเขาเลย กินเนื้อซี่โครงชิ้นนี้” ซ่างหยิงคีบเนื้อซี่โครงชิ้นหนึ่งมาวางลงไปในชามของเธอ และก็ได้คีบน่องไก่ไปให้เด็กน้อยทั้งสามคนกันคนละน่อง
“ขอบคุณคุณย่า”
“ขอบคุณยาย”
เด็กน้อยทั้งสามคนพูดขอบคุณกันเสร็จ ต่างก็พากันก้มหน้าก้มตาเริ่มกินข้าวกัน
เจียงสื้อสื้อกัดเนื้อซี่โครงไปคำหนึ่ง ดวงตาเป็นประกายออกมา มองไปทางเหลียงซินเวย”อร่อยมากเลย”
เหลียงซินเวยพอได้ยินแล้ว ก็ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกออกมาทันที พลางเอ่ยยิ้มๆออกมา”งั้นก็ดี”
เธอยังกังวลอยู่เลยว่าตัวเองทำกับข้าวมามากมายอย่างนี้ คงไม่มีทางจะรับประกันได้ว่ามันจะอร่อยทุกเมนู แค่ได้ยินคำชมของพี่สื้อสื้อแล้ว หัวใจที่เป็นกังวลอยู่นั้นก็ได้คลายกังวลขึ้นมา
“ฝีมือการทำอาหารของเวยเวยมันไม่ได้เป็นเรื่องปิดบังเลย แน่นอนว่ามันอร่อยมากอยู่แล้ว” ฟางยู่เชินคีบเนื้อปลาชิ้นหนึ่งเข้าไปในปาก คางเชิดขึ้นเล็กน้อย แสดงท่าทีภาคภูมิใจออกมา
เจียงสื้อสื้อเลิกคิ้วขึ้นมา”ฝีมือการทำอาหารของเวยเวยดีมากจริงๆ แต่พี่เองก็ไม่ได้กินอาหารที่เธอทำเป็นประจำด้วยนี่”
ฟางยู่เชินได้ยินประโยคนี้แล้ว ก็ไม่ยินยอมขึ้นมาทันที”สื้อสื้อ วันนี้เธอมีความแค้นกับฉันเหรอ?”
เจียงสื้อสื้อยักไหล่ออกมาเล็กน้อย พลางเอ่ยยิ้มๆออกมา”คงจะถูกเฟิงเหราแพร่เชื้อมาให้ ชอบพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดออกมา”
“พวกคุณอย่าทะเลาะกันสิ” เหลียงซินเวยกลัวว่าพวกเขาจะทะเลาะกันขึ้นมา จึงรีบส่งเสียงพูดเกลี้ยกล่อมออกมาทันที
“พวกเราจะทะเลาะกันได้ยังไงกันน่ะ?” ฟางยู่เชินหลุดหัวเราะออกมาด้วยความจนใจ”พวกเราก็แค่ปะทะฝีปากกันแค่ไม่กี่คำเอง ไม่ได้ทะเลาะกันจริงๆเสียหน่อย”
เหลียงซินเวยวางใจขึ้นมา”งั้นก็ดี”
ต่อจากนั้น เธอก็ได้อธิบายให้กับเจียงสื้อสื้อ”อันที่จริงก็เป็นเพราะว่าฉันยุ่งอยู่กับงานที่ร้าน ไม่มีเวลาลงครัวเลย วันนี้รู้ว่าเธอจะต้องมา ฉันก็เลยตั้งใจลาให้ตัวเองวันหนึ่งโดยเฉพาะ ไม่อย่างนั้นแล้วก็ไม่มีเวลาว่างหรอก”
“งานที่ร้าน?” เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย”เธอกลับไปทำงานที่ร้านอาหาร?”
“ฉันกับน้าชายของเธอได้ซื้อร้านอาหารเอาไว้แล้ว ตอนนี้เวยเวยเป็นเถ้าแก่ร้าน” ซ่างหยิงพูดออกมา
เจียงสื้อสื้อประหลาดใจอย่างมาก”น้าชาย น้าสะใภ้เล็ก นึกไม่ถึงว่าพวกคุณจะซื้อร้านทั้งร้านมาแล้ว? สุดยอดเกินไปแล้ว!”
เธอชูนิ้วโป้งขึ้นมา ใบหน้าแสดงความชื่นชมออกมา
ฟางเถิงหลุดยิ้มออกมา”นี่มันเป็นเพียงแค่ของขวัญแต่งงานที่เรามอบให้เวยเวยเท่านั้น มันไม่ได้มีอะไรสุดยอดเลย”
“แต่นี่มันก็สามารถยืนยันได้แล้วว่าพวกคุณให้ความสำคัญกับเวยเวยมาก” เจียงสื้อสื้อวางตะเกียบลง เอ่ยอย่างเอาจริงเอาจังออกมา”ไม่ปิดบังพวกคุณ ตั้งแต่แรกฉันกังวลมากเลยว่าเวยเวยมาที่ตระกูลฟางแล้วจะไม่ชิน แต่ว่าดูจากตอนนี้แล้วฉันกังวลไปโดยเปล่าประโยชน์เสียแล้ว”
“พ่อแม่ปฏิบัติกับฉันเหมือนกับลูกสาวแท้ๆ ฉันจะไปไม่ชินได้ยังไงกัน”
สำหรับฟางเถิงกับซ่างหยิง ในใจของเหลียงซินเวยนอกจากความเคารพแล้ว สิ่งที่มากกว่านั้นเป็นความรู้สึกขอบคุณ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเคยไม่เห็นด้วยที่เธอคบหากับยู่เชิน แต่หลังจากที่ตัดสินใจที่จะยอมรับเธอแล้ว ก็ได้ปฏิบัติกับเธอเหมือนกับลูกสาวแท้ๆจริงๆ ทำดีกับเธอต่างๆนานา
นี่มันทำให้เธอหลายปีที่ผ่านมานี้จึงได้สัมผัสถึงความรักของพ่อแม่และความอบอุ่นของครอบครัวอีกครั้ง
ฟางยู่เชินจับมือของเธอเอาไว้”ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีฉันอยู่ เธอจะต้องชินอยู่แล้ว”
“ใช่แล้ว” เจียงสื้อสื้อยิ้มพลางอวยพรออกมา”หวังว่าพวกเธอจะสามารถมีความสุขอย่างนี้ต่อไป”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
ฟางยู่เชินกับเหลียงซินเวยสบตาแล้วยิ้มให้กัน
ข้าวมื้อหนึ่งกินกันไปชั่วโมงกว่าๆเต็มๆ ถ้าไม่เป็นเพราะว่าเถียนเถียนงอแงออกมาว่าอยากจะขึ้นตึกไป ผู้ใหญ่สองสามคนนี้คงจะยังกินข้าวอยู่อีกนาน
สิ่งที่สำคัญที่สุดของการพูดคุยกันของคนทั้งครอบครัว บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น